ไทยควรทำอะไรเมื่ออีก 2 ปีมือถือ 5G จะราคาแค่ 6 พันบาท

ไทยควรทำอะไรเมื่ออีก 2 ปีมือถือ 5G จะราคาแค่ 6 พันบาท

หัวเว่ย แนะไทยต้องมีเครือข่ายให้พร้อมและทั่วถึงก่อนที่มือถือ 5G จะมีราคาเหลือประมาณ 6,000 บาท ในอีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า แนะปัจจุบันความมีความชัดเจนเรื่องการจัดสรรคลื่นความถี่ให้เรียบร้อย

โดยพิจารณาจากการใช้งานในด้านต่างๆ เช่นเดียวกับในราคาการประมูลคลื่นความถี่ ซึ่งโดยทั่วโลก 5G จะมีราคาประมาณ 1 ใน 4 ของราคาประมูล 4G นอกจากนี้ยังควรกระตุ้นให้ภาคอุตสาหกรรมอื่น

เมืองไทยตื่นตัวในเทคโนโลยีนี้ให้มากขึ้น ไม่ใช่เพียงภาคโทรคมนาคมเท่านั้น แต่ทุกอุตสาหกรรมควรเข้ามามีบทบาทมากกว่านี้
ทั้งนี้ที่ผ่านมาเมืองไทยเริ่มใช้ 2G ช้ากว่าตลาดโลก 3 ปี ส่วน 3G ช้ากว่าตลาดโลก 11 ปี (2001-2012) เช่นเดียวกับ 4G นั้นเราช้ากว่าตลาดโลกประมาณ 6 ปี (2010-2016)

ซึ่งในการใช้งานเทคโนโลยี 5G ไม่ควรเริ่มช้าเกินไป เพราะขณะนี้ประเทศอังกฤษและญี่ปุ่นเริ่มเปิดประมูลเฟส 2 ของเครือข่าย 5G กันแล้ว ประกอบกับคาดว่าในปี 2021 มือถือที่รองรับเครือข่ายนี้จะมีหลากหลายแบรนด์ มีราคาต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 6,000 บาท

และจะมีการใช้งานประมาณ 80 ล้านเครื่อง ส่วนในปี 2025 น่าจะเกิน 1,000 ล้านเครื่อง ไม่นับรวมอุปกรณ์เชื่อมต่อไอโอที

“ในปี 2024 ทุกบริการจะเข้าสู่ 5G ได้อย่างเต็มรูปแบบ ส่วนในปี 2035 คาดว่า 5G จะส่งผลกระทบต่อจีดีพีประมาณ 12.33 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยอุตสาหกรรมแมนูแฟคเจอริ่งจะได้รับผลกระทบ 3.3 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ รองลงมา เป็นด้านโทรคมนาคมและการสื่อสารประมาณ 1.4 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ

ส่วนภาคค้าปลีกคาดว่าจะส่งผลกระทบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเมืองไทยคาดว่าจะกระทบจีดีพีประมาณ 70,000 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ กระทบภาคการผลิต 14,000 ล้านเหรืยญ การเกษตร 6,600 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ”

นาย เติ้ง เฟิง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หัวเว่ยได้คาดการณ์ว่าเทคโนโลยี 5G จะสร้างโอกาสให้อุตสาหกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 5 ปีข้างหน้า

โดยในภูมิภาคนี้จะโดดเด่นด้วยอัตราการเติบโตของ GDP ที่ขยายตัวเร็วที่สุดประมาณ 5-6% และเศรษฐกิจดิจิทัลจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตดังกล่าวซึ่งคิดเป็น 20% ซึ่งการใช้เทคโนโลยี 5G เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ในหลายๆ ประเทศ

อาทิ อินเดีย ไทย และเวียดนามจะเริ่มขึ้นได้เร็วในปี 2563 และในอีก 5 ปีข้างหน้า ภูมิภาคนี้จะมีผู้ใช้ 5G สูงถึง 80 ล้านราย ทั้งอุปกรณ์ไร้สาย ดิจิทัลและอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ จะทำให้ผลิตภาพทางสังคมดีขึ้นเฉลี่ย 4-8%

หัวเว่ยใช้เงิน 10-15% จากรายได้รวมในการทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ มีพนักงานรวม 180,000 คนทั่วโลก ในจำนวนนี้เป็นฝ่ายอาร์แอนด์ดีประมาณ 80,000 คน ทำให้เรามีพาร์เทน 5G ประมาณ 2,700 พาร์เทนต์

