ที่ปรึกษาทางเทคโนโลยีที่มีความเชี่ยวชาญด้านตลาดประเทศจีนท่านหนึ่งให้ความเห็นว่าคำสั่งคว่ำบาตรทางการค้าต่อ หัวเว่ย ที่ออกโดยคณะรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อทั้ง Google และ Apple
ขณะที่หลายฝ่ายกำลังกังวลว่าธุรกิจของแอปเปิลในประเทศจีนมีความสุ่มเสี่ยงจะถูกตอบโต้ทางการค้า และโกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจของสหรัฐคาดการณ์ว่าผลกำไรของแอปเปิล อาจลดลงถึงร้อยละ 29 หากถูกจีนตอบโต้ทางการค้า
เกรกอร์ เบอร์โควิช หุ้นส่วนผู้จัดการของบริษัทที่ปรึกษาและพัฒนาธุรกิจ GBA ให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ Business Insider เกี่ยวกับความเสี่ยงที่กูเกิลอาจต้องเผชิญว่า “การที่รัฐบาลสหรัฐตัดสินใจห้ามผู้ผลิตสมาร์ทดีไวซ์ของจีนใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของสหรัฐ
อาจส่งผลให้แอปพลิเคชั่นและบริการของจีนได้รับความนิยมมากขึ้นในตลาดอื่นๆ นอกประเทศจีน กล่าวคือ บริษัทของจีนเช่นไป่ตู้และดีดี อาจสามารถแซงหน้า Google และ Uber ได้ ในตลาดที่แบรนด์ หัวเว่ย มีความแข็งแกร่ง”
เบอร์โควิช อธิบายว่า สิ่งที่สำคัญของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นมิได้อยู่ในตลาดประเทศจีนแต่แท้จริงแล้วอยู่ในตลาดที่สมาร์ทโฟนของ หัวเว่ย มียอดจัดจำหน่ายสูง
“บริษัทของสหรัฐ เช่นกูเกิลจะเริ่มประสบปัญหาเพราะหัวเว่ยจะตั้งแถบค้นหาในสมาร์ทโฟนของตนเป็นของไป่ตู้แทนที่ของกูเกิล เมื่อความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้น
เราอาจจะได้เห็นการติดตั้งหรือการใช้งานแอพพลิเคชั่นหรือบริการจากผู้พัฒนาชาวจีนมากขึ้นในหลายส่วนของโลก โดยไป่ตู้อาจกลายเป็นโปรแกรมค้นหามาตรฐานของผู้ใช้ในอินเดียและทวีปแอฟริกา
และผู้พัฒนาชาวจีนอาจจะก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการอีเมล์และผู้ให้บริการด้านธุรกรรมออนไลน์มากยิ่งขึ้น”
การตัดสิทธิ์ไม่ให้สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยได้รับการอัพเดทระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รุ่นต่อไปอาจมีผลกระทบต่อธุรกิจของหัวเว่ยในสหรัฐหรือตลาดประเทศที่พัฒนา
แต่สิ่งนี้อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในตลาดประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากผู้บริโภคในตลาดประเทศกำลังพัฒนานั้นเล็งเห็นว่า การเป็นเจ้าของ สมาร์ทโฟนที่มีฮาร์ดแวร์ระดับไฮ-เอนด์ในราคาที่จับต้องได้นั้น สำคัญกว่าการอัพเดทระบบปฏิบัติการ
หลายฝ่ายหวั่นวิตกว่าแอปเปิลเป็นบริษัทของสหรัฐ ที่มีความเสี่ยงจะถูกตอบโต้ทางการค้ามากที่สุด เพราะแอปเปิลเป็นบริษัทของสหรัฐที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ที่มีราคาสูงในตลาดประเทศจีน
จีนอาจตัดสินใจสั่งห้ามจำหน่ายไอโฟนในประเทศ หากต้องการตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐที่มีต่อหัวเว่ย เนื่องจากจีนทราบดีว่า การสั่งห้ามจำหน่ายสินค้าของแอปเปิลในจีนจะส่งผลกระทบต่อแอปเปิลอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ดี เบอร์โควิชให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ทุกฝ่ายควรต้องคำนึงถึงผลกระทบระยะยาวที่มีต่อบริษัทอื่นๆ ของสหรัฐหลังจากที่มีการคว่ำบาตรทางการค้าต่อหัวเว่ยด้วย
