ไมโครซอฟท์ พร้อมดัน AI ยกระดับธุรกิจและศักยภาพไทย

ไมโครซอฟท์ พร้อมดัน AI ยกระดับธุรกิจและศักยภาพไทย

ผ่านไป 1 ปีของการเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ของ ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ ผู้บริหารไฟแรงที่เข้ามาในช่วงการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีแบบพอดิบพอดี ถือเป็นการวัดความสามารถของผู้บริหารหน้าใหม่ที่ต้องเข้ามาดูแลธุรกิจที่อยู่มานานอย่างไมโครซอฟท์

โดยนโยบายของการบริหารงานนับจากนี้จะเน้น AI for Thailand ผ่านแนวคิด Accelerate Together ซึ่งไมโครซอฟท์จะนำเทคโนโลยีของโลกยุคใหม่ไปสู่บริษัทต่างๆ ในเมืองไทย ผ่านพนักงานที่จะนำเครื่องมือที่พร้อมเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าอย่างใกล้ชิด

การมุ่งนโยบาย AI for Thailand นั้น ไมโครซอฟท์ ได้วางรากฐานด้านตัวผลิตภัณฑ์ไว้แล้ว และขณะนี้ทุกผลิตภัณฑ์และบริการของไมโครซอฟท์ได้มีการฝังเอไอเข้าไปทั้งหมดแล้ว

โดยเฉพาะไมโครซอฟต์อาชัวร์ซึ่งปัจจุบันเป็นคอมพิวติ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะเป็นส่วนช่วยขับเคลื่อนได้เป็นอย่างดี ดังนั้นนับจากนี้จะเน้นการเข้าไปทำงานรวมกับโลคอลพาร์ทเนอร์ ด้วยการนำความรู้เข้าไปร่วมกับการใช้งานของลูกค้า และเน้นการสนับสนุนนักพัฒนาเป็นพิเศษ

ธนวัฒน์ กล่าวว่า การนำ AI เข้ามาใช้กับไทยไม่ใช่แค่เรื่องภาษาเท่านั้น แต่จะเป็นการให้ความรู้และต่อยอดนักพัฒนา ซึ่งในปี 2018 นั้นตลาดมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมากทำให้ผู้บริหารหลายองค์กรไรู้จะเดินไปทางไป องค์กรต้องเร็วซึ่งถือเป็นความท้าทายที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนั้น

โดยเทคโนโลยีหลักยังเป็น AI, BlockChain และ Intelligent Cloud ยังเป็นตัวขับเคลื่อนเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน และยังคงแอคทีฟต่อเนื่อง แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือการจะทำให้ AI ฉลาดจำเป็นต้องใส่ข้อมูลเป็นจำนวนมากเข้าไป และทำให้มีการใช้งานคลาวด์เพิ่มมากขึ้น

“การจะนำ AI มาใช้นั้นต้องเน้นความปลอดภัยข้อมูลลูกค้าเป็นสำคัญ เพราะจะปล่อยให้ AI ทำงานฝ่ายเดียวไม่ได้ มนุษย์ต้องควบคุม อย่ามองสิ่งที่ทำผลกำไรให้เพียงอย่างเดียว ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ได้มุ่งพัฒนา AI ให้มีศักยภาพในหลากหลายด้าน

ซึ่งนอกจากการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลแล้ว ยังรวมถึงความสามารถในการรับรู้โลกภายนอกในระดับที่ทัดเทียมกับมนุษย์ โดยความสำเร็จ 4 เรื่องที่ไมโครซอฟท์ได้พัฒนา AI ขึ้น ประกอบด้วย 1.การพัฒนาศักยภาพด้านการมองเห็นและรับรู้วัตถุเทียบเท่ากับมนุษย์ในปี 2559

2.การรับฟังเสียงพูดของมนุษย์เทียบเท่ากับมนุษย์ในปี 2560 3.การอ่านจับใจความ เทียบเท่ากับมนุษย์เมื่อเดือนมกราคม ปี 2561 และ 4.การแปลภาษา (จีน-อังกฤษ) เทียบเท่ากับมนุษย์เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2561″

ไมโครซอฟท์เชื่อว่าโลกของเราขณะนี้ อยู่ในยุคแห่งอัจฉริยภาพของเทคโนโลยีคลาวด์ที่ทุกอย่างล้วนเชื่อมโยงถึงกัน (Intelligent Cloud and Intelligent Edge) โดยมุมมองนี้ได้สะท้อนออกมาเป็น 3 จุดมุ่งหมายสำคัญที่ขับเคลื่อนการทำธุรกิจของบริษัท ประกอบด้วย

1. People-centered experiences: การสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ยึดความต้องการของผู้ใช้เป็นสำคัญ โดยที่สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นบนทุกดีไวซ์ และคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้กับบุคคลที่ต้องติดต่อสื่อสารหรือทำงานด้วยในแต่ละวัน

  1. AI การพัฒนานวัตกรรมที่ผลักดันให้มนุษย์มีศักยภาพสูงขึ้น ทั้งในการทำงานและในชีวิตประจำวัน และยังเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าถึงศักยภาพนี้อย่างเท่าเทียมกัน และ 3. Ubiquitous computing การขยายศักยภาพอัจฉริยะของเทคโนโลยีให้สามารถใช้งานได้จากทุกที่อย่างแท้จริง ด้วยคุณสมบัติในการคิดวิเคราะห์จากข้อมูล ที่ทำได้ทั้งบนคลาวด์และในอุปกรณ์ปลายทาง

ตัวอย่างการใช้งาน AI และ Machine Learning ที่น่าสนใจบนแพลตฟอร์มของไมโครซอฟท์ อาทิ BMW ConnectedDrive แพลตฟอร์มบริการและแอปพลิเคชันเพื่อการเชื่อมต่อระหว่างผู้ขับขี่ ยานยนต์ และโลกภายนอก โดยครอบคลุมทั้งด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัย

Seeing AI: จากโปรเจกต์แนวคิดของวิศวกรไมโครซอฟท์ สู่แอปพลิเคชันฟรีบน iOS ที่สามารถอ่านและบรรยายสิ่งต่างๆ ในโลกรอบตัวให้ผู้พิการทางสายตาได้รับรู้และเข้าใจ

FarmBeats: เพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนให้เกษตรกร ด้วยโซลูชันที่ผสมผสานอุปกรณ์เซ็นเซอร์ โดรน กล้อง และระบบ Machine Learning ที่สามารถเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจากภาคสนามได้อย่างรวดเร็ว

DJI: สานต่อแนวคิด “Intelligent Cloud, Intelligent Edge” ด้วยการเติมศักยภาพอัจฉริยะจาก AI และ Machine Learning ให้โดรนรับรู้โลกภายนอกได้อย่างชาญฉลาด

Conservation Metrics: สนับสนุนการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า ด้วยระบบ AI ที่สามารถแยกแยะเสียงสัตว์ออกจากเสียงอื่นๆ ในสภาพแวดล้อมรอบข้าง ก่อนจะนำไปวิเคราะห์เพื่อบันทึกเป็นข้อมูลในการติดตามประชากรสัตว์ป่า

Related Posts