สตีเบล เอลทรอน เปิดโรงงานที่สองอย่างเป็นทางการ พร้อมเพิ่มสายพานการผลิตสำหรับปั๊มน้ำรุ่นใหม่ สตีเบล บูส นวัตกรรมล่าสุด รองรับการผลิต 2,000 เครื่องต่อเดือน คาดเพิ่มขึ้น 2 เท่าภายในปี 2018 ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้า พร้อมตอบโจทย์อุปกรณ์ทำระบบน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
โรแลนด์ เฮิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเซีย จำกัด กล่าวว่า เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและกิจวัตรประจำวันของผู้บริโภค โดยทีมวิศวกรและทีมวิจัยและพัฒนาต่างทุ่มเทเพื่อพัฒนาอุปกรณ์ที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ผมจึงเชื่อมั่นว่าสตีเบล บูส ปั๊มน้ำรุ่นใหม่นี้จะตอบโจทย์ด้านระบบน้ำได้อย่างยอดเยี่ยม และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับครัวเรือนของคนไทยทุกคน”
ซึ่งปั๊มน้ำสตีเบล บูส ใช้เวลาในการพัฒนาและทดสอบคุณภาพนานถึง 3 ปี เป็นปั๊มน้ำที่มีกำลังแรง มีประสิทธิภาพสูง แม้กระทั่งในบริเวณที่น้ำไหลเอื่อยและมีแรงดันต่ำ จึงทำให้สตีเบล บูส แตกต่างและโดดเด่นจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในท้องตลาด ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์สำหรับน้ำอื่นๆ ในครัวเรือน
โดยสตีเบล บูส มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัย ทำจากวัสดุคุณภาพพรีเมียมอย่างสแตนเลสสตีล และได้ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อประสิทธิภาพการใช้น้ำสูงสุด และปราศจากเสียงรบกวน
ไค บรูซไดลิน ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ เครื่องปั๊มน้ำ สตีเบล บูส (Stiebel Boost) กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า ในฐานะบริษัทผู้เชี่ยวชาญทางด้านน้ำ เราได้ให้ความสำคัญด้านการพัฒนาอุปกรณ์เกี่ยวกับน้ำที่มีคุณภาพสูงและน่าเชื่อถือที่สุดสำหรับผู้บริโภค และจากประสบการณ์ของเราแล้ว ปัญหาที่ผู้บริโภคมักพบเจอเกี่ยวกับน้ำ เกิดจากแหล่งน้ำที่เปลี่ยนแปลงหรือขาดความคงที่ ดังนั้นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่อำนวยความสะดวกสำหรับการใช้น้ำในครัวเรือนและมอบคุณภาพน้ำสูงสุด
การเปิดไลน์การผลิตใหม่ครั้งนี้จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตปั๊มน้ำของสตีเบล เอลทรอนได้ถึง 2,000 เครื่องต่อเดือน และคาดว่าจะเพิ่มความสามารถในการผลิตเป็นสองเท่าภายในปี 2018 และหากได้รับการตอบรับที่ดี ก็จะเพิ่มกำลังผลิตตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดในอนาคต
ทั้งนี้ปั๊มน้ำสตีเบล บูส มีให้เลือก 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น 3A-CS (300 วัตต์), รุ่น 4A-CS (450 วัตต์), รุ่น 6A-CS (600 วัตต์) และ รุ่น 7A-CS (750 วัตต์) ราคาจำหน่ายเริ่มต้นตั้งแต่ 7,990 บาท, 8,990 บาท, 10,990 บาท และ 12,990 บาท