โดยได้ลงนามในสัญญา 5G กว่า 30 ฉบับกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำใน 20 กว่าประเทศทั้งในเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง และได้ส่งมอบสถานีฐาน 5G ไปแล้วกว่า 40,000 ชุด ส่วนในเมืองไทยปัจจุบันเทคโนโลยี 5G ได้เข้ามาถึงแล้ว

และมีระบบนิเวศ 5G ที่กำลังเติบโตพร้อมสำหรับการให้บริการเชิงพาณิชย์ หัวเว่ยมีความพร้อมที่จะจัดหาเทคโนโลยีไอซีทีดิจิทัลต่างๆ เพื่อช่วยเร่งให้ประเทศไทยเกิดการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล

“เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หัวเว่ยได้ประกาศการลงทุนมูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (160 ล้านบาท) สำหรับการทดสอบการใช้งาน 5G ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา

โดยร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Depa) และศูนย์ทดสอบอีกแห่งที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

และผู้ให้บริการโทรคมนาคม (AIS, DTAC และ TRUE)โดยเราจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าและคู่ค้าของเราเพื่อคว้าโอกาสจากนวัตกรรม 5G และร่วมกันก้าวสู่ยุค 5G ใหม่”

หัวเว่ย
นายวรกาน ลิขิตเดชาศักดิ์ รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีเครือข่ายโทรคมนาคม บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด

นาย เติ้ง กล่าวว่า ล่าสุดหัวเว่ยได้จัดงาน Huawei Mobile Thailand Congress 2019 มุ่งการนำเสนอเทคโนโลยี 5G และ AI ภายใต้แนวคิด Building a Fully Connected, Intelligent Thailand พร้อมนำเสนอ 3 ธีมหลักประกอบด้วย 5G is On, Innovation Inspiring New Growth และ AI Enabling Interligent Operation

จัดขึ้น ณ Exhibition Hall ของหัวเว่ยประเทศไทย ชั้น 39 ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม- 5 เมษายน 2019 โดยคาดว่าจะมีผู้ร่วมงานกว่า 2,000 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม ผู้บริหาร นักวิชาการ สื่อมวลชน ตลอดผู้ที่สนใจด้านไอซีที

ด้านนายวรกาน ลิขิตเดชาศักดิ์ รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีเครือข่ายโทรคมนาคม บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งาน Huawei MTC 2019 ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ห้องจัดแสดงนิทรรศการ ที่จะนำเสนอโซลูชั่น 5G ในแบบต่างๆ

อาทิ Cloud IT, อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (Internet of Things หรือ IoT), สมาร์ทโฮม, การทรานส์ฟอร์มสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงการอธิบายนำเสนอ

เพื่อให้ความรู้กับลูกค้าและคู่ค้า รวมถึงแบ่งปันประสบการณ์และความสำเร็จจากผู้เชี่ยวชาญของหัวเว่ย ประกอบด้วย Intelligence +: ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มเทคโนโลยี Digital ICT ทั่วโลก และจากงาน MWC 2019 (DICT)

5G มาถึงแล้ว, เครือข่ายที่ลดความซับซ้อนเพื่อประสบการณ์ที่เหนือกว่า (5G) โซลูชัน WiFi ระดับพรีเมียม และตัวอย่างการใช้งานโครงข่ายภายใต้การทำงานขอ Network Cloud Engine (NCE) (2H) การผสมผสานคลาวด์และเครือข่าย

เพื่อช่วยเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจ B2B (2B) การสร้างรายได้จากข้อมูลการใช้งานโครงข่าย ช่วยส่งเสริมให้เกิดการเติบโตใหม่ของกลุ่มผู้บริโภค (2C) Cloud & AI

ในส่วนของการบรรยาย ผู้เชี่ยวชาญของหัวเว่ยจะนำเสนอนวัตกรรมล่าสุดของเทคโนโลยี AI เช่น โซลูชัน SoftCOM AI สำหรับเครือข่ายการขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน

ประสิทธิภาพเครือข่าย ประสิทธิภาพ O&M และประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โซลูชัน SoftCOM AI ช่วยให้เกิด “0 บิต, 0 วัตต์” และการปรับเปลี่ยน Beam แบบปรับได้ จึงช่วยเพิ่มมูลค่าสูงสุดให้กับเครือข่ายโทรคมนาคม

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

หัวเว่ย เทคโนโลยี่

Related Posts