
Joox ประกาศ 3 คีย์หลัก Innovation, Original Contents, Community ผลักดันสู่กลยุทธ์การทำตลาดตลอดปี 2020 เร่งวิเคราะห์ดาต้า ขยายอายุยอดผู้ฟังตรงจุดมากขึ้น
กฤตธี มโนลีหกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท เท็นเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด ในนามของผู้บริการ JOOX ประเทศไทย กล่าวว่า วันนี้ JOOX กลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มิวสิคสตรีมมิ่งเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก
โดยตั้งแต่มีโลกออนไลน์ รายได้ของวงการเพลงตกลงเป็นอย่างมาก แต่นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา รายได้ของเพลงเริ่มมีมากขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของระบบสตรีมมิ่ง ซึ่งรายได้จากเพลงทั่วโลกของ JOOX เติบโตขึ้นกว่า 9.7% 19.1 พันล้านเหรียญ ขณะที่รายได้ดิจิทัลเติบโตขึ้นกว่า 21.1% คิดเป็นรายได้กว่า 11.2 พันล้านเหรียญ
จากสถิติทั่วโลกระบุว่ากลุ่มคน 35+ ยังเป็นโอกาส ซึ่งสอดคล้องกับในไทยซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ใช้ JOOX มีอายุเฉลี่ยราว 18-24 ปี และกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล ทำให้ช่วงที่ผ่านมาเราพยายามไปเพิ่มผู้ฟังในส่วนต่างจังหวัดให้มากยิ่งขึ้น
ขณะที่จุดเด่นของ JOOX เรามีเพลงที่หลากหลาย และสามารถฟังแบบออฟไลน์ได้ ทำให้มีคนใช้บริการทั่วโลกกว่า 290 ล้านคน ฟังกว่า 1.5 หมื่นล้านครั้ง โดยในไทยมียอดดาวน์โหลดและซื้อติด TOP10 ของแอปพลิเคขั่นที่นิยมในประเทศไทย
เราเชื่อว่า JOOX เป็นมากกว่าการฟังเพลง ด้วยบทบาทของการส่งเสริมวงการเพลง ทั้งการช่วยเป็นช่องทางให้ศิลปินหน้าใหม่ได้มีโอกาสจำหน่ายผลงาน ขณะที่ผู้ฟังเองก็ได้รับฟังผลงานจากศิลปินใหม่ๆ รวมทั้งมีการค้นหาและดึงศิลปินใหม่ๆขึ้นมาอยู่บนระบบของ JOOX อยู่ตลอดเวลา
ซึ่งทำให้ในปี 2019 JOOX มีเพลงใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 900 กว่าเพลง จากปี 2018 ที่มีเพิ่มขึ้นเพียง 600 กว่าเพลงเท่านั้น
นั่นเพราะเรามีโครงการต่างๆ มากมายเพื่อส่งเสริมให้เกิดศิลปินมากขึ้นในวงการเพลงของไทย ทั้งโครงการ Head Start ที่รวบรวมเพลงจาก 40 ศิลปินราว 46 เพลง ที่นำเพลงมาขึ้นแพลตฟอร์ม JOOX ก่อนใคร โครงการ 100X100 ที่นำเพลงดั้งเดิมศิลปินหน้าใหม่ และยังมีโครงการนำศิลปินหน้าใหม่ มารีเมคเพลงเก่าที่เคยได้รับความนิยม อีกทั้งยังมีโครงการ JOOX อื่นๆอีกมากมายเพื่อส่งเสริมให้ศิลปินขึ้นมาโด่งดังได้อย่างง่ายดายมากขึ้น
กว่า 4 ปีที่ผ่านมาเราเดินหน้าสร้าง JOOX ให้เป็นมากกว่าแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลง ด้วยการพัฒนาบริการและฟีเจอร์ต่างๆ รวมถึงคอนเทนต์ และกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่องและหลากหลาย ตอบเทรนด์การฟังเพลงและเสพคอนเทนต์ความบันเทิงของคนไทย
โดยในปีที่ผ่านมานี้ เรารวบรวมเอาเพลงใหม่กว่า 950 เพลง ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมเพลงประเทศไทย มาให้ฟังอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเพลงจากต่างประเทศอีกมากมาย ส่งผลให้ปัจจุบันนี้ JOOX มีเพลงในแอปพลิเคชันรวมแล้วกว่า 30 ล้านเพลง
นอกจากนี้ ปีที่ผ่านมา JOOX มีโปรเจกต์พิเศษที่ทำร่วมกับค่ายเพลงต่างๆ ออกมามากมาย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบริการที่โดดเด่น ที่หาฟังได้เฉพาะที่ JOOX เท่านั้น โดยเพลงพิเศษเหล่านี้ถือเป็นการจับเทรนด์กระแสความนิยมหรือความชื่นชอบของผู้ฟังเพลง มาทำเป็นคอนเทนต์ที่ตรงใจ
ทำให้ในปีที่ผ่านมามียอดการฟังในโปรเจ็กต์พิเศษของ JOOX ถึงกว่า 284 ล้านครั้ง จากจำนวนการฟังทั้งสิ้น 6 พันล้านครั้งในประเทศไทย ซึ่งเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มียอดการฟังอยู่ที่ 180 ล้านครั้ง ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงกว่า 102%
