ภาพจำของฟอร์ดเรนเจอร์คือกระบะนิรภัยคันแรกของเมืองไทย ที่ใส่ถุงลมนิรภัยคู่หน้าพร้อมระบบเบรคเอบีเอสมาให้ในปี 1999 ถือเป็นการสร้างภาพให้ฟอร์ดกลายเป็นค่ายรถยนต์ที่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ซึ่งในขณะนั้นในบรรดารถกระบะยังไม่มีใครมี
ซึ่งอาจจะรวมถึงรถเก๋งในหลายๆ รุ่นในเมืองไทยด้วย จนมาถึงรุ่นล่าสุดนี้ก็ยังคงใส่ระบบความปลอดภัยมาให้แบบเต็มพิกัด จนเรียกได้ว่าฉีกหน้ารถยุโรประดับหรูหลายรุ่นเลยทีเดียว
หลายปีก่อนผู้เขียนได้เคยทดลองขับฟอร์ดเรนเจอร์มาแล้วครั้งหนึ่ง การขับครั้งนั้นทำให้ลบความรู้สึกที่เคยมีกับรถกระบะออกไปจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย สมรรถนะการขับขี่ ที่ต้องบอกว่าเหนือกว่าแบรนด์ญี่ปุ่นในขณะนั้นทั้งหมด และกลายเป็นตัวเลือกหนึ่งในใจถ้าต้องเลือกซื้อรถยนต์ประเภทนี้เลยทีเดียว
จนมาถึง Ranger 2.0 Bi-Turbo Wildtrak 4×4 10A/T ที่ได้มาสัมผัสกันในครั้งนี้ ต้องบอกเลยว่า สิ่งที่เคยดีอยู่แล้วได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นในทุกด้านโดยเฉพาะความปลอดภัยและไฮเทค ที่ยังคงให้มากกว่าคู่แข่งทุกค่ายแบบเทียบกันไม่ติด
และแม้ว่าจะมีราคาค่าตัวสูงถึง 1,265,000 บาท แต่ถ้าเทียบกับรุ่นท็อปของทุกค่ายแบบตัวต่อตัวแล้วยังไงก็คุ้มกว่า โดยเฉพาะเจ้าตลาดที่ราคาห่างกันไม่มาก แต่เทคโนโลยีที่ใส่มาต่างกันลิบ
เทคโนโลยีสุดล้ำในรถยุโรปพรีเมียมมาอยู่ในนี้เกือบหมด
ระบบทันสมัยต่างๆ ที่จะนำมาเสนอนั้น ไม่นับรวมถึงระบบพื้นที่ที่ใส่มาให้ใช้กันหลายปีแล้วอย่าง ระบบป้องกันล้อล็อค ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS
ระบบช่วยออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา HDC, ระบบช่วยการทรงตัวขณะลางจูง TSC, ระบบป้องกันรถพลิกคว่ำ Roll Over Mitigation ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ซึ่งประกอบไปด้วย คู่หน้า ด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัย
แต่เราจะพูดถึงระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่าง Adaptive Cruise Control ที่นอกจากจะเบรคเมื่อเข้าใกล้รถคันข้างหน้าแล้ว ยังจะเร่งเครื่องให้กลับมายังความเร็วที่ตั้งไว้ให้อีกด้วย
ส่วนระบบช่วยจอดรถแบบอัตโนมัติ Active Parking Assist ที่เคยชินกับ ฟอร์ดโฟกัส นั้น การใช้งานก็เหมือนกันช่วยให้การจอดรถคันใหญ่ยาวนี้ทำได้สะดวกมากขึ้น แถมยังแม่นกว่าตัวเราเองจอดเองเสียอีก
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane Keeping System ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Alert System และระบบเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning System
โดยทั้ง 3 ระบบนี้จะได้เจอกันบ่อยในการขับขี่ระหว่างทาง เพราะรถจะคอยเตือนเมื่อเราขับรถออกนอกเลน ด้วยการแสดงผลทางหน้าจอและสั่นพวงมาลัยเล็กๆ ให้รู้ตัว แต่ถ้าเราเปิดไฟเลี้ยวและเปลี่ยนเลน ระบบก็จะเงียบไป
ส่วนการเตือนการเมื่อยล้านั้นรถจะเตือนเมื่อเราขับรถเปลี่ยนไป ซึ่งจากการที่ผู้เขียนได้ทดลองแบบไม่ตั้งใจนั้นจะพบว่า รถจะจับความผิดปกติแล้วขึ้นเตือนเป็นรูปถ้วยกาแฟ ประมาณว่าได้เวลาหยุดพักก่อนแล้วค่อยกลับมาขับต่อ
