แอลจี กลับมาบุกตลาดมือถือในไทยอีกครั้ง หลังจากวางมือไป 2 ปี ส่ง LG G6 สมาร์ตโฟนพรีเมียมสร้างการรับรู้ ก่อนตามมาอีกหลายรุ่นครอบคลุมหลายราคา เผยยังไม่รุกมากเพราะกำลังเซ็ตทีมงานสมาร์ตโฟนให้มีความพร้อมมากกว่านี้
ชี้การกลับมาครั้งนี้จะต้องหาพาร์ตเนอร์ที่มีความแข็งแกร่งและช่วยสร้างการรับรู้ได้ดี ประเดิมรายแรกกับเอไอเอสก่อนที่จะขยายช่องทางจำหน่ายให้กว้างกว่าเดิม มั่นใจปีหน้าจะสามารถชิงส่วนแบ่งการตลาด 5% สำหรับและ 3% สำหรับตลาดรวม
มิสเตอร์ ซอง แจ คิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า แอลจีมีความต้องการที่จะนำมือถือกลับทำตลาดนานแล้ว แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมายังไม่พร้อมในหลายด้าน
แต่ในขณะนี้พร้อมแล้วที่จะทำตลาดอย่างจริงจัง ด้วยการเปิดตัว LG G6 สมาร์ตโฟนเรือธงที่จะนำเสนอเป็นผลิตภัณฑ์แรก ก่อนที่จะตามมาในอีก 4 รุ่นหลังจากนี้ ซึ่งแม้ว่าจะเปิดตัวช้ากว่าตลาดโลก แต่แอลจีเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม
โดยได้เตรียมงบประมาณทางการตลาดไว้ที่ 15 ล้านบาท สำหรับการรุกตลาดมือถือในปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปกับตัว LG G6 เป็นหลัก
สำหรับการทำตลาดมือถือของแอลจีนับจากนี้จะมีไลน์ผลิตภัณฑ์ที่กว้างมากขึ้น มากกว่าที่เคยทำมาเมื่อ 2 ปีก่อน โดยภาพรวมตลาดมือถือในปีนี้คาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 16-17 ล้านเครื่อง มีมูลค่าตลาดประมาณ 1 แสนล้านบาท
โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็นสัดส่วนพรีเมียม 11% ในด้านจำนวนเครื่อง และมีส่วนแบ่งประมาณ 33% ในด้านมูลค่า ซึ่งแอลจีตั้งเป้าจะชิงมาร์เก็ตแชร์ในตลาดพรีเมียมประมาณ 5% และ 3% สำหรับตลาดรวมในปี 2561
“ภาพรวมตลาดมือถือในเมืองไทยครึ่งปีแรกมีอัตราการเติบโตประมาณ 2-3% ส่วนครึ่งปีหลังน่าจะโต 3-4% ส่วนยอดขาย LG G6 นั้น ตั้งเป้าไว้ที่ 10,000 เครื่องในปีนี้ และจะมีการนำเสนอมือถือรุ่นใหม่ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้”
“ซึ่งจะมีรุ่นราคาที่ต่ำกว่า 8,000 บาทเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค และจะทำให้แอลจีมีส่วนแบ่งการตลาดที่มากขึ้นจากเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแอลจีมีส่วนแบ่งตลาดรวมอยู่ที่ 1% และตลาดพรีเมียมอยู่ที่ 3%”
ด้านนายนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า การกลับมาทำตลาดมือถือในครั้งนี้การสร้างแบรนด์เป็นเรื่องสำคัญ ต้องทำให้ลูกค้ารับรู้เรื่องแบรนด์ผ่านผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮเอนด์ก่อน และทำควบคู่ไปกับการจับมือกับพาร์ตเนอร์ที่จะช่วยสร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภครับรู้ได้กว้างขึ้น
นอกจากนี้แอลจีจะเรงการจัดโครงสร้างองค์กรในส่วนของมือถือให้มีความพร้อม รวมไปถึงการหาช่องทางการจัดจำหน่ายที่เหมาะสมเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของการดูแลลูกค้านั้น ลูกค้าสามารถใช้บริการเซอร์วิสเซ็นเตอร์ของแอลจีที่มีอยู่ 7แห่ง และรวมไปถึงศูนย์บริการที่ได้รับแต่งตั้งจากแอลจีซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก
สำหรับการนำเสนอ LG G6 นั้นแอลจีได้ร่วมกับเอไอเอสด้วยการจำหน่าย LG G6 ผ่านเอไอเอส ช้อป 20 สาขาทั่วประเทศ และ เอไอเอส ออนไลน์ สโตร์ รวมไปถึงได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาดต่างๆ ผ่านช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์
LG G6 มาพร้อมคอนเซ็ปต์ ‘The BIG screen that fits in your hand’ หน้าจอแบบ FullVision ขนาด 5.7 นิ้ว พร้อมกระจก Gorilla Glass ที่ให้ภาพเต็มจอยิ่งขึ้น พร้อมอัตราส่วนหน้าจอแบบ 18:9 ถ่ายภาพได้แตกต่างกันถึง 4 โหมด
และยังมีเทคโนโลยีระบบ QHD+ ที่ความคมชัด ช่วยเพิ่มประสบการณ์การชมภาพยนตร์ พร้อม 6 เกมส์ที่มีมาพร้อมเอาใจผู้ชื่นชอบการเล่นเกมส์
นอกจากนี้ยังเป็นสมาร์ตโฟนพรีเมียมรุ่นแรกที่มาพร้อมเทคโนโลยีดอลบี้ วิชั่น และ HDR 10 จึงสามารถแสดงภาพที่ให้เฉดสีหลากหลาย คมชัดยิ่งขึ้น และแสดงรายละเอียดได้ชัดเจนขึ้น
พร้อมกล้องหลังคู่ขนาด 13 MP กับฟีเจอร์เด่นเลนส์กว้างถึง 125 องศา ยกระดับการถ่ายภาพพาโนรามิก รวมถึงกล้องวิดีโอ 4K และกล้องหน้าเลนส์มุมกว้างมากถึง 100 องศา ให้ภาพที่มีความสมดุลเป็นธรรมชาติที่สุด
มอบความสะดวกสบายในการรีวิวภาพหลังการถ่าย เพราะสามารถแบ่งการแสดงหน้าจอออกเป็นสองจอ เหมาะกับการใช้งานหลากหลายพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ เช็คภาพ ตกแต่งหรือแม้แต่อัพโหลดรูปภาพทันที
ตัวเครื่องเป็นโลหะทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จึงทนต่อแรงสั่นสะเทือนและแรงกระแทก สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 1.5 เมตร นานกว่า 30 นาที และกันฝุ่น
ซึ่งผ่านการทดสอบตามมาตรฐานทางทหาร MIL-STD 810G มาด้วยระบบเสียง Hi-Fi Quad DAC พร้อมฟีเจอร์ในการบันทึกวิดีโอที่มีคุณภาพสูงด้วยเสียงที่ชัดเจนแม้ในที่ที่มีเสียงดัง
LG G6 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีแอสโตร แบล็ค และสีไอซ์ แพลตินั่ม จำหน่ายในราคา 24,990 บาท
