หลังจากแถลงข่าวความร่วมมือในการทำแอปพลิเคชันกับพาร์ทเนอร์ในแวดวงการเงินหลายรายตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด เซ็นทรัลเจดีฟินเทคโฮลดิ้ง เปิดตัว ดอลฟิน แพลตฟอร์มอัจฉริยะ (Dolfin Intelligent Platform) อย่างเป็นทางการ โดยการนำเสนอแอปพลิเคชัน ดอลฟิน เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ความต้องการทางการเงินและดิจิทัลไลฟ์สไตล์ครบครัน มุ่งนำเสนอสิทธิประโยชน์เหนือระดับให้แก่ผู้ใช้บริการ ตั้งแต่ระดับบุคคล ร้านค้าและภาคธุรกิจ ซึ่งขณะนี้จากการทดลองใช้ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมามีผู้ดาวน์โหลดแล้วประมาณ 130,000 ดาวน์โหลด ตั้งเป้าสิ้นปีมียอดดาวน์โหลดอยู่ 500,000 ดาวน์โหลด
ดอลฟินมาพร้อมแนวคิด “คิดให้ ใช้ฟิน” ครอบคลุม 5 บริการหลัก แต่จะทะยอยเปิดใช้งานซึ่งคาดว่าจะครบทุกบริการประมาณไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 โดยขณะนี้ไม่ได้มองว่าใครเป็นคู่แข่ง แต่พร้อมร่วมมือเพื่อตอบโจทย์ร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่มีแนวคิดไปในแนวทางเดียวกัน และเป็นส่วนหนึ่งของธุรกรรมของประเทศ ให้ผู้บริโภคเข้าถึงขั้นตอนทางการเงินได้ง่าย ตอบรับกับสังคมไร้เงินสด ปัจจุบันมีจุดรับบริการกว่า 2,000 จุดร้านค้าในเครือเซ็นทรัล ครอบคลุมจุดบริการพร้อมเพย์ของทุกธนาคารกว่า 4.5 ล้านจุด
โดยบริการแรกที่เปิดตัวบนแอปพลิเคชัน ดอลฟิน คือบริการที่มุ่งเน้นการให้บริการชำระเงินบนช่องทางดิจิทัล (กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์) โดยเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่นำระบบ E-KYC (Electronic Know-Your-Customer) มาใช้ในการยืนยันตัวตนเพื่อสมัครใช้บริการ ผสานเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า (facial recognition) และการอ่านตัวอักษรจากภาพถ่าย (optical character recognition) ที่มอบความปลอดภัยสูงสุด ก่อนจะขยายสู่ฟังก์ชันเหล่านี้สู่การชำระเงินด้วยใบหน้าอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
แอปพลิเคชัน ดอลฟิน ยังมีการทำงานที่แตกต่างโดยเป็นระบบ open-loop รายแรกของประเทศไทย ที่รองรับการชำระเงินและเติมเงินอย่างครบครันทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเติมเงินด้วยเงินสด หรือการเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคาร บัตรเดบิต บัตรเครดิต รวมถึงการรับชำระที่จุดพร้อมเพย์ และยังเพิ่มความปลอดภัยในการชำระเงินแต่ละครั้งด้วยเทคโนโลยี Dynamic QR Code ที่ถูกสร้างขึ้นเฉพาะสำหรับแต่ละยอดการใช้จ่าย โดยได้เปิดตัวบริการ Smart Transactional Platform เป็นบริการแรกเพื่อรองรับความต้องการชำระเงินบนช่องทางดิจิทัลแบบไร้ขีดจำกัดสำหรับผู้บริโภคและร้านค้า พร้อมสร้างความเข้าใจพฤติกรรมและความชื่นชอบของผู้ใช้ เพื่อพัฒนาต่อยอดฟังก์ชันการใช้งาน ที่จะมาช่วยเพิ่มความสะดวก ปลอดภัยและโปร่งใส
สำหรับ 5 บริการหลัก ประกอบด้วย Smart Transactional Platform – ระบบการชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัลสำหรับร้านค้า และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ช่วยเพิ่มค่าและสิทธิประโยชน์สำหรับทุกการใช้จ่าย พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการบริหารเงินสดแก่ร้านค้า
Digital Lending Platform – บริการสินเชื่อทางเลือกใหม่บนช่องทางดิจิทัล เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อ ได้ทุกที่ ทุกเวลา แบบออนดีมานด์ พร้อมดอกเบี้ยที่คำนวณให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะราย
Digital Insurance Platform – บริการประกันออนไลน์ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสร้างมิติใหม่ในการซื้อประกันโดยระบบช่วยคิดและแนะนำรูปแบบที่คุ้มค่าตรงความต้องการ เข้าถึงง่ายและรวดเร็ว
Digital Wealth Management Platform – บริการบริหารสินทรัพย์และการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับคนไทยผ่านเทคโนโลยี AI และ Robo Advisor ที่ล้ำสมัย
Digital Marketing Platform – บริการทำการตลาดเฉพาะกลุ่มลูกค้าของร้านค้า โดยวิเคราะห์ข้อมูลและทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ด้วย Big Data
นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง กล่าวว่า ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบันต้องการเข้าถึงบริการทางการเงินบนช่องทางดิจิทัลพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งยังมีบทบาทต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม ซึ่งเซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง มองเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาแพลตฟอร์มอัจฉริยะ ดอลฟิน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว โดยมุ่งเน้นการสร้าง Digi-Financial Ecosystem ร่วมกับพันธมิตรภาคธุกิจทั้งในและนอกเครือเซ็นทรัล ธนาคาร สถาบันการเงิน และภาครัฐ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินดิจิทัลสำหรับคนไทยทุกระดับ พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์คนไทยสู่ชีวิตยุคดิจิทัลและสังคมไร้เงินสดเต็มรูปแบบในอนาคต
“นอกจากจะเพิ่มสิทธิประโยชน์จากการใช้งานให้แก่ผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมภาคธุรกิจ ลดต้นทุนการบริหารจัดการเงินสด เพิ่มโอกาสในการแข่งขัน และยังเสริมสร้างความเข้าใจกลุ่มลูกค้าให้แก่ผู้ประกอบการ จากการเรียนรู้ จดจำและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ ด้วยเทคโนโลยี AI และ Big Data Analytics เติมเต็มไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของคนไทย ด้วยการสร้างประสบการณ์ชำระเงินรูปแบบใหม่ ที่เปลี่ยนทุกการใช้จ่ายให้เป็นเรื่องสนุก เพลิดเพลินได้ทุกที่ทุกเวลา”
ทั้งนี้ ดอลฟิน ได้มีการจับมือกับพันธมิตรทั้ง Visa และ Mastercard เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ทั้งในเรื่องของการผูกบัตรเครดิตและเดบิตในการใช้งานแอปพลิเคชัน และมีแผนพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกันเพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยและผลประโยชน์ที่ตรงตามความต้องการที่ลูกค้าจะได้รับจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ผูกไว้กับแอปพลิเคชันอีกด้วย และดอลฟินเป็นวอลเล็ทเดียวที่ให้ผู้ใช้งานสะสมคะแนน The 1 ได้เร็วขึ้นกับทุกการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน ดังนั้นสมาชิก The1 จะได้รับคะแนนสะสม The1 ถึง 2 ต่อ โดยต่อที่ 1 ได้รับจากร้านค้าที่ร่วมโครงการ The1 และต่อที่ 2 ได้คะแนน The1 พิเศษจากแอปพลิเคชัน ดอลฟิน