ส่วนระบบเตือนการชนด้านหน้านั้นนับว่าเป็นระบบที่ดีมากทีเดียว เพราะจะเตือนอยู่ตลอดถ้าเราอยู่ใกล้กับรถข้างหน้ามากเกินไปในระยะไม่ปลอดภัย ซึ่งบางครั้งตัวเราอาจจะไม่รู้ว่ามันเป็นระยะที่ไม่ปลอดภัย นับเป็นการเตือนที่ทำให้เราระมัดระวังมากขึ้น
ระบบเบรกอัตโนมัติ ตรวจจับรถและคนเดินถนน AEB : Autonomous Emergency Braking อันนี้เป็นระบบที่ชอบมาก แต่ยังไม่ได้ลองใช้อย่างจริงจัง เพราะในสภาวะความเป็นจริงนั้นการจะให้รถเบรคอัตโนมัติต้องมีความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในขณะที่เท้ายังเหยียบคันเร่งอยู่
ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าเป็นระบบที่เกินความจำเป็น แต่หากให้มองดีๆ แล้วในสภาวะที่เราเหม่อลอย หรืออยู่ในภาวะคับขันจริงๆ ระบบเหล่านี้จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้มากทีเดียว หรืออาจจะช่วยไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดเลยก็ได้
อีกความปลอดภัยที่ให้เหนือกว่าและน่าจะเป็นต้นแบบของรถยนต์ในประเทศนี้เลยคือ การมีระบบการโทรฉุกเฉินหลังเกิดอุบัติเหตุจนแอร์แบ็คระเบิด หรือการชนจากด้านหลังแล้วเสียหายมาจนถึงถังน้ำมัน
นอกจากจะมีการตัดระบบน้ำมันอัตโนมัติแล้ว ระบบซิงค์ 3 จะโทรเข้าศูนย์นเรนทรโดยอัตโนมัติ ซึ่งเจ้าของต้องซิงค์เข้ากับรถเข้ากับมือถือของตัวเองด้วย เพราะซิงค์ 3 จะทำงานร่วมกันกับมือถือ
ส่วนสิ่งที่อยากให้เพิ่มนอกจากเซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหน้า 6 ตำแหน่ง และเซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง 4 ตำแหน่ง และกล้องมองภาพขณะถอยจอด นั้น อยากจะให้มีกล้องรอบรอบคันแบบ 360 องศาแบบค่ายอื่นบ้าง เพราะบางครั้งเราก็ต้องการความมั่นใจแบบเห็นรอบด้านมากกว่า
ความสะดวกสบายในภายในสมราคาไหม
การตกแต่งภายในของ Ranger 2.0 Bi-Turbo Wildtrak คันนี้ นับว่าลงตัวมาก จนแอบดูดีกว่าเอสยูวีที่วิ่งกันให้เกลื่อนบนถนนเมืองไทยเสียอีก การตกแต่งทั้งตัวเบาะทีเดินด้ายสีส้ม พวงมาลัยหุ้มหนังเดินด้ายสีส้ม ตลอดจนการตกแต่งในส่วนอื่นๆ การจัดวางอุปกรณ์ นับว่าสมราคาและฐานะของเจ้าของรถได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
และนอกเหนือไปจากเบาะที่นั่งที่ให้ความสบายกันทุกต่ำแหน่งที่นั่งและปรับไฟฟ้าได้ในฝั่งคนขับแล้ว เรนเจอร์ตัวท็อปคันนี้ยังมาพร้อม กระจกหน้าต่างไฟฟ้า 4 บาน พร้อมระบบ One-touch ฝั่งคนขับ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone ชุดมาตรวัด
หน้าจอแสดงผลแบบสี TFT จอคู่ Dual Screen และที่ทำให้น่าภิรมณ์มากเข้าไปอีกคือ ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry ที่เพียงแค่จับมือเปิดประตูรถก็จะปลดล็อกได้ทันที และถ้าหากจะล็อกรถอีกครั้งก็แตะที่มือจับประตู เพียงเท่านี้ก็จะล็อกได้ทั้งคันเช่นเดียวกัน ง่ายและสบายเข้าไปอีก
