CAT เผยผลประกอบการครึ่งปีอยู่ที่ 29,139 ล้านบาท กำไร 8,600 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้รวมภายในสิ้นปี 2562 จะมีรายได้ราว 51,000 ล้านบาท ส่วนกำไรไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ย้ำบทบาทเดินหน้าโครงการภาครัฐหนุนขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 เล็งพัฒนา Cloud และ Big Data ต่อเนื่องรองรับบูรณาการข้อมูลภาครัฐและยุทธศาสตร์ชาติด้านสมาร์ตซิตี้ โครงข่ายอัจฉริยะ LoRaWAN สิ้นปีครอบคลุมทั่วประเทศตามแผน พร้อมปรับภาพลักษณ์แบรนด์ดีเอ็นเอใหม่คอนเซ็ปต์ CATALYST ในวันครบรอบสถาปนา 16 ปี ดีเดย์
พันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT กล่าวว่า ผลประกอบการบริษัท 6 เดือนแรก กสท มีรายได้รวมแล้วกว่า 29,139 ล้านบาท แยกเป็นรายได้จากการดำเนินงานของ 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากบริการขายส่ง HSPA จำนวน 10,622 ล้านบาท รายได้จากบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบรนด์ my จำนวน 969 ล้านบาท บริการดาต้าคอม จำนวน 1,751 ล้านบาท บริการอินเทอร์เน็ต จำนวน 1,200 ล้านบาท และบริการอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ (ไอดีดี) จำนวน 684 ล้านบาท และบริการไอที 383 ล้านบาท และบริการอื่นๆ อีก 1,724 ล้านบาท
ขณะเดียวกันยังมี รายได้จากค่าเช่าเสาโทรคมนาคมและอุปกรณ์ 2,169 ล้านบาท จากกคู่สัมปทาน บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค 1,875 ล้านบาท จากบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด 294 ล้านบาท และยุติข้อพิพาท ดีแทค เมื่อเดือน เม.ย.2562 ค่าเชื่อมโยงโครงข่าย (แอ็กเซสชาร์จ : AC) และค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (Interconnection Charge: IC) ราว 9,637 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 8,600 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้รวมภายในสิ้นปี 2562 จะมีรายได้ราว 51,000 ล้านบาท และมั่นใจว่าจะมีกำไรไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท
“กสท มุ่งเน้นการบริการสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐทุกระดับเพื่อการพัฒนาองค์กรที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่มุ่งเน้นยุทธศาสตร์ดิจิทัลและ Big Data โดยโครงการภาครัฐต่าง ๆ ที่ CAT ดำเนินการต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และคาดว่าจะสร้างรายได้อนาคต ประกอบด้วยโครงการภายใต้กระทรวงดีอี
อาทิ โครงการระบบคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC (Government Data Center and Cloud service) อยู่ระหว่างกระทรวงดีอีเสนอ ครม.อนุมัติดำเนินการต่อเนื่องด้วยงบประมาณปี 2563 – 2565 โดยระยะแรกปี 2562 จะใช้งบกองทุนดีอีซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ล่าสุดมีหน่วยงานภาครัฐ 80 หน่วยงานให้ความสนใจเข้าใช้บริการระบบคลาวด์กลาง GDCC โดยหลังได้รับงบประมาณ กสท จะใช้เวลา 2 เดือนในการโอนย้ายข้อมูล 40 หน่วยงานรัฐเข้าสู่ระบบ GDCC ในเฟสแรก”
สำหรับโครงการอื่น ๆ ได้แก่ โครงขยายอินเทอร์เน็ตเกตเวย์และเคเบิลใต้น้ำเชื่อมต่อระหว่างประเทศมูลค่า 5,000 ล้านบาทรองรับยุทธศาสตร์ประเทศไทยก้าวสู่ศูนย์กลางข้อมูลดิจิทัลอาเซียน (ASEAN Digital Hub) โครงการต้นแบบสมาร์ตซิตี้ จังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่ และขอนแก่น โครงการสมาร์ตซายน์ออน บริการหน้าจอ log-in ไวไฟที่ให้ความสะดวกผู้ใช้งานในการเข้าถึงบริการไวไฟของทุกค่ายได้ทั่วประเทศ
โครงการดิจิทัลพาร์คไทยแลนด์ ซึ่งเป็นโครงการ PPP ภายใต้ EECd เพื่อการพัฒนาเขตส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลบนพื้นที่กว่า 700 ไร่ ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่อยู่ระหว่างคัดเลือกเอกชนร่วมทุน คาดว่าจะสามารถประกาศผลภายในปลายปี 2562 รวมถึง CAT ยังร่วมกับกรมศุลกากรในโครงการ National Single Window (NSW) ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำ TOR โดยโครงการนี้จะยกระดับประสิทธิภาพกระบวนการนำเข้า-ส่งออกทุกขั้นตอนด้วยระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในอนาคตสามารถจะพัฒนาสู่ NSW ที่เป็นภาพรวมของทั้งประเทศ
