ธนาคารกสิกรรุกตลาดในกลุ่มประเทศ AEC +3 อีกขั้น ด้วยการให้เควิชั่นจับมือ BSSC ร่วมกันคัดเลือกสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพของไทย ในการขยายธุรกิจเข้าไปตลาดเวียดนาม ซึ่งนอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างโอกาสให้สตาร์ทอัพไทย ก้าวไปดำเนินธุรกิจในระดับภูมิภาคภาคแล้ว
ยังถือเป็นการใช้พาร์ทเนอร์ เพื่อการขยายธุรกิจเข้าไปสู่ตลาดเวียดนาม เป็นอีกแผนหนึ่งของการรุกเข้าสู่ตลาดในระดับภูมิภาค การเดินหน้าครั้งนี้กสิกรไทยตั้งเป้าการลงทุนสตาร์ทอัพในเวียดนามไว้ที่ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปีนี้
บริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด หรือ เควิชั่น เป็นบริษัทด้านการลงทุนสตาร์ทอัพ และแสวงหานวัตกรรมในระดับภูมิภาคของธนาคารกสิกรไทย ส่วน BSSC หรือ Business Startup Support Center เป็นองค์กรด้านการสนับสนุนและพัฒนาสตาร์ทอัพของรัฐบาลเวียดนาม ความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้เป็นการรุกตลาดกลุ่ม AEC +3 ซึ่งเป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นสมาชิกในอาเซียน 10 ประเทศ และประเทศเพิ่มมา 3 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
นายภัทรพงศ์ กันหสุวรรณ ประธานกรรมการ บริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด กล่าวว่า เวียดนามเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงอย่างต่อเนื่อง และวงการสตาร์ทอัพในประเทศนี้ก็มีการตื่นตัวสูงมากที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียน มียูนิคอนและฟินเทคจำนวนมาก มีการร่วมลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพในปี 2561 มีมูลค่ามากถึง 889 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโตถึง 3 เท่าจากปี 2560
ซึ่งถือเป็นโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจของสตาร์ทอัพหน้าใหม่ ซึ่งกสิกรวิชั่นจะส่งเสริมสตาร์ทอัพไทยที่เข้าไปลงทุนในเวียดนาม ในขณะที่ BSSC จะสนับสนุนให้สตาร์ทอัพของเวียดนามมาลงทุนในไทย
“ความร่วมมือครั้งนี้นอกเหนือไปจากการส่งเสริมสตาร์ทอัพไทย ซึ่งปัจจุบันมีคุณภาพเป็นจำนวนมาก และหลายรายมีศักยภาพที่จะขยายและเติบโตในตลาดต่างประเทศแล้ว ธนาคารกสิกรไทยจำเป็นต้องมีพาร์ทเนอร์ในการเข้าไปบุกตลาดดังกล่าวด้วย โดยเควิชั่นมีภารกิจในการเชื่อมโยงตลาดภูมิภาคเป็นหลัก
มุ่งเน้นในการหา Tech Startups และบุคคลากรที่มีศักยภาพด้านเทคโนโลยีในกลุ่มประเทศทีมีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยี 4 ประเทศ ได้แก่อิสราเอล อินโดนีเซีย เวียดนาม และสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามกลยุทธ์การเป็นรีจินอลแบงค์ ซึ่งต้องใช้พาร์ทเนอร์ที่เป็นโลคอล จากนั้นจึงใช้จุดแข็งของเราที่มีอยู่เข้าไป และเชื่อมโยงกลับมา โดยในครั้งนี้กสิกรไทยพร้อมเตรียมแผนเงินร่วมทุนในสตาร์ทอัพไทยและเทศกว่า 245 ล้านดอลลาร์”
ความร่วมมือครั้งนี้ BSSC จะร่วมเป็นที่ปรึกษา เพราะมีความเข้าใจตลาดเวียดนามอย่างลึกซึ้งจะช่วยให้สตาร์ทอัพไทยเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในเวียดนามมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเวียดนามเป็นเหมือน Greenfield หรือหญ้าพื้นใหม่ ซึ่งสตาร์ทอัพหน้าใหม่มีโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ
เนื่องจากเวียดนามมีความพร้อมในด้านการตลาด มีอัตราเติบโตในด้านการนำเทคโนโลยีมาใช้ในชีวิตประจำวันสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังยอมเปิดรับสิ่งใหม่ๆที่จะเข้ามาปรับใช้ และความพร้อมด้านทรัพยากรมนุษย์ที่มีบุคคลากรด้านวิศวกรรมและ IT ค่อนข้างมาก อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนด้านการพัฒนาสตาร์ทอัพจากรัฐบาลอย่างมากมายและต่อเนื่อง
BSSC เป็นองค์กรของรัฐบาลองค์กรแรกที่สนับสนุนการเติบโตของสตาร์ทอัพในเวียดนาม ที่ช่วยสนับสนุนทั้งด้านความรู้ ให้คำปรึกษา และช่วยเหลือเงินทุนในการขยายธุรกิจของบริษัทให้เติบโต และมีศักยภาพในการแข่งขันทั้งในเวียดนามและในภูมิภาคอาเซียน โดยมีเครือข่ายกับหน่วยงานรัฐบาล 63 แห่ง มหาวิทยาลัยมากกว่า 100 แห่ง หน่วยงานลงทุนมากกว่า 1,000 แห่ง
ในปี 2561 ที่ผ่านมา BSSC ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก People Committee จำนวน 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีสตาร์ทอัพที่สนใจเข้ามาอยู่ในโครงการจำนวน 1,482 แห่ง และมีผู้เข้าร่วมงานรวมทั้งสิ้น 28,000 คน
นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ BSSC ร่วมกับเควิชั่นจัดสัมมนาในหัวข้อเรื่อง VIETNAM: A NEW GREENFIELD MARKET WITH EXPONENTIAL GROWTH เพื่อให้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับสตาร์ทอัพไทย ที่ต้องการเข้าไปทำธุรกิจในเวียดนาม ผ่านวิทยากรที่มีความรู้ทั้งจากภาครัฐและเอกชนของประเทศไทยและเวียดนาม
รวมถึงสตาร์ทอัพไทยที่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจในประเทศเวียดนามโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการธุรกิจ การทำการตลาด การให้คำปรึกษาในการดำเนินงาน รวมถึงการให้การสนับสนุนด้านการเงิน เพื่อพัฒนาธุรกิจด้านสตาร์ทอัพสู่เวทีโลกในอนาคต
โดยหนึ่งในกิจกรรมที่น่าสนใจของ BSSC คือ Vietnam Startup Wheel 2019 ซึ่งจัดเป็นปีที่ 7 ในวันที่ 23-24 สิงหาคม 2562 ที่นครโฮจิมินห์ แต่ที่พิเศษในครั้งนี้คือมีการเปิดรับผู้สมัครชาวต่างชาติ โดยผู้สมัครสามารถเข้าไปดูวิธีการสมัครและคุณสมบัติผู้สมัครเพิ่มเติมได้ที่ http://startupwheel.vn/en/registration ซึ่งจะเปิดรับสมัครถึง 31 พฤษภาคม 2562 นี้
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ติดตามข่าวเทคโนโลยีผ่านเฟซบุ๊ก TheReporter.Asia โดยการกด Like ได้ที่ลิงค์ด้านล่างค่ะ