___noise___ 1000

เอปสัน เผยไตรมาสแรกโต 5% พร้อมส่งรุ่นใหญ่เจาะตลาดองค์กร

เอปสัน

เอปสัน เติบโตไตรมาสแรก 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เผยครึ่งปีหลังตลาดภาพรวมน่าจะดีขึ้นเพราะภาครัฐเริ่มมีโครงการที่ใช้จ่ายมากขึ้น มั่นใจโตทั้งปี 5% และโตกว่าตลาดรวมที่คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 1-2% พร้อมเปิดเครื่องพิมพ์ใหม่เจาะกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ ชูความเป็นอิงค์เจ็ตที่พิมพ์ได้เร็วกว่า ดูแลรักษาง่ายกว่า ประหยัดกว่า จึงตอบโจทย์การพิมพ์ขององค์กรได้ดีกว่าเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรก (เมษายน-มิถุนายน) ที่ผ่านมา เอปสันมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยการเติบโตดังกล่าวเนื่องจากเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับในตลาดอิงค์เจ็ต ที่เอปสันได้จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการทำตลาดในห้างสรรพสินค้า ที่ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ยอดขายเติบโตไปในทิศทางที่ดี

สำหรับตลาดในช่วงครึ่งปีหลังนั้น แม้ในตลาดคอนซูเมอร์ยังระมัดระวังในการใช้จ่าย แต่คาดว่าน่าจะดีขึ้นเพราะภาครัฐเริ่มมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากโครงการต่างๆ ประกอบกับเอปสันก็พร้อมที่จะนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าว่าจะเติบโตในปีนี้ประมาณ 5% มากกว่าตลาดรวมพรินเตอร์ที่ยังคงทรงๆ และคาดว่าน่าจะเติบโต 1-2%

เอปสัน
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด

ล่าสุดเอปสันได้นำเสนอเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ ที่สามารถพิมพ์ต่อเนื่องในความเร็วสูงโดยยังคงคุณภาพสม่ำเสมอ เพราะมีเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยรักษาความต่อเนื่องในการพิมพ์ให้ไม่ สะดุด และระบบสายพานไฟฟ้า (Electrostatic Transfer Belt) ที่ช่วยให้กระดาษวางเรียบขณะพิมพ์ ทำให้ได้งาน พิมพ์คุณภาพดี

“โดยไม่จำเป็นต้องมีขั้นตอนและชิ้นส่วนอุปกรณ์มากมายในการพิมพ์เหมือนอย่างเลเซอร์พรินเตอร์ จึงช่วยให้ราคาเครื่องและค่าพิมพ์ต่อแผ่นถูกว่า ประหยัดค่าไฟได้มากกว่าการพิมพ์ด้วยเลเซอร์พรินเตอร์ถึง 90% รวมไปถึงด้านการบำรุงรักษาที่ง่าย ถูกกว่า รวมไปถึงอายุการใช้งานก็นานกว่า”

นายยรรยงค์ กล่าวว่า โดยผลิตภัณฑ์ในรุ่น WorkForce Enterprise WF-C20590 และ WF-C17590 สามารถพิมพ์ทั้งสีและขาวดำได้เร็วเท่ากันถึง 100 แผ่น/นาที ในรุ่น WF-C20590 และ 75 แผ่น/นาที สำหรับรุ่น WF-C17590 ด้วยต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่นที่ประหยัดและคุ้มค่ากว่าเลเซอร์พรินเตอร์และเครื่องถ่ายเอกสาร

โดยพิมพ์ขาวดำถูกกว่า 26% และพิมพ์สีถูกกว่าถึง 300% ทั้งยังรองรับประเภทงานพิมพ์ที่ หลากหลายภายในองค์กร ทั้งบนกระดาษขนาด A3 กระดาษหนาพิเศษ 350 แกรม และกระดาษยาวต่อเนื่องถึง 120 เซนติเมตร