ส่วนใครที่คิดว่าที่ให้มายังไม่พอใจ ฟอร์ดก็ใส่ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ ระบบทำความเย็น ช่องเก็บของคอนโซลกลาง รวมไปถึงไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร Ambient Light ปรับเปลี่ยนได้ 7 โทนสี
ไม่ว่าจะเป็นที่มือเปิดประตูด้านใน ไฟส่องเท้า และตามช่องวางของต่างๆ ช่องชาร์จไฟ 12V 3 ตำแหน่ง และยังมีช่องชาร์จปลั๊กไฟบ้าน AC 230V ที่จะช่วยให้เราสามารถใช้งานโน้ตบุ๊กในระหว่างเดินทางได้อีกด้วย เรียกว่าทีนี้ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนก็ไม่ต้องกังวลเรื่องทำงานไม่ได้อีกต่อไป
ส่วนความสุนทรีย์ในความบันเทิงนั้นก็มีเครื่องเสียงหน้าจอระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว เครื่องเสียง วิทยุ AM/FM CD MP3 รองรับระบบ Apple Car Play / Andriod Auto ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth ระบบแผนที่นำทาง Navigation System ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง
รวมไปถึงระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC3 เป็นภาษาไทยที่ทำให้ใช้งานง่ายขึ้น ไม่ต้องพูดภาษาอังกฤษแบบต้องกระดกลิ้นจนแทบจะพันกันเหมือนเวอร์ชันก่อนหน้า และพีคสุดในห้องโดยสารคือระบบตัดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร Active Noise Cancellation ที่มีอยู่ในเอเวอร์เรส เรนเจอร์ตัวท็อปนี้ก็มีแล้วนะ
สมรรถนะเครื่องยนต์และการขับขี่เป็นอย่างไร สนุกมากขึ้นไหม!!
หัวข้อนี้น่าจะทำให้นักขับตีนผีหรือคนที่แอบมองสมรรถนะอยู่ได้ความชัดเจนกันมากขึ้น เพราะฟอร์ดเรนเจอร์ใหม่นี้เปลี่ยนเครื่องยนต์ดีเซลใหม่โดยลดขนาดมาเป็น ขนาด 2.0 ลิตร ภายใต้ชื่อ EcoBlue TDCi 4 สูบแถวเรียง 1,996 ซีซี. แต่เพิ่มเทอร์โบคู่ที่จะทำงานร่วมกันระหว่าง
High-Pressure Turbo เทอร์โบแรงดันสูง และ Low-Pressure Turbo เทอร์โบแรงดันต่ำ ควบคุมด้วยวาล์ว Bypass ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า (PS) ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบ/นาที
เครื่องยนต์ใหม่นี้ลดการสั่นสะเทือนน้อยลง ส่วนสมรรถนะนั้น เมื่อประสานเข้ากับเกียร์ที่ควบคุมด้วยสมองกลอัตโนมัติแล้ว ให้อัตราเร่งที่ดี การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหลมาก แรงบิดดีมาก สร้างความต่อเนื่องในการใช้งานได้ดี การออกตัวสไตล์ยุโรปไปแบบนุ่มๆ ไม่จี๊ดจ๊าดจนหลังติดเบาะ
แต่เมื่อกดคันเร่งเพิ่มพละกำลังจะมาอย่างต่อเนื่องสร้างแรงดึงได้ดี พละกำลังมีมาให้ไม่ขาดทั้งการเร่งแซง การเหยียบหนีรถในระดับเดียวกันที่พยายามมาท้าสมรรถนะเครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้ทำได้แบบไม่ต้องลุ้น ส่วนอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไม่ได้จับเวลาแบบเป็นทางการ แต่ก็ทำได้ในระดับ 10 วินาทีนิดๆ
ช่วงล่างนั้นมีความนุ่มสบายมากขึ้น จนบางทีก็ลืมไปว่ากำลังขับรถกระบะอยู่ เพราะการการดูดซับแรงสะเทือน การขับผ่านหลุมบ่อต่างๆ ของถนนในเมืองไทยแบบทำได้ดีมาก ดีจนเข้าใกล้รถยนต์นั่งเข้าไปทุกที
