เมื่อช่วงซัมเมอร์ 2016 ที่ผ่านมา ข่าวใหญ่ด้านการสื่อสารของญี่ปุ่นหนีไม่พ้นเรื่องการเปิดทิศทางของไลน์ในการกระโดดเข้าไปเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการมือถืออีกรายในประเทศญี่ปุ่น กับ Line Mobile บนเวที “Line Conference Tokyo 2016” ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่ “หน้าใหม่” ของการให้บริการระบบสื่อสารในขณะนั้น ภายใต้ระบบโครงข่าย mobile virtual network operator (MVNO) ในชื่อว่า “Line Mobile”
โดยการให้บริการเป็นการเช่าคลื่นความถี่มาจากหนึ่งในผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง NTT DoCoMo โดยชูราคาแพคเกจเริ่มต้นอยู่ที่ 500 เยนต่อเดือน (ราว 157 บาท) ซึ่งผู้ใช้งานจะสามารถใช้ Facebook , Twitter และ Line ได้อย่างไม่จำกัด
และในช่วงปี 2015 บริษัทที่ปรึกษารายใหญ่อย่าง Nikei BP มองว่าญี่ปุ่นยังมีผู้ใช้งาน Smartphone ทั้งสิ้นเพียง 49.7% ของประชากรทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งเป็นช่องว่างที่ไลน์ โมบายจะสามารถเจาะเข้าสู่ตลาดได้อย่างง่ายดาย โดยเน้นที่แพคเกจราคาประหยัดที่มาพร้อมการใช้งานด้านโซเชี่ยลมีเดียอย่างไม่จำกัด เพื่อจะขยายตลาดส่วนที่ยังไม่มีให้มากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามการทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นด้วยราคาที่ถูกลง ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในสร้างตัวเลขของผู้ใช้บริการให้เติบโตขึ้นมากนักในการแข่งขันกับผู้ให้บริการที่มีอยู่เดิม ซึ่งไลน์จำเป็นต้องสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็งขึ้น โดยการชูความไร้ข้อจำกัดในการเชื่อมต่อกับระบบโซเชี่ยลมีเดียที่มี เพื่อช่วยให้ลูกค้าหรือผู้ใช้งานได้มีทางเลือกของการบริการมือถือที่มากขึ้น
ซึ่งนับว่าเป็นจุดเด่นของระบบโครงข่าย MVNO อยู่แล้วที่สามารถให้บริการด้วยราคาที่ไม่แพง และไร้การผูกมัดด้านสัญญาการใช้บริการ และที่สำคัญไม่มีการล็อกเครื่องเพื่อให้ใช้งานระบบใดระบบหนึ่งอย่างที่เกิดขึ้นในระบบการขายเครื่องราคาต่ำพ่วงแพคเกจในปัจจุบัน
ขณะที่หากมองในมุมของการทำธุรกิจ การเปิดบริการ ก็ช่วยให้ไลน์สามารถผลักดันบริการที่มีทั้งหมดให้เข้าถึงผู้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ซึ่งไม่นับรวมคอนเทนต์ที่มากกว่าการสื่อสารเดิมๆที่ไลน์ได้รับความนิยมอยู่แล้ว แต่ยังรวมไปถึงระบบการชำระเงิน Line Pay ที่เชื่อว่าจะสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้เกิดขึ้นแก่ไลน์อย่างน่าอัศจรรย์
เมื่อไลน์สามารถเชื่อมต่อผู้ใช้บริการเข้ากับแพลตฟอร์มที่วางไว้ ซึ่งจะทำให้สามารถใช้งานและซื้อขายได้จากทุกที่ และทุกเวลานั่นเอง และไลน์ โมบาย ก็จะมีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะผลักดันบริการเหล่านั้นให้ถึงมือผู้ใช้งานในญี่ปุ่นนั่นเอง
ทั้งนี้แอปพลิเคชั่น LINE นั้นเปิดตัวมาได้ 6 ปี มีผู้ลงทะเบียนใช้งานทั่วโลกถึงพันล้านคน และมากกว่า 215 ล้านคนเป็นผู้ใช้งานที่มีการใช้งานเป็นประจำ มีผู้ใช้งานกระจายอยู่กว่า 230 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ตลาดหลักยังอยู่ในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทยมีการลงทะเบียนกว่า 33 ล้านราย
การเปิดตัวครั้งนั้นจึงเป็นเหมือนการเปิดเผยความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนผ่านจากการเป็นที่ 1 ของโลกด้านระบบส่งข้อความผ่านมือถือ สู่การเป็นที่1 ของโลกด้านศูนย์รวมการใช้งานดิจิทัล “world’s number one mobile messenger into the world’s number one Smart Portal” นั่นเอง