เอไอเอสจับมือ ATSI ร่วมกันนำ Digital Platform ช่วยยกระดับผู้ประกอบการและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทยในทุกด้านให้แข่งขันได้ พร้อมการส่งเสริมด้านการแลกเปลี่ยนความรู้ความสามารถเกี่ยวกับธุรกิจดิจิทัลและเทคโนโลยีพร้อมนำโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลของเอไอเอส ช่วยต่อยอดการพัฒนาซอฟต์แวร์ของสมาชิก ATSI ให้เข้าถึงโอกาสทางการตลาดใหม่ทั้งในและต่างประเทศ
วีรชัย พัชโรภาสวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานการตลาดและงานขาย กลุ่มลูกค้าองค์กร เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอสได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของประเทศไทย” กับสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI)
เพื่อร่วมกันนำความขีดความสามารถมายกระดับวงการซอฟต์แวร์ไทย และกระตุ้นให้พัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเอไอเอสในฐานะผู้ให้บริการ คือ Infrastructure และระบบ Cloud ในขณะเดียวกัน ATSI ก็รวบรวมซอฟต์แวร์จากผู้ผลิตและนักพัฒนาทั่วประเทศ
“ปัจจุบันเทคโนโลยีมีบทบาททั้งในการใช้ชีวิต และการทำธุรกิจ ไม่มีองค์กรไหนที่ทำธุรกิจโดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นเมื่อมีคอมพิวเตอร์ที่เป็น Hardware แล้ว ก็ต้องมี Software หัวใจสำคัญที่จะเข้ามา Run ระบบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น การเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล จัดการระบบโลจิสติก และอื่นๆ อีกมากมาย
ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้คือการเชื่อมต่อความต้องการของกลุ่มธุรกิจที่เป็นพาร์ทเนอร์ และกลุ่มผู้ผลิตซอฟต์ ให้เกิดการพัฒนาที่ตรงจุด และตอบโจทย์ตลาดมากที่สุด นับเป็นการร่วมกันผลักดันอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ให้เติบโต และพร้อมที่จะขยายตลาดสู่ระดับโลกในอนาคต”
ด้านนางเจนจิรา ประยูรรัตน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) กล่าวว่า ปัจจุบันวงการซอฟต์แวร์ในประเทศไทยตื่นตัวมาก มีผู้ผลิตและพัฒนามากกว่า 600 ราย ซึ่งสมาคมฯ มองว่าวงการซอฟต์แวร์ยังมีช่องทางให้สามารถเติบโตไปได้อีกมาก
โดยเฉพาะในยุคที่ทุกอุตสาหกรรม เร่งนำเทคโนโลยีมาใช้ ส่วนหนึ่งก็คือซอฟต์แวร์ ซึ่งเข้ามาขับเคลื่อนตั้งแต่ระบบการทำงานใหญ่ อาทิ Enterprise Resource Planning หรือระบบย่อย อาทิ การซื้อขาย ทำสต็อกสินค้า การเงิน ภาษี เป็นต้น
“วันนี้ศักยภาพของซอฟต์แวร์ไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากขึ้น ด้วยคุณภาพ ความหลากหลาย ครอบคลุม ทันสมัย ตอบโจทย์การทำธุรกิจ แต่ในขณะเดียวกันก็มีราคาสมเหตุสมผล เรามองว่าปัจจัยที่จะสนับสนุนต้องมาจากทั้งภาครัฐ และเอกชน”
“ซึ่งความร่วมมือกับเอไอเอสครั้งนี้ เป็นโอกาสของสมาคมฯ ที่จะได้นำบริการต่างๆ ของเอไอเอสมาต่อยอดการพัฒนา ซึ่งท้ายที่สุดแล้วผลลัพธ์จะตกอยู่ที่ผู้บริโภค ซึ่งเป็นลูกค้าของทั้งสองฝ่าย”
