ลองซื้อ!! GearBest.com แล้วจะติดใจในความครบครันและราคาที่เหลือเชื่อ

ลองซื้อ!! GearBest.com แล้วจะติดใจในความครบครันและราคาที่เหลือเชื่อ

วันนี้ Thereporter.asia ได้มีโอกาสส่องเว็บอีคอมเมิร์ซที่กำลังจะเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจังในปี 2561 นี้ โดยเว็บแห่งนี้มีชื่อว่า Gearbest.com ซึ่งเดิมทีเป็นเว็บที่มีการซื้อขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักและเริ่มมีการเพิ่มสินค้าในส่วนของแฟชั่นเข้ามามากมายในปัจจุบัน โดยเริ่มก่อตั้งมาตั้งเเต่ปี 2015 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ลงทะเบียนกว่า30ล้านคน เเละมีสินค้ามากกว่า 2 เเสนรายการ ครอบคลุมการจัดส่งใน 190 ประเทศ ด้วยจำนวนผู้เข้าชมมากถึง 8 ล้านครั้งต่อวัน อีกทั้งยังได้รับการจัดให้อยู่ในลำดับที่ 30 ของเว็บอีคอมเมิร์ซทั่วโลกตามจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์

GearBest

การออกแบบหน้าเว็บและเมนูการใช้งาน

ในส่วนของการออกแบบนั้นมองดูสะอาดตา สามารถมองหาเมนูได้ง่าย เนื่องจากจำนวนเมนูหลักไม่มากจนเกินไป ขณะที่การให้โทนสีเว็บ ขาว ส้ม และดำ ก็เป็นสีที่ชวนให้ซื้อสินค้าได้ในทุกๆเวลาอยู่แล้ว ขณะที่การจัดเมนหมวดสินค้าทางด้านซ้ายแบบมีสัญลักษณ์กลุ่มสินค้าด้วย ก็ช่วยเพิ่มความเข้าใจสำหรับผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ ให้เข้าใจความหมายได้อย่างไม่ยากนัก และแม้ว่าหน้าแรกจะเป็นส่วนที่มีการเข้าชมจากผู้ที่พิมพ์โดเมนเข้ามาเป็นด่านแรก ก็ไม่ได้อัดการแสดงผลของสินค้าจนทำให้เปิดหน้าเว็บช้าแต่อย่างใด โดยจะมีสาระสำคัญของการแจงโปรโมชั่นและสินค้าบางหมวดหมู่เท่านั้นที่แสดงอยู่ในส่วนของหน้าโฮม

GearBest

กลับมาดูที่รายการเมนูบนหน้าเว็บไซต์ ซึ่งมีส่วนที่สำคัญในการสร้างประสบการรณ์ที่ดีให้กับลูกค้า โดยพบว่าเมนูหลักที่มีอยู่เพียง 5 ส่วน สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็นเมนู Flash Sale ที่มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย หากมองผู้ซื้อมองเรื่องราคาเป็นหลัก ซึ่งเมื่อคลิ๊กที่เมนูย่อยเราจะเห็นทั้งในส่วนของ Daily Deals ที่มีสินค้าราคาพิเศษนำมาลดราคากันวันต่อวัน เพื่อโตบโจทย์ด้านราคาโดยเฉพาะ

GearBest

ขณะที่เมนูถัดไปจะอยู่ในชื่อ $0.99 Zone ซึ่งเมื่อคลิ๊กเข้าไป เราจะได้พบกับ Dolla Deals Zone โดยจะเป็นโซนที่มีการแบ่งส่วนของสินค้าราคาไม่เกิน 0.99 เหรียญ 1.99 เหรียญ 2.99 เหรียญ 3.99 เหรียญ 4.99 เหรียญ และดีลทั้งหมด เพื่อสร้างความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าตามงบประมาณของลูกค้าเป็นหลัก โดยภายในดีลแต่ละระดับราคายังมีการแบ่งออกเป็นสินค้าที่กำลังเป็นที่นิยม สินค้าใหม่ สินค้าที่เทรนด์ในปัจจุบัน และสินค้าที่มีส่วนลดเพิ่มเติม ซึ่งก็ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

GearBest

ถัดมาเป็นเมนู Clearance หรือภาษาไทยแปลว่า “ลดล้างสต๊อก” เชื่อคำนี้มีอิทธิพลต่อขาช้อปไม่มากก็น้อย โดยภายในยังตัวกรองออกเป็นการแสดงผลแบบกำหนดราคาจากน้อยไปหามาก ($ Low to Hight) และจากราคามากไปหาน้อย ($ Hight to Low) และยังมีอรกลายตัวกรอง เพื่อให้เราเลือกการแสดงผลที่เราต้องการ และค้นหาสินค้าที่ถูกใจได้อย่างรวดเร็ว

