ออริจิ้น เผยความท้าทายสู่ Open Platform

ออริจิ้น เผยความท้าทายสู่ Open Platform
ออริจิ้น
นายพีระพงศ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้

ออริจิ้น เผยความท้าทายของการปรับตัวสู่การแข่งขันยุคดิจิทัลด้วยกลยุทธ์ โอเพ่นแพลตฟอร์ม (Open Platform) เพิ่มความคล่องตัวและเสริมประสิทธิภาพของการแข่งขัน ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งแนวตั้งและแนวนอน เพิ่มความสามารถทางการแข่งขันทางธุรกิจได้มากกว่าเท่าตัว ตั้งเป้ากวาดรายได้กว่า 1.6 หมื่นล้านบาท

นายพีระพงศ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า ความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งในปี 2563 จะเป็นปีเริ่มต้นของทศวรรษแห่งการปฏิรูป (The Decade of Transformation) ในการปรับเปลี่ยนองค์กรออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ สู่กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ โดยแตกธุรกิจออกเป็น 6 กลุ่มที่สำคัญ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ซึ่งทั้ง 6 กลุ่มธุรกิจ แบ่งออกเป็น1.บริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด นำโดย นายเกรียงไกร กรีบงการ ดำเนินธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียมกลุ่มสมาร์ทคอนโด มีแบรนด์หลักคือ ดิ ออริจิ้น (The Origin) 2.บริษัท พาร์ค ลักชัวรี่ จำกัด นำโดย นายสิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์ ดำเนินธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ มีแบรนด์หลักคือ ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge) และพาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) 3.บริษัท บริทาเนีย จำกัด นำโดย นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ดำเนินธุรกิจพัฒนาบ้านจัดสรร มีแบรนด์หลักคือ บริทาเนีย (Britania)

4.บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด นำโดย นายอรุช ช่างทอง ดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในแถบเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) 5.บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด นำโดย นายปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม พื้นที่ค้าปลีก สำนักงานให้เช่า โครงการมิกซ์ยูส และ 6.บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่ครบวงจร

โดยการปฏิรูปองค์กรจะทำให้บริษัท มีพอร์ตธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น ช่วยกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และส่งเสริมให้แต่ละหน่วยธุรกิจมีอิสระในการดำเนินงานได้มากขึ้น เนื่องจากมีขั้นตอนทางธุรกิจที่น้อยลง ช่วยให่้สามารถเติบโตได้อย่างรอบด้านมากขึ้น รวมทั้งความสามารถที่มากขึ้นในการปรับตัวให้เหมาะสมกับแต่ละประเภทธุรกิจมากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเป็นก้าวที่สำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน

ซึ่งที่ผ่านมาแม้ว่าตลาดภาพรวมจะหดตัว แต่เรายังสามารถทำกำไรได้เทียบเท่ากับปี 2018 ซึ่งปีที่ผ่านตลาดหดตัวราว 30% แต่เราสามารถทำกำไรได้เท่าเดิม แม้ว่ารายได้ปี 2018 จะอยู่ที่ราว 16,638 และในปี 2019 จะทำรายได้อยู่ที่ราว 14,122 ล้านบาท เพราะถ้าดูจากเนื้อหาภายในแล้ว เมื่อตัดยอดซื้อที่ดินที่ซื้อล่วงหน้าไป จะมีกำไรเทียบเท่ากัน นับเป็นการยืนยันกลยุทธ์ที่ถูกต้องของการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี

ออริจิ้น
กลุ่มผู้บริหารทั้ง 6 กลุ่มที่สำคัญ

วันนี้เรากำลังพูดถึงการทำธุรกิจที่มากกว่าเดิม สังเกตได้จากปีนี้เราจะทำพื้นที่สำหรับสตาร์ทอัพ ที่ต้องการการตกแต่งที่สามารถตอบโจทย์การทำงานและอยู่อาศัยได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่าเมื่อหมดแรงแล้วสามารถขึ้นไปนอนได้เลย ซึ่งเป็นขนาดธุรกิจแบบ SOHO เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนสตาร์ทอัพเป็นหลัก ภายใต้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ร่วมมือกับทุกภาพส่วนที่จะเอื้อให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ และส้รางรายได้ให้เกิดขึ้นทั้งเราและพันธมิตรได้อย่างครบสมบูรณ์

กลยุทธ์ Open for Growth, Open Platform จะเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้เราสามารถเปิดรับพาร์ทเนอร์เข้าสู่อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะเป็นส่วนของงานอสังหาริมทรัพย์แล้ว ยังเปิดรับผู้ประกอบการอื่นๆ ที่เอื้อให้เกิดการบริการและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการอยู่อาศัยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเชื่อมโยงและสร้างความแข็งแกร่งระหว่างความหลากหลายของประเภทธุรกิจ จนเกิดเป็นระบบนิเวศน์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Ecosystem)

ซึ่งจะเปิดรับตั้งแต่การเงิน ที่ร่วมลงทุน ที่ดินที่นำมาพัฒนาร่วมกัน ธุรกิจก่อสร้างที่ร่วมสร้างสรรค์ และท้ายที่สุดการบริการ ที่จะร่วมกันสร้างเซอร์วิสต์และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการผู้อยู่อาศัยแบบครบวงจร

ทั้งนี้เทรนด์ของการทำธุรกิจทั่วโลก เริ่มให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือ หรือ Synergy ทั้งรูปแบบธุรกิจเดียวกันและต่างรูปแบบ จนทำให้ธุรกิจที่เปลี่ยนสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยการก้าวข้ามขีดจำกัดของธุรกิจดั้งเดิมของตัวเองออกไป วันนี้ออริจิ้นเลือกที่จะเดินไปข้างหน้าตามเทรนด์ของโลก เปิดโอกาสของการเติบโตร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพและมีวิสัยทัศน์สอดคล้องกัน สามารถมาเชื่อมโยงและ Plug-In กับ Open Platform ของทุกกลุ่มธุรกิจในเครือของเรา โดยโมเดลนี้จะทำให้เราสามารถสเกลธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง และนำพาออริจิ้นสู่การเติบโตแบบไร้ขีดจำกัด หรือ Infinite Growth

Related Posts