ทั้งนี้การนำอิงค์เจ็ตพรินเตอร์เข้ามาใช้กับการพิมพ์ในองค์กรขนาดใหญ่นั้น และจำเป็นต้องใช้เวลาในการให้ลูกค้ายอมรับ เพราะในองค์กรขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการหรือบริษัทเอกชน หรือแม้แต่ธุรกิจรับพิมพ์เอกสารจะเลือกพิมพ์งานในปริมาณมากด้วย เลเซอร์พรินเตอร์หรือผ่านเครื่องถ่ายเอกสาร เพราะยังเชื่อว่าพิมพ์งานได้เร็ว คุณภาพดี ดังนั้นเอปสันจึงต้องเปลี่ยนความเชื่อเดิมๆ ของผู้ใช้ ด้วยการนำเสนอสินค้าที่สามารถตอบโจทย์เรื่องความคุ้มค่าในการ ลงทุนที่ดีกว่าให้แก่ลูกค้าได้

นอกจากจะสร้างความเชื่อมั่นในตัวอิงค์เจ็ตด้วยพาร์ตเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 5 รายแล้ว ในตัวผลิตภัณฑ์อย่าง WF-C20590 และ WF-C17590 ยังรวมฟังก์ชันสำหรับพรินเตอร์ สแกนเนอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร และแฟกซ์ไว้อย่าง ครบครัน สามารถสแกนเอกสารหน้าเดียวเร็ว 60 หน้า/นาที และสแกนหน้าหลัง 110 หน้า/นาที

ทั้งสองรุ่นยังใช้ หมึกกันน้ำ DuraBrite Pigment Ink ในตลับหมึกความจุสูง 4 สี ซึ่งสามารถพิมพ์สีได้ 50,000 แผ่น และขาวดำ 100,000 แผ่น ทั้งยังสามารถสั่งพิมพ์ผ่านโมบายด้วยแอพพลิชัน Epson Connect, Google Cloud Print, Mopria อีกด้วย

เอปสัน

และนอกจาก WF-C20590 และ WF-C17590 แล้ว เอปสันยังเปิดตัว WorkForce Pro WF-C869R มัลติฟังก์ชันอิงค์เจ็ทพรินเตอร์สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีที่ใช้หัวพิมพ์ PrecisionCore และระบบหมึก RIP (Replaceable Ink Pack) ชุดหมึกที่ถอดเปลี่ยนได้ รองรับการพิมพ์สีได้ 84,000 แผ่น และขาวดำ 86,000 แผ่น โดยไม่ต้องเปลี่ยนชุดหมึก

ทั้งยังพิมพ์ได้เร็ว 24 แผ่น/นาที และสแกนที่ 25 หน้า/นาที พรินเตอร์ WF-C869R ยังเป็นแพลทฟอร์มเปิดใช้ได้กับแอพพลิเคชันควบคุมการพิมพ์และสแกนไฟล์ผ่านเว็บไซต์ เช่น PaperCut MF เป็นต้น

นายยรรยง กล่าวว่า เอปสันยังมีแผนที่จะเพิ่มสินค้าในกลุ่มอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ความเร็วสูงสำหรับองค์กรขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายขององค์กร โดยยังชูจุดเด่นที่ความคุ้มค่าในการลงทุนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับเลเซอร์พรินเตอร์และเครื่องถ่ายเอกสาร พร้อมกับให้การรับประกันเครื่องแบบ on-site service ระยะเวลา 1 ปี

ซึ่งลูกค้าสามารถขยายระยะเวลาคุ้มครองได้นานถึง 5 ปี คาดว่าด้วยผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่นี้จะสามารถเจาะตลาดองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจปล่อยเช่าเครื่องถ่ายเอกสาร ร้านศูนย์ถ่ายเอกสาร รวมไปถึงกลุ่มสถาบันศึกษา และหน่วยงานราชการ ต่างๆ ได้เพิ่มมากขึ้น

banner Sample

Related Posts