โดยนายเบอร์โควิช อธิบายว่า “ประเด็นนี้มีผลกระทบในระดับรองมากมาย ที่อาจจะสำคัญมากกว่าผลกระทบหลัก”
ขณะที่วาณิชธนกิจในวอลล์สตรีทประมาณการว่า Google จะสูญเสียรายได้มหาศาล หลังจากตัดความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับหัวเว่ย
- การประกาศให้หัวเว่ยเป็นบริษัทในบัญชีดำของสหรัฐโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งผลให้กูเกิล ต้องประกาศเพิกถอนใบอนุญาตใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของหัวเว่ย
- การตัดสินใจถอนใบอนุญาตนี้ส่งผลให้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของหัวเว่ยอาจไม่สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นจากเพลย์สโตร์ และจะส่งผลให้กูเกิลสูญเสียรายได้หลายร้อยล้านดอลลาร์ต่อปี
- นักวิเคราะห์จากบริษัทโนมูระ อินสติเนต เขียนให้ความเห็นว่ากูเกิลอาจจะสูญเสียรายได้ตั้งแต่ 375 ถึง 425 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี หากการคว่ำบาตรทางการค้าต่อหัวเว่ยส่งผลเชิงลบในระดับรุนแรงที่สุด
- ในขณะเดียวกัน แดน ไอฟว์ กรรมการผู้จัดการของบริษัทหลักทรัพย์ Wedbush Securities คาดว่ากูเกิลจะสูญเสียรายได้ต่อปีตั้งแต่ 150 ถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
- บริษัทวิจัยด้านตลาดตราสารโยมูระ อินสติเนต ประมาณค่าความเสียหายของกูเกิลจากการเพิกถอนใบอนุญาตใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของหัวเว่ยว่า กูเกิลอาจสูญเสียรายได้ต่อปีถึงกว่า 425 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
การที่หัวเว่ยถูกเพิกถอนใบอนุญาตใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์จากกูเกิลจะส่งผลโดยตรงต่อรายได้ที่กูเกิลได้รับจากเพลย์สโตร์ซึ่งกูเกิลจะหักค่าซื้อแอปลิเคชั่นหรือบริการที่อัตราร้อยละ 30 จากการซื้อแต่ละครั้ง
นักวิเคราะห์จากบริษัทโนมูระ อินสติเนต ให้ความเห็นว่ากูเกิลอาจจะสูญเสียรายได้จากเพลย์สโตร์ตั้งแต่ 375 ถึง 425 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี
ยุโรปจะเป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบสูงสุด
บริษัทโนมูระ อินสติเนต คาดการณ์ในรายงานของบริษัทว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนของหัวเว่ย กว่า 500 ล้านคนทั่วโลก แต่ร้อยละ 52 ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนหัวเว่ยนั้นอยู่ในตลาดประเทศจีน
ซึ่งมีการปิดกั้นไม่ให้ผู้ใช้เข้าถึงระบบร้านค้ากูเกิลเพลย์ ดังนั้น กูเกิลจะได้รับผลกระทบในตลาดที่มีกำไรจากการขาย แอปพลิเคชั่นเช่นยุโรปหรือตลาดอื่นๆ ในทวีปเอเชียนอกเหนือจากประเทศจีน
รายงานดังกล่าวยังประมาณว่ากูเกิลมีรายได้จากเพลย์ สโตร์ประมาณ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2018 และรายได้ประมาณ 388 ล้านเหรียญสหรัฐมาจากสมาร์ทโฟนของหัวเว่ย
โดยภูมิภาคที่มีสัดส่วนรายได้สูงสุดนั้นคือทวีปยุโรป ซึ่งรายได้จากเพลย์ สโตร์ในสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยในปีที่ผ่านมานั้นสูงถึง 190 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนในตลาดทวีปเอเชีย (ไม่รวมประเทศจีน) นั้นสูงประมาณ 137 ล้านเหรียญสหรัฐ