LH Bank จับมือ CTBC Bank ใช้ดิจิทัลดันทุกธุรกิจ

LH Bank จับมือ CTBC Bank ใช้ดิจิทัลดันทุกธุรกิจ

ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในปี 61 มีกำไรสุทธิ 3,108 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนร้อยละ 19.4 มีสินทรัพย์รวม อยู่ที่ 245,933 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนร้อยละ 5.5

ในปีนี้ได้ตั้งเป้าสินเชื่อโต 6 – 8% และได้วางแผนตลาดไว้พร้อมสำหรับรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี การแข่งขันในธุรกิจ รวมถึงความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา โดยหนึ่งในกลยุทธ์ของการทำตลาดคือการพัฒนาระบบพัฒนาระบบสารสนเทศ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกในการใช้บริการและจะทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี

“เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากปัจจัยขับเคลื่อนในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนที่มีแนวโน้มเติบโตดี เช่นเดียวกับการลงทุนภายในประเทศที่มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น จึงมองว่าเป็นทิศทางที่ดีที่จะช่วยให้ทิศทางการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจทางการเงิน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในปี 2562 ขยายตัวต่อเนื่อง”

นางศศิธร พงศธร (ฉัตรศิริวิชัยกุล) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (LHFG) กล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มดีขึ้นแต่ด้วยความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจและการเงินโลก ทำให้การดำเนินธุรกิจของกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ในปีนี้ ต้องทำการตลาดอย่างเต็มที่บนพื้นฐานของความยืดหยุ่นและระมัดระวัง โดยประสานความร่วมมือกันทั้งกลุ่มเพื่อเติมเต็มผลิตภัณฑ์และบริการให้ครบวงจรมากขึ้น รวมทั้งการนำไอทีเข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจ

รวมไปถึงยังได้ร่วมมือกับ CTBC Bank ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ และเป็นธนาคารเอกชนอันดับ 1 ของไต้หวัน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในบริการ Trade Finance บริการ Wealth Management และ Digital Banking ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งและสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ อาทิ การให้บริการ LH Bank Mobile Payment Service สำหรับร้านค้า หรือบริการรับชำระค่าสินค้าและบริการผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยการสแกน QR Code เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้สามารถชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน E-Wallet ชั้นนำจากทั่วโลก

“ดิจิทัลเป็นประเด็นร้อนตั้งแต่ปีที่ผ่านมารวมไปถึงปีนี้ โดยเฉพาะการเติบโตของ E-Wallet ซึ่งเมื่อ 3 ปีที่แล้วคนส่วนใหญ่จะใช้เครดิตการ์ดมากกว่า E-Wallet ประมาณ 22 เท่า แต่ปีที่แล้วต่างกันเพียง 8 เท่า นอกจากนี้ด้วยการที่เมืองไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามาก ประกอบกับนักท่องเที่ยวใช้ยุคใหม่ใช้ E-Wallet เพิ่มขึ้น15 เท่าเมื่อเทียบกับในอดีต ดังนั้นแลนด์แอนด์เฮ้าส์จึงได้หันมาเน้นเรื่องนี้มากขึ้นในทุกกลุ่มลูกค้า เริ่มตั้งแต่กลุ่มองค์กรก่อน ซึ่งการให้บริการดิจิทัลดังกล่าวธนาคารได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันภัยคุกคามจากไซเบอร์ Cyber security ด้วยลงทุนพัฒนาระบบ IT security เพื่อรองรับการทำธุรกรรมออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้นให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น”

นางศศิธร กล่าวว่า นอกจากนี้ธุรกิจหลักทรัพย์มีแนวโน้มต้องเผชิญกับการแข่งขันด้านเทคโนโลยีที่รุนแรงขึ้น โดยปัจจุบันมีการนำ Robot Trade เข้ามาใช้ซื้อขายในลักษณะ High Frequency Trading (HFT) ทำให้สภาพการซื้อขายโดยรวมมีความผันผวน บริษัทจึงเปิดให้บริการ Auto Trade ซึ่งเป็นระบบการส่งคำสั่งอัตโนมัติที่ทางระบบจะเป็นผู้ทำการซื้อขายตามสัญญาณซื้อขายในเงื่อนไขที่ลูกค้ากำหนด ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าส่งคำสั่งซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ชีวิตที่เร่งรีบ และไม่มีเวลาติดตามการลงทุน โดยทั้งหมดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างประสบการณ์การลงทุนที่ดีให้กับลูกค้า

ปัจจุบันธนาคารมีโครงสร้างสินเชื่อ Corporate : SME : Retail ร้อยละ 76 : 11 : 13 มีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) อยู่ในระดับต่ำเพียงร้อยละ 1.93 และสินเชื่อที่ค้างชำระตั้งแต่ 30 – 90 วัน (Delinquency) เพียงร้อยละ 0.99 ของสินเชื่อรวม สะท้อนถึงการควบคุมคุณภาพสินเชื่ออยู่ในเกณฑ์ดี อีกทั้งมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง มีอัตราส่วนเงินกองทุนรวมและเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ร้อยละ 20.0 และ 17.1 ตามลำดับ

ทั้งนี้สำหรับกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้ปรับภาพลักษณ์ mark Symbolic of CHANGE ภายใต้คอนเซ็ปต์ “We Are Family” เราคือครอบครัวเดียวกัน พร้อมยกระดับการให้บริการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินมืออาชีพ รวมทั้งการปรับพื้นที่บางสาขาให้มี Private Zone, Private Room เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกค้า โดยทีมที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคลที่เป็นมืออาชีพ ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบ Wealth Management System เพื่อช่วยในการจัดพอร์ต Asset Allocation ให้สอดคล้องกับคาแรคเตอร์ของลูกค้าแต่ละกลุ่ม แต่ละ Generation เพื่อตอบโจทย์กับความต้องการในการลงทุนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการเพิ่มช่องทางการให้บริการผ่าน Banking Agent ซึ่งจะให้บริการประมาณไตรมาสที่ 2

ด้านนายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (LH Fund) กล่าวว่า ธนาคารได้วางเป้าหมายปี 2562 โดยจะขยายขนาดกองทุนภายใต้การบริหารจัดการให้เติบโตอีก 10 – 20% ซึ่งในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่ค่อยมีใครเข้าถึงมากขึ้น

โดยบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และพาร์ทเนอร์ในการสร้างทางเลือกการลงทุนส่วนบุคคลและดึงดูดนักลงทุนรุ่นใหม่ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการภายใต้กลยุทธ์ Asset Allocation ที่กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดีในปีที่ผ่านมา

ภาพรวมผลการดำเนินงานการบริหารจัดการกองทุนในปี 2561 บริษัทมีกองทุนรวมที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการโดยนับรวม Property Fund และ REITs ประมาณ 56,284 ล้านบาท กองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ประมาณ 7,000 ล้านบาท และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) ประมาณ 2,908 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 ธุรกิจ มีอัตราการเติบโตได้ดีกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยในอุตสาหกรรม ทั้งนี้ LH Fund มีกองทุนที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีและยังได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar

นายกานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจและการตลาด บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Securities) กล่าวว่า แผนธุรกิจในปี 2562 บริษัทยังคงเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนแบบใหม่ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการให้มีความแตกต่างเพื่อขยายฐานรายได้และเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มนักลงทุน

นอกจากนี้ยังเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพของหน่วยงานสนับสนุน เจ้าหน้าที่ผู้แนะนำการลงทุน และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างต่อเนื่อง และยกระดับการเป็นที่ปรึกษาทางเงินและการลงทุนที่ดี

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

LH Bank

 

Related Posts