จนบางทีอยากให้คนที่มองว่ารถกระบะต้องกระเด้งกระดอนนั้นให้มาลองรถรุ่นนี้สักหน่อย อาจจะลืมรถเอสยูวีที่เคยขับอยู่ไปเลย ถ้าไม่ติดว่าจะมีอาการแกว่งๆ ของกระบะท้ายในยามที่เข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเกินไป ก็สู้รถยนต์นั่งได้สบาย แต่ก็อย่างว่าล่ะ รถสูงขนาดนี้จะให้เข้าโค้งเนียนกริ๊บเหมือนรถเก๋งคงเป็นไปไม่ได้
ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นแบบ Part-time ที่เราเลือกได้ว่าจะปรับเปลี่ยนช่วงไหนอย่างไรนั้น ต้องบอกก่อนว่าการขับทั้ง 2 แบบไม่ว่าจะเป็นขับ 2 หรือขับ 4 อาจจะจับความรู้สึกถึงแตกต่างกันแทบไม่ได้ เพราะในโหมดขับ 2 นั้นก็ให้ความมั่นใจได้มากอยู่แล้ว แต่จะมั่นใจมากกว่าถ้าเลือกเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ก็จะกินน้ำมันมากกว่ากันตามปกติ
ในส่วนของการทรงตัวนั้นทำได้ดีทั้งในการเดินทางความเร็วทั่วไป จนถึงความเร็วสูงในระดับ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ยังสามารถบังคับควบคุมได้เป็นอย่างดีไม่มีวอกแวก การเปลี่ยนเลนทั้งแบบกระทันหันหรือแบบปกติสร้างความมั่นใจได้มาก หรือแม้แต่ในการเดินทางที่ต้องฝ่าสายฝน
เราจะพบว่าด้วยประสิทธิภาพของช่วงล่างและระบบความปลอดภัยที่อัดเข้ามาให้มากมายนั้น ช่วยได้มากทีเดียว แต่ทั้งนี้ตัวคนขับเองก็ต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ส่วนระบบเบรคก็สร้างความมั่นใจได้มากแต่ต้องกดเยอะสักนิด เพราะไม่ได้ตั้งแป้นมาให้ตื้นแบบเหยียบลงไปแล้วหน้าทิ่มตามไปด้วย
นอกจากนี้การขับในเวลากลางคืนถ้าเราเปิดไฟสูงแล้วเมื่อมีรถสวนทางมาระบบจะปรับเป็นไฟปกติแบบอัตโนมัติ แล้วจะกลับเข้าสู่โหมดไฟสูงที่เราตั้งไว้ เมื่อรถสวนทางวิ่งผ่านไปแล้ว เรียกได้ว่าฉลาดจนเราไม่ต้องคอยมานั่งพะวงกับการเปิดไฟสูงสลับกับไฟต่ำแบบไปมาตลอดเส้นทาง
ทั้งนี้ใครที่เกรงว่าเกียร์ 10 สปีดจะบรรทุกหนักได้ไม่ดีก็คิดใหม่ เพราะฟอร์ดเรนเจอร์คันนี้เราสามารถตั้งเกียร์ให้เหลือ 5 เกียร์ได้อีกด้วย เช่นเดียวกับที่ฝากระบะท้ายได้มีการเพิ่มกลไลระบบผ่อนแรง ทำให้เวลายกฝากระบะท้ายเพื่อเปิดและปิดมีน้ำหนักเบาลงเหมาะสมกับฐานะผู้ซื้อได้ดี
สรุปกันเลยละกัน ก่อนที่จะยืดเยื้อกันไปมากกว่านี้ ใครที่กำลังมองหารถกระบะสมรรถนะดีไว้ใช้สักคัน สามารถใช้งานได้หลากหลายอย่างแท้จริง เพราะรูปทรงภายนอกก็จัดมาแบบเต็ม หรู และดูแพงกว่ายี่ห้ออื่นๆ
ยิ่งถ้ารวมคุณสมบัติด้านความปลอดภัยและไฮเทคที่อัดแน่นเข้าไปด้วยแล้ว จะทำให้ลืมเรื่องราคาค่าตัวไปได้เลย โดยเฉพาะเมื่อนำไปเทียบกับแบรนด์อื่นที่ราคาใกล้กันแต่ห่างชั้นกันมากเรื่องเทคโนโลยีก็จะยิ่งรู้สึกว่าไม่แพงเลย
ส่วนใครที่กำลังลังเลที่จะหารถครอบครัวดีๆ สักคัน มีจำนวนสมาชิกไม่เกิน 4 คน ชอบท่องเที่ยวและเบื่อกับรถเก๋ง แต่หากจะให้ไปมองในส่วนของรถแบบ SUV หรือ PPV แล้วก็มีราคาที่สูงเกินไป
แถมในตัวล่างๆ ที่แพงกว่ากันอีกนิดก็ให้ออปชันน้อยไปหน่อย Ranger 2.0 Bi-Turbo Wildtrak จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก เพราะมีให้ครบและสามารถขนของได้มากกว่าอีก ตอบโจทย์ได้หลายไลฟ์สไตล์มากกว่าที่รถกระบะ 4 ประตู รูปแบบเดิมๆ เคยให้มา
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง