AIS เขย่าตลาด! เปิดศึกพรีเมียร์ลีก 199 บาท หวังครองลูกค้าดิจิทัล

AIS เขย่าตลาด! เปิดศึกพรีเมียร์ลีก 199 บาท หวังครองลูกค้าดิจิทัล

AIS สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ให้ตลาดโทรคมนาคมและคอนเทนต์ ด้วยการเปิดตัวแพ็กเกจถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษในราคาเริ่มต้นเพียง 199 บาทต่อเดือน นับเป็นกลยุทธ์ด้านราคาที่ดุดันที่สุดเท่าที่เคยมีมา หวังใช้คอนเทนต์แม่เหล็กอย่างกีฬาฟุตบอลเป็นหัวหอกในการขยายและรักษาฐานลูกค้าทั้งบนมือถือและเน็ตบ้าน ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันที่ดุเดือด

วงการฟุตบอลไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ประกาศเปิดตัวแพ็กเกจรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษและเอฟเอ คัพ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้ความร่วมมือกับ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ผู้ถือลิขสิทธิ์หลัก การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างความยินดีให้กับแฟนบอลเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงยุทธศาสตร์เชิงรุกของ AIS ในการใช้ “คอนเทนต์” เป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศดิจิทัลของตนเอง

เจาะลึกแพ็กเกจ “PLAY MONOMAX Standard” ราคา Early Bird สุดเร้าใจ

ไฮไลท์สำคัญที่สุดของการประกาศครั้งนี้ คือ การตั้งราคาแพ็กเกจที่เข้าถึงง่ายและคุ้มค่าอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในตลาด โดย เอไอเอส ได้ส่งโปรโมชั่นช่วง Early Bird สำหรับแพ็กเกจ “PLAY MONOMAX Standard” ที่มัดรวมคอนเทนต์ไว้อย่างครบครัน ประกอบด้วย:

  • แพ็กเกจรายเดือน: ราคาพิเศษเพียง 199 บาท จากราคาปกติ 299 บาท
  • แพ็กเกจรายปี: ราคาพิเศษเพียง 1,999 บาท จากราคาปกติ 2,999 บาท

โปรโมชั่นราคาสุดพิเศษนี้ เปิดให้สมัครได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เท่านั้น โดยครอบคลุมลูกค้าในเครือข่ายของ เอไอเอส ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าระบบมือถือทั้งแบบรายเดือนและเติมเงิน รวมถึงลูกค้าอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูง AIS 3BB FIBRE3 ทั้งลูกค้าปัจจุบัน, ลูกค้าใหม่ และลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม นับเป็นการเปิดกว้างให้ฐานลูกค้ากว่า 50.8 ล้านราย (ข้อมูล ณ มีนาคม 2568) สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ระดับโลกได้อย่างเท่าเทียม

สำหรับวิธีการสมัครก็ทำได้อย่างสะดวกสบายผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยแพ็กเกจรายเดือนสามารถสมัครได้โดยกด *899 โทรออก และแพ็กเกจรายปี กด 8991 โทรออก

คอนเทนต์อัดแน่น ไม่ได้มีแค่ฟุตบอล

สิ่งที่ทำให้แพ็กเกจ “PLAY MONOMAX Standard” มีความน่าสนใจมากกว่าแค่การเป็นแพ็กเกจสำหรับดูฟุตบอล คือความครบเครื่องของคอนเทนต์ที่ให้มาแบบจัดเต็ม ผู้สมัครแพ็กเกจจะได้รับชม:

  • ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ: ถ่ายทอดสดครบทั้ง 380 แมตช์ตลอดฤดูกาล
  • ฟุตบอลเอฟเอ คัพ (FA Cup): ชมสด 63 แมตช์
  • ฟุตบอลถ้วยรายการสำคัญอื่นๆ: รวมถึง SUMMER SERIES และ The FA Community Shield ที่จะแข่งขันก่อนเปิดฤดูกาลปกติ
  • FIFA Club World Cup 2025: ถ่ายทอดสด 51 แมตช์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน นี้
  • คอนเทนต์บันเทิงจาก MONOMAX: สิทธิ์ในการรับชมภาพยนตร์, ซีรีส์ดัง และรายการวาไรตี้ต่างๆ

ทั้งหมดนี้จะถูกถ่ายทอดด้วยความคมชัดระดับ Full HD ผ่านแอปพลิเคชัน AIS PLAY บน 11 ช่องสัญญาณ พร้อมทีมผู้บรรยายกีฬามืออาชีพระดับแถวหน้าของประเทศไทย นำโดย “บิ๊กจ๊ะ” สาธิต กรีกุล, “คุณฉุย” สมศักดิ์ สงวนทรัพย์, “แมวเพชร” คอลัมนิสต์ชื่อดัง, “ตูเต้” และ “ต้องซุย” เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม นอกจากนี้ยังมีบริการรับชมย้อนหลัง (รีรัน) และไฮไลต์การแข่งขันให้ไม่พลาดทุกช็อตสำคัญ

วิเคราะห์เกมรุก AIS: กลยุทธ์ “Content is King” ในสงครามดิจิทัล

การเปิดตัวแพ็กเกจพรีเมียร์ลีกในราคาที่ “ทุบตลาด” ครั้งนี้ เป็นมากกว่าแค่การขายคอนเทนต์ แต่คือหมากสำคัญในเกมธุรกิจที่ เอไอเอส วางไว้อย่างแยบยล ซึ่งสามารถวิเคราะห์ในเชิงเศรษฐกิจและกลยุทธ์ได้หลายมิติ

