หมดปัญหาการซื้อประกันแบบเต็มราคาแล้วใช้ไม่คุ้มค่า เพราะล่าสุดเอไอเอสได้จับมือกับประกันภัยไทยวิวัฒน์ เปิดตัว ประกันภัยรถ แบบเปิด-ปิด คิดราคาตามชั่วโมงที่ใช้งาน และสามารถเติมเงินเข้าไปได้เพื่อต่ออายุ มาพร้อมเทคโนโลยี NB-IoT Motor Tracker ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาเปิดและปิดการใช้ประกันเหมือนประกันตามการใช้งานรูปแบบเดิม โดยระบบจะเปิดให้อัตโนมัติเมื่อสตาร์ทรถ จ่ายค่าเบี้ยประกันตามการใช้งานจริงทำให้ลดค่าใช้จ่ายค่าเบี้ยประกันไปได้ถึง 40% มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 600 บาทใช้ได้ 144 ชั่วโมง สำหรับประกันชั้น 3 พลัส
โซลูชัน NB-IoT Motor Tracker for UBI จะทำงานโดยใช้เทคโนโลยีติดตามการทำงานของยานพาหนะบนเครือข่าย NB-IoT เมื่อมีการสตาร์ทรถยนต์ อุปกรณ์ IoT จะส่งค่า Engine Start ผ่านแพลตฟอร์ม AIS IoT และมาประมวลผลยัง Thaivivat Server พร้อมแจ้งเตือนไปยังแอปพลิเคชัน Thaivivat Motor เพื่อเริ่มต้นเปิดประกันภัยโดยอัตโนมัติ และเมื่อดับเครื่องยนต์ อุปกรณ์ IoT ก็จะส่งค่า Engine Stop กลับมาอีกครั้ง เพื่อปิดประกันให้อัตโนมัติเช่นกัน ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาเปิด-ปิดด้วยตัวเองอีกต่อไป หรือในกรณีรถอยู่ในพื้นที่ห่างไกล อุปกรณ์จะเก็บข้อมูลไว้ และเมื่อเชื่อมต่อสัญญาณ NB-IoT อีกครั้งก็จะส่งข้อมูลให้กับระบบทันที จึงได้ความแม่นยำและความถูกต้องของข้อมูลสูง
“โซลูชันนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ของไทยวิวัฒน์ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะสามารถส่งข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ผ่านเครือข่าย NB-IoT เมื่อมีการสตาร์ทและดับเครื่องของรถที่ทำประกันรถเปิดปิด ประกันนั้นก็จะเปิดและปิดให้โดยอัตโนมัติ ทำให้บริษัทประกันภัยได้รับข้อมูลที่มีความแม่นยำ ถูกต้อง และให้การดูแลลูกค้าขององค์กรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงลูกค้าทั่วไปที่มีรถหลายคันหรือมีรถคันเดียวแต่ใช้งานในแต่ละวันไม่เกิน 4 ชั่วโมงจะคุ้มค่ามาก”
นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอสให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการเกิดขึ้นของ Business Model ใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มเอ็นเตอร์ไพรส์ พร้อมยกระดับความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในทุกด้าน โดยปัจจุบันนวัตกรรม IoT ถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนา Smart City ให้เกิดขึ้นจริง และเอไอเอสก็ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชนมากมายนำ IoT โซลูชันไปเสริมศักยภาพการดำเนินงานขององค์กรมาอย่างต่อเนื่อง
ความร่วมมือกับประกันภัยไทยวิวัฒน์ครั้งล่าสุดนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของการนำเทคโนโลยี NB-IoT มาเสริมศักยภาพการบริการให้กับธุรกิจประกันภัย ซึ่งเป็นบริการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย และลูกค้าให้ความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนให้เกิด Usage Based Insurance (UBI) ในกลุ่มธุรกิจประกันภัย และยังจะเป็นการกระตุ้นให้กลุ่มลูกค้าที่ไม่ทำ ประกันภัยรถ เพราะคิดว่าไม่จำเป็นได้ใช้เป็นทางเลือก เพื่อลดการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น โดยปัจจุบันเอไอเอสเป็นผู้นำนวัตกรรม IoT อันดับ 1 และเป็นรายแรกและรายเดียวในไทยที่มีโครงข่าย eMTC และ NB-IoT ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ
ด้านนายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ กล่าวว่า ประกันภัยไทยวิวัฒน์ตั้งใจที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านการประกันภัยเพื่อผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ ซึ่งความร่วมมือจากเอไอเอสในการนำ NB-IoT Motor Tracker for UBI มายกระดับผลิตภัณฑ์ประกันรถเปิดปิดครั้งนี้ นับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการใช้งานเปิดปิดจากผู้ใช้งานแบบเดิม ทำให้ประกันภัยไทยวิวัฒน์ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ และสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“บริการใหม่นี้จะช่วยให้ผู้บริโภคมีความสะดวกสบายไร้ความกังวล ใช้ชีวิตได้ตามไลฟ์สไตล์ที่ต้องการอย่างมีอิสระ เพราะประกันภัยไทยวิวัฒน์ได้ให้ความคุ้มครองและการบริการอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ด้านการประกันภัยรถยนต์ที่ดี ทั้งยังเป็นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยยุคดิจิทัลอีกด้วย ช่วยให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองและจ่ายค่าเบี้ยประกันตามการใช้งานจริง ขับค่อยจ่าย ไม่ขับไม่ต้องจ่าย ประหยัดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ไปได้ถึง 40%”
ทั้งนี้ ลูกค้าที่ซื้อประกันรถเปิดปิดดังกล่าวจะได้รับอุปกรณ์ NB-IoT Motor Tracker for UBI พร้อมอินเทอร์เน็ตเพื่อใช้งานตลอดระยะเวลาเอาประกัน ได้ทันที! ติดตั้งง่ายเพียงเสียบอุปกรณ์เข้ากับ USB Port ในรถยนต์ก็พร้อมใช้งานทันที ถือเป็นการนำนวัตกรรมดิจิทัลที่ยกระดับผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง