กลายเป็นทีวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างกับปัญหาฝุ่นละอองที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพ และมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งพวกที่วิจารณ์แต่ปากและพวกที่แนะวิธีการแก้ปัญหา แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าตั้งแต่เริ่มต้นตรวจพบฝุ่นละอองนั้น กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ติดตามค่าปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 ในอากาศอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการทำฝนสลายฝุ่นละอองเมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวย เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน
แต่การจะทำฝนหลวงให้มีประสิทธิภาพดีนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับปริมาณเมฆที่อยู่บนท้องฟ้าด้วยว่ามีความพร้อมหรือไม่ เพราะถ้าเมฆน้อยและไม่ทำปฏิกิริยากับสารที่ใช้ทำฝนหลวง หรือสภาพอากาศชั้นบนมีความเสถียรภาพ ก็อาจจะก่อให้เกิดผลที่ไม่ค่อยดีนักและจะบินขึ้นทำฝนหลวงไม่ได้ แต่กรมฝนหลวงก็จะยังคงติดตามสภาพอากาศและเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติการฝนหลวงบรรเทาปัญหาหมอกควันปกคลุมในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลต่อไป
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัญหาปริมาณค่าฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลซึ่งกำลังเป็นที่วิตกกังวลอยู่ในขณะนี้นั้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยและเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม จึงได้สั่งการให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิบัติการทำฝนหลวงสลายฝุ่นละอองจากปัญหาหมอกควันอย่างเร่งด่วน
จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 นั้น ตรวจพบค่าฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ อยู่ที่ 51 – 84 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินเกณฑ์มาตรฐาน (50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) จำนวน 6 สถานี ได้แก่ บริเวณถนนพระราม 4 ถนนอินทรพิทักษ์ ถนนลาดพร้าว ถนนพญาไท เขตบางนา และเขตวังทองหลาง ซึ่งปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย
“กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้เตรียมพร้อมการปฏิบัติภารกิจทำฝนบรรเทาปัญหาหมอกควัน โดยได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว จำนวน 3 หน่วย ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วจังหวัดนครสวรรค์ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วจังหวัดระยอง และหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ประสานความร่วมมือในการเฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศ และได้กำชับให้เพิ่มช่วงเวลาในการตรวจวัดสภาพอากาศชั้นบน จากเดิมเฉพาะช่วงเช้า เป็นช่วงเช้าและบ่าย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำในการปฏิบัติการฝนหลวงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเตรียมพร้อมเครื่องบินจำนวน 7 ลำ สำหรับการปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนในครั้งนี้อีกด้วย”
นอกจากนี้ จากการตรวจวัดค่าปริมาณฝุ่นละอองในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันพบค่าปริมาณฝุ่นละออง PM10 มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะที่ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ พบค่า PM10 อยู่ที่ 245 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี อยู่ที่ 132 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
ซึ่งกรมฝนหลวงฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมและจะทำการบินปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อดัดแปรสภาพอากาศ ลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ โดยไม่ได้นิ่งเฉยแต่อย่างใด