1. อาวุธทรงพลังในการดึงดูดและรักษาฐานลูกค้า (Customer Acquisition & Retention): ในยุคที่บริการโทรคมนาคมมีความใกล้เคียงกันทั้งในด้านราคาและคุณภาพสัญญาณ การสร้างความแตกต่างและ “ความผูกพัน” กับลูกค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกคือคอนเทนต์ที่มีฐานแฟนคลับขนาดใหญ่และมีความภักดีต่อแบรนด์สูง (High Engagement & Loyalty) การตั้งราคาที่เข้าถึงง่ายจึงเป็นเหมือนแม่เหล็กชั้นดีในการดึงดูดลูกค้ารายใหม่ให้ย้ายค่ายเข้ามาอยู่ในระบบนิเวศของ เอไอเอส ขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องมือตรึงลูกค้าเก่าไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการจะย้ายค่ายหมายถึงการสูญเสียสิทธิ์ในการเข้าถึงคอนเทนต์โปรดในราคาที่คุ้มค่าที่สุดไป

2. การสร้าง Synergy หลังการควบรวม AIS 3BB FIBRE3: การประกาศครั้งนี้ถือเป็นการใช้ประโยชน์จากการควบรวมกิจการกับ 3BB ได้อย่างเต็มศักยภาพ เอไอเอส สามารถนำเสนอแพ็กเกจสุดพิเศษนี้ให้กับฐานลูกค้าอินเทอร์เน็ตบ้านเดิมของ 3BB ซึ่งมีจำนวนมหาศาล กลายเป็น Value Proposition หรือคุณค่าที่จับต้องได้ทันทีสำหรับลูกค้า AIS 3BB FIBRE3 กว่า 5.1 ล้านราย เป็นการสร้างความรู้สึก “คุ้มค่า” และกระตุ้นให้เกิดการใช้งานบริการอื่นๆ ในเครือตามมา (Cross-selling & Upselling)

3. สงครามคอนเทนต์และการเปลี่ยนผ่านสู่ Tech-Co: ปัจจุบัน ผู้ให้บริการโทรคมนาคมไม่ได้แข่งขันกันแค่ความเร็วอินเทอร์เน็ตหรือโปรโมชั่นค่าโทรอีกต่อไป แต่สมรภูมิได้ย้ายมาอยู่ที่ “คอนเทนต์” การเคลื่อนไหวของ เอไอเอส สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการก้าวสู่การเป็น “องค์กรโทรคมนาคมเทคโนโลยีอัจฉริยะ” หรือ “Cognitive Tech-Co” ซึ่งหมายถึงการเป็นมากกว่าผู้ให้บริการโครงข่าย แต่ต้องเป็นผู้ส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ครบวงจร การมีคอนเทนต์ระดับโลกอยู่ในมือ ทำให้ AIS PLAY ไม่ใช่เป็นเพียงแอปพลิเคชันเสริม แต่เป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีความสำคัญทัดเทียมกับบริการหลัก

4. โมเดลความร่วมมือที่ชาญฉลาด: การที่ เอไอเอส ร่วมมือกับ JAS ซึ่งเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ ถือเป็นโมเดลธุรกิจที่วิน-วินทั้งสองฝ่าย JAS ซึ่งทุ่มเงินมหาศาลเพื่อคว้าลิขสิทธิ์มาได้ สามารถการันตีช่องทางการจัดจำหน่ายและการเข้าถึงฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศผ่านเครือข่ายของ เอไอเอส ในขณะที่ เอไอเอส สามารถได้คอนเทนต์ระดับพรีเมียมมาไว้ในมือโดยไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงและต้นทุนทั้งหมดจากการประมูลลิขสิทธิ์โดยตรง

ผลกระทบต่อผู้บริโภคและภูมิทัศน์ตลาด

ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการแข่งขันครั้งนี้คือ “ผู้บริโภค” แฟนบอลชาวไทยสามารถเข้าถึงการถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกที่ดีที่สุดในโลกได้ในราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งอาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อตลาดผู้ให้บริการคอนเทนต์รายอื่นๆ (OTT Platforms) ที่อาจต้องปรับกลยุทธ์ด้านราคาและการนำเสนอคอนเทนต์เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน

สำหรับช่องทางการรับชม เอไอเอส ได้ออกแบบให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยลูกค้าที่สมัครผ่านเบอร์มือถือสามารถรับชมได้ผ่านแอปพลิเคชันAIS PLAY, Android TV และ Smart TV ส่วนลูกค้าที่สมัครผ่านเบอร์เน็ตบ้านจะรับชมได้ผ่านแอปAIS PLAY, กล่องAIS PLAYBOX, Android TV และ Smart TV โดยทั้งสองรูปแบบจะสามารถรับชมได้พร้อมกัน 1 อุปกรณ์ต่อ 1 บัญชี

การประกาศศึกพรีเมียร์ลีกของ เอไอเอส ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การเปิดตัวสินค้าใหม่ แต่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าสมรภูมิการแข่งขันในธุรกิจโทรคมนาคมและดิจิทัลของประเทศไทยกำลังจะทวีความเข้มข้นขึ้นไปอีกขั้น โดยมี “คอนเทนต์” เป็นตัวชี้วัดสำคัญ และมี “ผู้บริโภค” เป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลง

 #AIS #AISPLAY #พรีเมียร์ลีก #PremierLeague #ฟุตบอลอังกฤษ #ดูบอล #แพ็กเกจบอล #AIS3BBFIBRE3 #JAS #ข่าวเศรษฐกิจ #CognitiveTechCo #โปรโมชั่น

Related Posts