GearBest

ขณะที่เมนูหลักที่ 2 เป็นในส่วนของสินค้าใหม่ (New) ซึ่งเมื่อลองคลิ๊กเข้าไปจะได้เห็นเมนูสินค้าใหม่ New Arrival ที่วางจำหน่ายได้ไม่นาน และอีกหนึ่งความน่าสนใจของเมนูหลักนี้คือเมนูย่อย Preorder หรือการสั่งสินค้าล่วงหน้า สำหรับผู้ที่ต้องการอินเทรนด์ก่อนใคร สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าและเตรียมรอใช้งานที่บ้านได้อย่างสะดวกสบาย

GearBest

เมนูหลักถัดมาเป็นส่วนของตลาดสินค้ากลางจากผู้ร่วมค้า โดยจะเป็นสินค้ากลุ่มที่มีทั้ง DIY และหลากหลายอารมณ์ ซึ่วคิดว่าน่าจะมาจากกลุ่มผู้ค้าเอง อีกทั้งยังมีในส่วนของเมนู Explore ซึ่งเว็บจะไปดึงสินค้าที่น่าสนใจมาจัดแสดงให้เราได้เห็น พร้อทั้งยังสามารถเลือกได้ว่าจะใหแสดงสินค้ากลุ่มไหน ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเลือกสินค้าแบบคละกลุ่มได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าบางคนเข้าเว็บซื้อสินค้าแบบที่ยังไม่รู้จะซื้ออะไร ขอเข้ามาสำรวจก่อนก็แล้วกันว่าจะซื้ออะไร เมนูนี้จึงเป็นที่ชื่นชอบของการชมเล่นแบบเพลินๆครับ

GearBest

ถัดมาเป็นเมนู Community ซึ่งภายในเมนูนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ โดยจะมีเมนูย่อย Blogger และ Video ให้ได้เลือกศึกษาข้อมูล ทั้งจากการรีวิวของบล็อกเกอร์ชื่อดัง การใช้งานจริงของลูกค้าที่นำเรื่องราวมาบอกต่อ การให้ข้อมูลของผู้ขายถึงฟีเจอร์และการทำงานที่สำคัญของสินค้าชิ้นนั้นๆ รวมถึงเทคนิคการใช้งานเล็กๆน้อยก็มีให้เลือกชมได้ทั้งในส่วนของเนื้อหาที่เป็นบทความและวิดีโอสั้นๆให้ได้เลือกชมอย่างจุใจ

GearBest

การแสดงรายละเอียดของสินค้า

สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์นั้นก็คือ รายละเอียดสินค้าที่มากที่สุด เพื่อให้รู้จักสินค้าผ่านหน้าจอได้อย่างถ่องแท้ ก่อนที่ผู้บรฮโภคจะตัดสินใจซื้อและชำระค่าสินค้าในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งแน่นอนว่า GearBest.com ก็สามารถลงรายละเอียดได้อย่างครบถ้วนทั้งภาพและตัวหนังสือ และยังมีการแบ่งหมวดหมู่ของการให้ข้อมูลที่เหมาะสม ทั้งสเปกของสินค้า รูปสินค้าแบบทุกมุม หรือแม้กระทั่งความคิดเห็นและข้อสงสัยของลูกค้าก่อนการซื้อ แสดงอยู่ในส่วนของรายละเอียดสินค้านี้เช่นกัน

GearBest

แน่นอนว่าส่วนนี้มีรายละเอียดของการจัดส่งที่จัดเจน ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ที่เราสำรวจดู จะมีการจัดส่งฟรีแบบมาตรฐาน ซึ่งหากใครต้องการสินค้าเร็วก็สามารถเลือกการจัดส่งแบบชำระเงิน เพื่อจัดส่งผ่านระบบขนส่งเอกชนที่ตนเองสะดวก และเท่าที่ลองสอบถามข้อมูลการจัดส่งของเว็บไซต์แห่งนี้ดูก็พบว่า

