จีไอเอส จำกัด ในกลุ่มบริษัท ซีดีจี ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ GARMIN ในประเทศไทย เปิดตัวสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ vivosmart 3 โมเดลใหม่ล่าสุดกันน้ำเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมฟังก์ชันด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์เอาใจคนทำงานที่ชื่นชอบความแอคทีฟ
ทั้งยังส่งสัญญาณเตือนให้ระวังภัยสุขภาพ หวังเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันอาการออฟฟิศซินโดรม โรคใหม่ตามกระแสที่พบเจอมากในคนทำงานออฟฟิศvivosmart 3 “ผู้ช่วยส่วนตัว” จะทำให้การออกกำลังกายสะดวก และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยฟังก์ชันที่ครบครันช่วยกระตุ้นและสร้างนิสัยการออกกำลังกายผ่านฟีเจอร์ใหม่แกะกล่องเพื่อติดตามและประเมินความฟิตของร่างกาย
ด้วยโปรแกรมวัดอัตราการเต้นหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง สามารถวัดระดับความเครียด และวัดผลการออกกำลังกายด้วย VO2 Max, Fitness Age และโหมด Strength Trainingเพื่อทำให้ทุกช่วงจังหวะชีวิตของทุกคนมีคุณค่าและฟิตมากกว่าที่เคย
นายไกรรพ เหลืองอุทัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จีไอเอส จำกัด ในกลุ่มบริษัท ซีดีจีเปิดเผยว่าจากสถานการณ์ปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกนิยมใช้สินค้าแกตเจ็ตกลุ่มไลฟ์สไตล์ ฟิตเนสและเอาท์ดอร์ เพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพและดูแลสุขภาพกันมากขึ้น จนกลายเป็นเทรนด์ที่เติบโตสูงมาก เช่นเดียวกับประเทศไทยเทรนด์แกตเจ็ตนาฬิกาเพื่อสุขภาพและกีฬายังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
ตัวเรือนที่มีดีไซน์ทันสมัย ออกแบบโดยการสำรวจพฤติกรรม และรสนิยมของคนรุ่นใหม่ทั้งยังคำนึงถึงความต้องการเฉพาะของคนแต่ละกลุ่ม ทำให้ได้รับความน่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยแกตเจ็ตนาฬิกาเหล่านี้ยังมาพร้อมฟังก์ชันที่เกินความคาดหมาย อัพเดทสิ่งใหม่ๆที่ผ่านการคำนวณและวัดผลลัพธ์จากการออกกำลังกายได้อย่างแม่นยำ
จึงมีแนวโน้มผู้ที่สนใจเล่นกีฬาและตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อาจจะไม่ค่อยออกกำลังกาย หรือเคลื่อนไหวร่างกายมากนัก อาจด้วยปัจจัยจากการทำงานที่ต้องนั่งเป็นเวลานาน การมีในแต่ละวันที่จำกัด และเหตุผลอื่นๆ จนส่งผลให้เกิดสภาวะโรคใหม่ที่พบเจออย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะในคนทำงานออฟฟิศ อย่างโรคออฟฟิศซินโดรม(Office Syndrome)
นายแพทย์ภัทรภณ อติเมธิน แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิทอธิบายถึงสถานการณ์ผู้ป่วย Office Syndrome ในประเทศไทยนั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พบว่าคนทำงานออฟฟิศในประเทศไทยกว่า 4-5 ล้านคน จะมีอาการทางระบบกล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นประสาท หรือโรคในกลุ่มออฟฟิศซินโดรมเกินกว่า 60%
โดยมักจะมีอาการเรื้อรัง เพราะใช้งานร่างกายตำแหน่งเดิมๆซ้ำๆเป็นระยะเวลานาน ในท่าไม่ถูกต้อง และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ไม่แข็งแรงพอที่จะใช้งานต่อเนื่องนานๆ
“สิ่งที่ควรทำมากที่สุด ก็คือการป้องกันไม่ให้เกิดอาการด้วยการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ สำหรับคนเริ่มต้นออกกำลังกาย อาจจะเริ่มออกแบบเบาๆก่อน แล้วก็เพิ่มสัดส่วนการออกกำลังขึ้นเรื่อยๆ ส่วนผู้ป่วยออฟฟิศซินโดรมควรเน้น การยืดกล้ามเนื้อและการเสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณที่ต้องใช้งานเยอะๆ ให้แข็งแรงขึ้น รวมไปถึงการออกกำลังการแบบแอโรบิก
เช่นการวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ ที่จะทำให้ความฟิตของร่างกายโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ และที่สำคัญควรหาแรงบันดาลใจผลักดันตัวเอง ตั้งเป้าหมายที่วัดผลได้จริง เพื่อให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้น ให้สามารถออกกำลังได้อย่างต่อเนื่อง”
vivosmart3 สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพโมเดลใหม่ล่าสุดจาก GARMIN ที่มาพร้อมฟังก์ชันแจ้งเตือนเพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกายระหว่างวัน กระตุ้นการออกกำลังกายด้วยการวัดความฟิตตลอด 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทำงานและคนรุ่นใหม่ด้วยการออกแบบตัวเรือนทันสมัย บางเบาสวมใส่สบายตลอดทั้งวันโดยมีน้ำหนักเพียง 20.4 – 21.5 กรัมเท่านั้น
และมี 2 ขนาด คือไซส์S/M ขนาด 122-189 มิลลิเมตร มีให้เลือกถึง 3 สีคลาสิกสไตล์ได้แก่ สีดำ (ตัวล็อคสีโรสโกลด์) สีม่วง (ตัวล็อคสีโรสโกลด์) และสีน้ำเงิน (ตัวล็อคสีเงิน)และไซส์L ขนาด 148-215 มิลลิเมตรมีเพียงตัวเรือนสีดำ (ตัวล็อคสีเงิน) เพิ่มความอึดด้วยแบตเตอรี่ยาวนานถึง 5 วัน แถมด้วยคุณสมบัติกันน้ำ 5 ATM หรือเทียบเท่าความลึกที่ 50 เมตรติดตัวเรือนมาด้วย
vivosmart3 โดดเด่นด้วยจอแสดงผลที่ซ่อนได้ โดยผู้ใช้สามารถเลือกแสดงผลได้ตามความต้องการ และเมื่อเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือแล้วจะสามารถแสดงการแจ้งเตือนเป็นภาษาไทยได้ ภายในประกอบด้วยฟังก์ชันเบื้องต้นครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการติดตามกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การนับก้าวจำนวนชั้นที่เดินขึ้นปริมาณพลังงานที่เผาผลาญจำนวนชั่วโมงของการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
และวัดประสิทธิภาพในการนอนหลับตลอดคืนรวมไปถึงเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจจากข้อมือได้โดยตรงตลอด 24ชั่วโมง ทั้งยังสามารถส่งข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจ(Heart rate)ให้อุปกรณ์อื่นของ Garmin เช่น EDGE Seriesสามารถบันทึกผลและแชร์ Online ผ่าน Garmin Connectยิ่งไปกว่านั้นยังมาพร้อมคุณสมบัติใหม่กับฟีเจอร์ช่วยติดตาม วัดความฟิตของร่างกายและประเมินผลการออกกำลังกายด้วยฟังก์ชันFitness monitoring
ทั้งยังมีความสามารถในการวัด VO2 Max ซึ่งจะแสดงผลค่าความฟิตของร่างกายผู้สวมใส่ โดยวัดจากระดับการใช้ออกซิเจนขณะออกกำลังกาย และยังมีการวัด Fitness Age ที่จะแสดงว่าความฟิตนั้นเทียบเท่ากับคนอายุเท่าใด และโหมด Strength Training ที่จะช่วยนับจำนวนครั้งของการออกกำลังกาย นับเซ็ต และเวลาพักของผู้สวมใส่ได้อย่างแม่นยำ
vivosmart3 ยังสามารถวัดระดับความเครียดได้ด้วยฟังก์ชันAll-day stress level monitoring รวมไปถึงฟังก์ชันการฝึกลมหายใจเข้าออก แถมยังมี Move IQ การบันทึกตามประเภทกีฬาอัตโนมัติ เช่น การเดิน การวิ่ง การปั่นจักรยาน หรือการว่ายน้ำ พร้อมแสดงผลใน Garmin Connect™
คุณสมบัติพื้นฐานและฟังก์ชันพิเศษโฉมใหม่ที่อัดแน่นอยู่ใน vivosmart 3 นี้
เปรียบเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกายของผู้สวมใส่ และยังช่วยกระตุ้นและสร้างนิสัยการออกกำลังกายให้กับทุกเพศทุกวัยที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย และผู้ต้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้แอคทีฟมากขึ้น วางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศ วันที่ 20 มิถุนายน นี้ ที่ร้านตัวแทนจำหน่าย GARMIN ในราคา5,990 บาท