และในปีนี้ 2020 เรามีโครงการต่างๆมากมาย โดยพุ่งเป้าไปที่ 3 อย่าง ทั้ง 1.Innovation การที่เราเริ่มต้นจากมิวสิคสตรีมมิ่ง และเมื่อเวลาผ่านไปเราก็เริ่มมีฟีเจอร์ใหม่ๆเพิ่มเข้ามา ทั้ง Live เพื่อให้ศิลปินเข้าไลห์สดกับแฟนคลับ เรามีวิดีโอเพิ่มเข้ามา หรือฟีเจอร์ส่งเพลงเป็นของขวัญให้กันได้ ตลอดจนการทำชาร์ตของตัวเองได้ นอกจากนี้เรายังพัฒนาให้ใช้งานบนพีซีได้อีกด้วยผ่าน Sanook Joox
และปีนี้เราจะนำดาต้าที่มี มาตอบสนอง Personal Life มากยิ่งขึ้น ด้วยระบบ Ai จากเทนเซ็นต์คลาวด์ที่เราใช้ ซึ่งจะช่วยให้เลือกสรรค์เพลงได้เหมาะสมกับความชื่นชอบส่วนบุคคลได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
2.Original Contents เรามีการจัดอันประเภทของเพลงด้วยคนฟัง ทำให้เราเห็นพฤติกรรมของยูสเซอร์ที่เริ่มหาฟังเพลงที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งการมีแพลตฟอร์มออนไลน์ก็ช่วยให้ศิลปินที่เคยดัง กลับมาดังและได้รับความนิยมใหม่ได้อีกครั้ง
ที่ผ่านมากระแสของ Hip-Hop Rap R&B มีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2018 เริ่มมีความนิยมมากขึ้น หลังจากที่เริ่มโครงการมีฟิชเชอริ่งร่วมกันในรูปแบบที่แตกต่างกัน
ในปี 2016 เรามีเพลงที่อยู่ในท็อปชาร์ตเพียง 8% แต่ในปี 2019 เรามีเพลงเข้าท็อปชาร์ตกว่า 50% และในปี 2020 เราจะนำเพลงยุคเก่า 90s มารีเมคใหม่ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการฟังมากขึ้น ในรูปแบบที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อขยับกลุ่มผู้ฟังที่มีอายุมากขึ้น
นอกจากนี้เรายังต้องการสร้างเพลงควบคู่ไปกับการสร้างหนังในปี 2020 มากยิ่งขึ้น เพราะเราเชื่อว่าหนังและเพลงจะเติบโตควบคู่กันไป อีกทั้งยังร่วมมือกับพาร์ทเนอร์อย่างค่ายเพลงมากยิ่งขึ้น
ขณะที่คอนเทนต์ใหม่ๆก็จะหาศิลปินใหม่ๆเข้ามามากขึ้น รวมถึงพอดแคสต์ที่จะข่วยให้เข้าถึงกลุ่มคนมีอายุมากยิ่งขึ้น
3.Commuinty ในส่วนตรงนี้ คนกว่า 61% เริ่มเข้ามารับรู้มากขึ้นว่า JOOX เป็นมากกว่ามิวสิคผ่านชุมชนของเรา ที่เริ่มมีการสร้างชุมชนขึ้นมานับตั้งแต่ปี 2016 ทำให้เรามี KOLs มากกว่า 600 เน็ตเวิร์ก ช่วยให้เกิดปฏิสัมพันธ์กับแฟนคลับมากขึ้น
และที่สำคัญเดือนหน้านี้ เราจะมี JOOX Thailand Music Awards 2020 ในวันที่ 15 มีนาคม ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งงานใหญ่ของอุตสาหกรรมเพลงในประเทศไทยอีกครั้ง
การมีระบบสตรีมมิ่งอย่าง JOOX เข้ามาช่วยเสริมให้อุตสาหกรรมเพลงเติบโตขึ้น ทำให้วงการเพลงสามารถขับเคลื่อนต่อไปในอนาคตได้ เราต้องขอขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน หวังว่าจะได้ทำงานร่วมกันอย่างเหนียวแน่นต่อไปในอนาคต
และเราเชื่อว่าในไทยยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ยังมีผู้ฟังกว่า 70% ที่อายุต่ำกว่า 35 ทำให้เราต้องการขยายขึ้นไปสู่กลุ่มคนอายุมากกว่า 35 เป็นต้นไปที่ปัจจุบันมีเพียง 30%เท่านั้น ซึ่งจะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น นั่นคือสิ่งที่เราจะทำการรีเมคเพลงยุค 90s อย่างที่เราตั้งใจ
เราคาดว่าในปีนี้จะสามารถรีเมคเพลงยุค 90s ได้ถึง 12-15 เพลง ทั้งในส่วนของการรีเมคจากเพลงเก่า และรีเมคกับค่ายเพลงที่เราเป็นพันธมิตรกันอยู่อย่างเหนียวแน่น
ทั้งนี้เทรนด์ที่เกิดขึ้น ศิลปินของค่ายจะเริ่มออกมาเป็นศิลปินอิสระมากขึ้น ซึ่งนับเป็นความท้าทายของค่ายเพลงที่จะเกิดขึ้นทั่วโลก
ขณะที่การย้ายออกจากค่ายของศิลปินก็จะเป็นบทพิสูจน์ความสามารถของศิลปินเองว่าจะสามารถจบผลงานด้วยตนเองได้หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่นเดอะทอยส์ที่มีความสามารถในการเขียนเพลงเองได้และจบงานเองได้ ทำให้สามารถอยู่รอดได้ ซึ่งเป็นแนวทางของศิลปินที่จะเกิดขึ้นและอยู่รอดกับวงการเพลงต่อไปในอนาคต