GearBest.com มีโกดังอยู่ 2 เเห่งในจีน คือเมืองเซินเจิ้นกับฮ่องกง โดยส่วนใหญ่สินค้าที่สั่งจะส่งจากเมืองเซินเจิ้นเป็นหลัก และสำหรับการส่งสินค้าในไทยเเนะนำให้เลือกวิธีการจัดส่งที่เป็น Priority Line (เป็น kerry) จะดีที่สุด ด้วยระยะเวลาที่รวดเร็วไม่เกิน 7-8 วันทำการหรือถ้าช้ากว่านั้นก็ไม่เกิน 10 วันทำการ เเละนอกจากนี้ ยังสามารถเช็คสถานะการส่งออกของสินค้าได้ภายใน 2 วันทำการหลังจากทีสินค้าออกจากโกดัง ซึ่งจะไม่เหมือนบริษัทขนส่งอื่นที่ต้องใช้ระยะเวลานานถึงจะสามารถเช็คออกได้

GearBest

นอกจากนี้ยังมีในส่วนของการให้คะแนนความพึงพอใจของผู้ที่ซื้อสินค้า พร้อมความคิดเห็นของผู้ซื้อสินค้า ซึ่งเมื่อได้รับสินค้าเรียบร้อยแล้วจะมีการถ่ายภาพสินค้าจริงและแสดงความคิดเห็น สะท้อนให้เห็นการสั่งซื้อสินค้าทั้งระบบได้อย่างดีเยี่ยม

การชำระเงิน

สำหรับการชำระเงินนั้นมีให้เลือก 3 รูปแบบทั้งในส่วนของบัญชี Paypal ที่ปัจจุบันสามารถผูกกับบัตรเครดิตหรือเดบิตได้อย่างสะดวก ซึ่งก็จะมีการเก็บประวัติการสั่งซื้อที่ชัดเจนเก็บให้เราบริหารจัดการได้อย่างดีเยี่ยมยิ่งขึ้น ขณะที่ช่องทางที่สองจะเป็นการโอนเงินผ่านธนาคารบนเทคโนโลยี Wire Transfer แต่หากยอดการโอนมีมูลค่ามากกว่า 1,500 เหรียญอาจจะต้องติดต่อทางเว็บไซต์ผ่านอีเมล์อีกครั้ง เนื่องจากเป็นข้อจำกัดของระบบ

GearBest

สุดท้ายอีกระบบของการชำระค่าินค้าได้นั่ก็คือการโอนเงินผ่านผู้ให้บริการ Western Union ซึ่งก็นับว่ามีความสะดวก เพราะเพียงเรานำเงินพร้อมบัตรประชาชนและใบสั่งซื้อสินค้าของเราไปยื่นให้ เพียงเท่านี้ก็สามารถกลับมาแจ้งการชำระเงินและรอรับสินค้าที่บ้านได้เลยครับ

การรับประกันความพอใจ

แน่นอนว่าทุกเว็บจะต้องมีข้อผิดพลาดของสินค้าบางจุด ซึ่งแม้ว่า GearBest จะมีสินค้าในมือเองเพื่อจัดจำหน่าย แต่ตลอดกระบวนการออกของ และขนส่งจนถึงมือลูกค้า เป็นขั้นตอนที่มีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง การรับประกับในขั้นตอนสุดท้ายของเว็บไซต์เอง ก็รองรับการเปิดเคสเพื่อร้องเรียนและคืนสินค้าตามขั้นตอนของเว็บได้ภายใน 30 วัน หลังจากที่รับสินค้าแล้วเช่นกัน

GearBest

อีกทั้งในส่วนของการติดต่อเพื่อประสานกันเมื่อเกิดข้อร้องเรียน แม้ว่าจะเป็นเว็บอีคอมเมิร์ชจากประเทศจีน แต่ก็รองรับการสื่อสารภาษาไทย และยังมีช่องทางเฟซบุ๊ก Gearbest ที่สามารถสื่อสารภาษาไทยกับเว็บได้อีกหนึ่งช่องทาง เพือความสะดวกของคนไทย ซึ่งก็ยืนยันได้ตามที่ผมกล่าวมาแล้วว่าเว็บอีคอมเมิร์ชนี้กำลังจะรุกเข้ามาตลาดประเทศไทยมากขึ้นนั่นเองครับ

นอกจากนี้ยังมีส่วนของการร้องขอราคาขายส่ง เมื่อเราต้องการสินค้าในปริมาณเยอะมากขึ้น ซึ่งก็มีส่วนของการติดต่อร้านขายได้อย่างสะดวกในหน้าของสินค้านั้นๆ นับว่าเป็นรายละเอียดที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ถูกใจกับการซื้อสินค้าไปทดลองแล้ว ต้องการทำธุรกิจนำเข้าสินค้านั้นๆอย่างจริงจังต่อไปในอนาคต

Related Posts