ด้านธุรกิจของ กสท ได้เดินหน้าขยายบทบาททางธุรกิจ มุ่งยกระดับจากผู้ให้บริการเชื่อมโยงโครงข่ายพื้นฐานเป็นหลักมาสู่การเป็นผู้ให้บริการดิจิทัลบนโครงข่ายอัจฉริยะซึ่งมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงข่าย LoRaWAN จะติดตั้งครอบคลุมครบทุกจังหวัดภายในสิ้นปีนี้ตามเป้าหมาย เป็นโครงข่ายเพื่อรองรับการเชื่อมต่อ IoT และการพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ของเมืองอัจฉริยะ (Smart City)
โดยเชื่อมโยงกับทุกโครงข่ายที่มีอยู่ทั้งไฟเบอร์ออปติก ไวไฟและ 3G ทั่วประเทศ โครงข่ายอัจฉริยะนี้เป็นช่องทางสร้างรายได้ใหม่ซึ่งบริษัทฯ ได้ต่อยอดพัฒนาธุรกิจดิจิทัลกลุ่มสมาร์ตโซลูชันภายใต้แบรนด์ LoRa IoT เช่น Smart tracking, Smart lighting, Smart waste, Smart energy ฯลฯ เปิดให้บริการแก่ลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของเมือง ซึ่งขณะนี้ได้นำร่องให้บริการในจังหวัดภูเก็ตเพื่อส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว
พันเอก สรรพชัย กล่าวว่า กลุ่มบริการสมาร์ตโซลูชันดังกล่าวถือเป็นการพัฒนาธุรกิจใหม่ที่ กสท รอสร้างความพร้อมและมีความเชื่อมั่นว่าจะเติบโตในอนาคต ซึ่งนอกจากจังหวัดภูเก็ตที่เป็นต้นแบบแล้วยังมีความต้องการสูงขึ้นในหลายพื้นที่จากแนวโน้มการพัฒนาเมืองอัจฉริยะตามแนวทางไทยแลนด์ 4.0 CAT จึงได้เตรียมรองรับความต้องการดังกล่าวโดยส่งเสริมกลุ่มสตาร์ตอัป สถาบันศึกษา เครือข่ายนักวิจัยพัฒนาด้านไอโอที ตลอดจนหน่วยงานพันธมิตร NIA, TESA คิดค้นนวัตกรรมโซลูชันใหม่ ๆ บนโครงข่าย LoRaWAN อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน CAT ได้ร่วมกับภาคส่วนต่างๆ พัฒนาอุปกรณ์เซ็นเซอร์และโซลูชัน ไอโอทีเพื่อใช้งานจริงในหลายพื้นที่ เช่น โครงการ Sensor for All ตรวจวัดอนุภาคฝุ่น PM2.5 โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ โครงการเพาะเห็ดสมาร์ตฟาร์มโดย ม.ศรีปทุม โครงการระบบรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตผ่านอุปกรณ์ริสต์แบนด์ SOS และเสื้อชูชีพ Smart Life Jacket ฯลฯ ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมดจากโซลูชันต่าง ๆ ขึ้นบนระบบคลาวด์เพื่อจัดเก็บ บูรณาการ และต่อยอดการประมวลผลวิเคราะห์ Big Data โดยในอนาคตจะเพิ่มเทคโนโลยี Big Data Analytic วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาได้หลากหลายมิติยิ่งขึ้น
CAT จึงมีโอกาสที่ดีในการพัฒนาธุรกิจด้าน Big Data โดยสามารถอาศัยประสบการณ์บริการโครงข่าย ดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์ที่ CAT มีความเชี่ยวชาญอย่างยาวนาน บวกกับจุดแข็งในการเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของ กสท เพื่อทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักที่ให้บริการด้าน Big Data แก่ภาครัฐ โดยเฉพาะการสนับสนุนกระทรวงดีอีในการนำข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐมาเชื่อมโยงบูรณาการเพื่อวิเคราะห์ต่อยอดให้เกิดการใช้ประโยชน์สูงสุดเพื่อการบริหารจัดการประเทศในทุกด้าน
“ในโอกาสสถาปนาองค์กรครบรอบ 16 ปี (วันที่14 สิงหาคม 2562) กสท ยังได้เริ่มใช้ชุดฟอร์มพนักงานใหม่ที่สะท้อนอัตลักษณ์ใหม่ตอกย้ำการพัฒนาองค์กรสู่ธุรกิจดิจิทัล ประกอบกับได้ดำเนินกิจกรรมปรับภาพลักษณ์ในระดับ Brand DNA ของพนักงานทั้งส่วนกลางและภูมิภาคด้วยคอนเซ็ปต์ CATALYST จัดต่อเนื่องตลอดทั้งปีเพื่อยกระดับความพร้อมให้บริการลูกค้าในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการทำความเข้าใจลูกค้าเชิงลึกเพื่อสร้างสรรค์บริการเทคโนโลยีที่สามารถแก้ปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง”
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง