ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือ ธปท.ร่วมลงนามข้อตกลงกับ สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีฮ่องกง (Hong kong Applied Science and Technology Research Institute : ASTRI) เพื่อร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และเทคโนโลยีการเงินเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยมุ่งหวังพัฒนาความรู้และบุคคลากร
เพื่อให้มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เสริมประสิทธิภาพในการให้บริการทางการเงิน ควบคู่กับการสนับสนุนและยกระดับสู่การกำกับดูแลที่เป็นมาตรฐานมากยิ่งขึ้น และเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ของระบบสถาบันการเงินไทย สู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ Thailand Digital Economy 4.0
ทั้งนี้ ฮ่องกงถือได้เป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก โดย ASTRI เป็นองค์กรที่ก่อตั้งโดยรัฐบาลฮ่องกง มีทีมงานวิจัยและพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Cybersecurity และ Financial Technology หรือว่า Fintech เป็นอย่างมาก
แต่หากหันกลับมามองหน่วยงานความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของไทยที่มีความชัดเจนด้านการปกป้องภัยคุกคามอย่าง “ไทยเซิร์ต” (Thaicert : Thailand Computer Emergency Response Team) และยังเป็นสมาชิกขององค์กรด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยคอมพิวเตอร์ทั้งในระดับภูมิภาค (APCERT/Asia Pacific Computer Emergency Response Team)
และระดับสากล (FIRST/Forum of Incident Response and Security Teams) อีกทั้งยังมีบทบาทในการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างประเทศที่เป็นสมาชิกขององค์กรเหล่านี้ กับหน่วยงานในประเทศ ทั้งภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือผู้เกี่ยวข้องในการตอบสนองและจัดการกับเหตุการณ์ความมั่นคงปลอดภัยที่ได้รับแจ้ง
และก่อนหน้านี้ก็มีการจับมือกับ 17 หน่วยงานของไทย ซึ่งมีธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมด้วยแต่เป็นเพียงความร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อกันหรือก็คือพี่เลี้ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์เท่านั้น จนถูกมองข้ามความสามารถที่มี แถมภารกิจของไทยเซิร์ตก็ถูกโอนย้ายมาสังกัดอยู่ภายใต้ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สพธอ. และเปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทยแทน