สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) และ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดเสวนา การขับเคลื่อนเกษตรอุตสาหกรรม ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม Technology and Innovation for Agro-Industry
เพื่อเป็นการกระตุ้น สนับสนุน และสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ประกอบการกลุ่มเกษตรอุตสาหกรรมหันมาประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) พร้อมนำงานวิจัยของ สวทช. ตอบโจทย์เกษตรอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับการผลิตสินค้าภาคการเกษตร โดยมีผู้ประกอบการกลุ่มเกษตรอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานกว่า 200 ราย
ดร.นันทิยา วิริยบัณฑร ผู้อำนวยการโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) สวทช. กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศไทยมีความเข้มแข็งด้านเกษตรกรรมที่สามารถผลิตสินค้าทางการเกษตรได้หลากหลายทั้งพืชและสัตว์ ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการการบริโภคทั้งภายในประเทศและการส่งออกไปยังต่างประเทศ
ทั้งนี้ การเกษตรเชิงอุตสาหกรรมนั้น ยังมีข้อจำกัดในส่วนของคุณภาพและปริมาณของวัตถุดิบ รวมถึงยังมีปัญหาด้านความพร้อมของเอสเอ็มอี (SMEs) เช่น การขาดแคลนแรงงานระดับล่าง และองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้ต้นทุนการผลิตมีมูลค่าสูง แต่มูลค่าสินค้าเกษตรต่อหน่วยอยู่ในระดับที่ต่ำ
ดังนั้นเพื่อเป็นการกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจในการยกระดับสินค้าด้วย วทน. โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) สวทช. และหน่วยงานพันธมิตร จึงจัดสัมมนา “การขับเคลื่อนเกษตรอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม” เพื่อเชื่อมโยงกลุ่มผู้ประกอบการ นักวิจัย และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ให้มีองค์ความรู้ เข้าใจ และเข้าถึงแนวทางการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาด้าน วทน. ที่สามารถประยุกต์ใช้ได้จริง
ด้วยการนำผลงานวิจัยมาตอบโจทย์เกษตรอุตสาหกรรม อาทิ การประยุกต์ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อการจัดการเกษตร, เทคโนโลยี UAV & Robot จักรกลอัตโนมัติ, โรงเรือนปลูกอัจฉริยะ Smart Green House และระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability System) เป็นต้น
ทั้งนี้คาดหวังว่าผู้ประกอบการจะเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม ในเบื้องต้นโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) สวทช. มีกลไกพร้อมให้การสนับสนุนผู้ประกอบการเพื่อรับทราบข้อมูลเบื้องต้น จากนั้น จะเชิญผู้เชี่ยวชาญเข้าเยี่ยมผู้ประกอบการเพื่อสนับสนุนและวินิจฉัยปัญหา และจะเข้าสู่กระบวนการให้คำปรึกษาเชิงลึกโดยผู้เชี่ยวชาญในเครือข่ายของ ITAP- สวทช. เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถบรรลุเป้าหมาย การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเกษตรอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
นายชวลินทร์ สายหล้า ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า การขับเคลื่อนเกษตรกรอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรม Agro – Industry 4.0 นั้น ธ.ก.ส. มีแผนในการสนับสนุน SME เกษตรที่เข้าร่วม “โครงการสินเชื่อ 1 ตำบล 1 SME เกษตร”ที่นอกเหนือจากการให้สินเชื่อ เช่น การให้ความรู้ที่จำเป็นและการเป็นพี่เลี้ยงในการดำเนินกิจกรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สสว. และ สวทช. รวมทั้งสถาบันการศึกษาต่างๆ มีกลุ่มเป้าหมาย เช่น เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร และผู้ประกอบการ
โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเกษตรกรรายคน ที่ทำการผลิตเกษตรต้นน้ำ ให้เป็นเกษตรกรทันสมัย (Smart Farmer) มีกระบวนการจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มผลผลิตต่อรอบการผลิตที่สูงขึ้น สนับสนุนให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มเป็นผู้ประกอบการ และพัฒนาต่อยอดผลผลิตขั้นพื้นฐานให้เป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มมูลค่าและส่งต่อคุณค่าสู่ผู้บริโภค
สถาบันบ่มเพาะและพัฒนาผู้ประกอบการ SMAEs สู่เป้าหมาย Agro-Industry 4.0
ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้ตั้งสถาบันบ่มเพาะและพัฒนาผู้ประกอบการ SMAEs เพื่อทำหน้าที่ประสานกับหน่วยงานสถาบันต่างๆ ในการช่วยเหลือด้านองค์ความรู้ การวิจัย นำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ภาคการเกษตร ตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งด้านการแปรรูปด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ระดับเทคโนโลยีพื้นฐาน จนถึงเทคโนโลยีขั้นสูง การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การรองรับมาตรฐานต่างๆ
เพื่อสนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการภาคเกษตรกร สามารถยกระดับเป็นที่ยอมรับของตลาด สามารถทดแทนการนำเข้าและสามารถส่งออกไปต่างประเทศ ดังนั้น ธ.ก.ส. และ สวทช. จึงจัดสัมมนาเพื่อถ่ายทอดความรู้ด้านการจัดการการเกษตรอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการภาคเกษตรกรรม (SMAEs) สามารถก้าวไปสู่การเป็นเกษตรอุตสาหกรรม 4.0 (Agro – Industry 4.0) ได้เร็วขึ้นตามนโยบายรัฐบาล
อย่างไรก็ตามหวังว่าการสัมมนานี้จะช่วยเติมองค์ความรู้ และจุดประกายความคิดการพัฒนาภาคเกษตรกรรม ให้สามารถยกระดับสู่สากลและเป็นเกษตร 4.0 ในอนาคตอันใกล้นี้