ฟอร์ดปรับโฉม “เรนเจอร์” เรือธงตัวใหม่ที่ฟอร์ดทุ่มเทอย่างมาก

ฟอร์ดปรับโฉม “เรนเจอร์” เรือธงตัวใหม่ที่ฟอร์ดทุ่มเทอย่างมาก

การก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 3 ในตลาดรถกระบะในเมืองไทย กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ฟอร์ดประเทศไทยหันมาเน้นรถรุ่นนี้เป็นพิเศษ เพราะล่าสุดได้ทำการปรับโฉมพร้อมเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ แถมยังอัดเทคโนโลยีให้มากกว่าเดิม

จนเรียกได้ว่ามีความไฮเทคล้นเกินหน้าเกินตาชาวบ้านไปอีกมาก เพราะจากรุ่นเดิมก็เรียกได้ว่าหาออปชันของคู่แข่งเทียบได้น้อยมากอยู่แล้ว และที่สำคัญการบุกตลาดครั้งนี้มีให้เลือกกันถึง 20 รุ่นย่อย

เทคโนโลยีไฮเทคใหม่เด่นๆ ที่เพิ่มเข้ามาก็ประกอบไปด้วยระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (Autonomous Emergency Braking) และระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist)

ซึ่งช่วยในการเทียบจอดข้างทางแบบกึ่งอัตโนมัติ ระบบ SYNC 3 ภาษาไทย ที่รองรับ Apple Carplay และ Android Auto ระบบตัดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร (Active Noise Cancellation)

การปรับโฉมครั้งนี้ฟอร์ดมีเครื่องยนต์ดีเซลให้เลือกถึง 3 แบบได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 2.0 ลิตร เทอร์โบ และเครื่องยนต์ดูราทอร์คเดิม ขนาด 2.2 ลิตรเทอร์โบ

โดยนอกจากความหลากหลายของรุ่นแล้วฟอร์ดยังจัดบริการฟรีค่าแรงในการตรวจเช็คตามระยะ สูงสุดถึง 5 ปี หรือภายในระยะ 75,000 กิโลเมตร และระบบช่วยโทรฉุกเฉินในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ตั้งราคาเริ่มต้นที่ 559,000 บาท

การรุกตลาดของเรนเจอร์แบบอัดแน่นทั้งเทคโนโลยีครั้งนี้ เป็นการต่อยอดจากการที่ประเทศไทยเป็นตลาดที่มียอดขายฟอร์ด เรนเจอร์ สูงที่สุดในโลก โดยยอดขายครึ่งปีแรกทำสถิติเติบโตขึ้นถึง 36 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่ผ่านมา โดยมียอดขาย 27,455 คัน ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 1.5 จุด เป็น 13.2 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่นับรวมความสำเร็จในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก

ด้วยสถิติยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 เพิ่มขึ้นสูงถึงเกือบ 9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยทำยอดขายได้สูงถึง 69,103 คัน

นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน ประธาน ฟอร์ด อาเซียน และกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า การเปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่นี้ได้มีการเพิ่มเทคโนโลยีและขุมพลังใหม่ที่มอบสมรรถนะที่เหนือกว่า เป็นการต่อยอดการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคในรุ่นที่ผ่านมา โดยเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ของฟอร์ดผลิตจากวัสดุและการออกแบบทางวิศวกรรมที่ล้ำสมัย

อีกทั้งยังมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ทรงพลังและเปี่ยมประสิทธิภาพ ด้วยระบบคอมมอนเรล หัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่น ท่อร่วมไอดี และสายพานไทม์มิ่งแบบจุ่มในน้ำมันเครื่อง

โดยในรุ่นไวล์ดแทรค 4×4 นั้นจะใช้เครื่องยนต์รุ่นเดียวกันกับเรนเจอร์ แร็พเตอร์ เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ขนาด 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมมอบกำลังสูงสุด 213 แรงม้า และแรงบิด 500 นิวตันเมตร ไบเทอร์โบที่ใช้เป็นระบบ Sequentail Turbocharging ที่ผสานการทำงานของเทอร์โบชาร์จเจอร์ทั้ง 2 ตัว

โดยเทอร์โบชาร์จเจอร์ตัวแรกเป็นแบบเทอร์โบแปรผัน (Vartiable Turbocharger) จะช่วยเร่งการตอบสนองของคันเร่ง และลดช่วงการรอรอบ ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดและแรงม้าสูงแม้ตอนใช้ความเร็วต่ำ ในขณะที่เทอร์โบชาร์จเจอร์ตัวที่สอง

ซึ่งเป็นระบบเทอร์โบ Fixed-geometry จะรับหน้าที่ต่อเพื่อเพิ่มกำลังและความเรียบลื่นให้กับเครื่องยนต์ขณะใช้ความเร็วสูง ที่สำคัญสามารถบรรทุกและลากจูงได้สูงสุดถึง 3,500 กิโลกรัม

สำหรับเครื่องยนต์อื่นๆ อย่าง เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ในรุ่นไวล์ดแทรค 4×2 และรุ่นใหม่ลิมิเต็ด (Limited) มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด มอบกำลังสูงถึง 180 แรงม้า และแรงบิด 420 นิวตันเมตร สำหรับรุ่น Limited ยังมีรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีดให้เลือกอีกด้วย ส่วนรุ่น XLT XLS และ XL มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร

เทอร์โบมอบกำลัง 160 แรงม้า และแรงบิด 385 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา 6 สปีด โดยฟอร์ดจะทยอยเปิดตัว ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ซึ่งผลิตที่โรงงานออโต้ อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (AAT) และโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ที่จังหวัดระยอง ในตลาดต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในช่วงครึ่งปีหลัง

นางสาวยุคนธร กล่าวว่า สำหรับยอดขายครึ่งปีแรกของฟอร์ด เรนเจอร์ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากนี้ เป็นผลมาจากยอดขายที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในหลายประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และไทย

โดยนับเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ที่ฟอร์ด เรนเจอร์ ยังคงครองตำแหน่งยานพาหนะที่ทำยอดขายได้ดีที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ ในขณะเดียวกันก็ยังครองตำแหน่งรถกระบะที่ขายดีที่สุดในไต้หวันและเวียดนามติดต่อกันอีกด้วย

นอกจากนี้ ส่วนแบ่งการตลาดของฟอร์ด เรนเจอร์ ในประเทศไทย ที่ซึ่งรถกระบะได้รับความนิยมมากในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ ก็เติบโตขึ้นอย่างน่าประทับใจเช่นกัน

ออสเตรเลีย สร้างสถิติครึ่งปีแรกที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้น 2.2 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 22,105 คัน ส่งผลให้ฟอร์ด เรนเจอร์ ยังคงครองตำแหน่งหนึ่งในรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ขายดีที่สุดในประเทศในปี 2561 เช่นเดียวกับในประเทศเวียดนามฟอร์ด เรนเจอร์ เป็นผู้นำตลาดรถกระบะติดต่อกันเป็นปีที่ 5

โดยครองส่วนแบ่งการตลาดสูงเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ สำหรับในประเทศฟิลิปปินส์ ยอดขายครึ่งปีแรกของฟอร์ด เรนเจอร์ เติบโตสูงขึ้นถึง 19 เปอร์เซ็นต์ ด้วยยอดขาย 5,470 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดเกือบ 23 เปอร์เซ็นต์

ประเทศนิวซีแลนด์ ฟอร์ด เรนเจอร์ ยังคงเป็นยานพาหนะที่ขายดีที่สุดในประเทศ โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ฟอร์ด เรนเจอร์ สร้างสถิติยอดขาย 5,160 คัน ทิ้งห่างคู่แข่งอันดับรองลงมาถึง 1,200 คัน และครองส่วนแบ่งตลาดรถกระบะที่ 26 เปอร์เซ็นต์

ฟอร์ด เรนเจอร์ เป็นยานพาหะที่ขายดีที่สุดติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และเป็นรถกระบะที่ขายดีที่สุดในนิวซีแลนด์ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 อีกด้วย ส่วนไต้หวัน ฟอร์ด เรนเจอร์ ยังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาดรถกระบะด้วยส่วนแบ่งการตลาดในช่วงครึ่งปีแรกที่สูงถึง 63 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเพิ่มมากขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ฟอร์ด เรนเจอร์ เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศจีน ที่ซึ่งความต้องการรถกระบะแบบสมบุกสมบันแต่ยังคงรูปลักษณ์ที่โดดเด่น มีเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และฟอร์ด เรนเจอร์ คือคำตอบสำหรับลูกค้าที่ต้องการออกเดินทางไปค้นหาไลฟ์สไตล์และโอกาสที่จะได้พักผ่อนอย่างลงตัว

Related Posts