กสิกรไทย ผุดออฟฟิศหรูกลางกรุง รับอนาคตเศรษฐีเพิ่ม

กสิกรไทย ผุดออฟฟิศหรูกลางกรุง รับอนาคตเศรษฐีเพิ่ม

กสิกรไทย ชี้อีก 5 ปีจะมีผู้มั่งคั่งเพิ่มขึ้นกว่า 26% ผุดออฟฟิศสำนักงานหรูตั้งรับลูกค้าเศรษฐี ด้วยนิยาม Perfect Wealth จับมือพาร์ทเนอร์ Lombard Odier ช่วยจัดการความกังวลลูกค้าแบบครบวงจรในสินทรัพย์​ทั่วโลก พร้อมอัพเกรดความสุขพนักงานเพื่อส่งต่อความสุขให้ลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ​มากที่สุด

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูรณ์  Pivate Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เราเริ่มก่อตั้ง Pivate Banking มานาน 11 ปีแล้ว จากการเชื้อเชิญผู้มั่งคั่งเข้ามาเป็นลูกค้า โดยให้ความสำคัญกับสิทธิประโยชน์กับลูกค้าพิเศษในยุคของ วิสดอม

หลังจากนั้นจึงเริ่มพัฒนาบุคลากร​ให้สามารถแนะนำการลงทุนให้กับลูกค้าได้ อีกทั้งยังริเริ่มการขายแบบโอเพ่นอคิเทคเจอร์ (โครงสร้างการขายแบบเปิด)​ และยังเป็นธนาคารที่ลุกขึ้นมาทำการบริการใหม่ที่เป็นประโยชน์กับลูกค้าใหม่ๆก่อนใคร

วันนี้เราเชื่อว่าการไม่มีพาร์ทเนอร์จะทำให้เราไปได้ไม่ไกล ความร่วมมือกับ Lombard Odier ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Private Bank ชั้นนำระดับโลก นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา ซึ่งเราเชื่อว่าบริการระดับสากลของเราจะสามารถดึงผู้มั่งคั่งต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยได้มากขึ้น

เรามีบริการ Wealth Management ที่ครบที่สุด และเราเป็นเจ้าแรกที่ลงทุนกว่า 400 ล้านในดิจิทัลแพลตฟอร์ม ที่ชื่อว่า Avaloq เพื่อช่วยให้ลูกค้ารับบริการได้อย่างสะดวกมากขึ้น

วันนี้เราจะช่วยลูกค้าทั้งในส่วนที่เป็นทรัพย์สินเงินทอง ธุรกิจครอบครัว และอสังหาริมทรัพย์​ทั้งหมดของลูกค้าให้หมดความกังวล ด้วยความร่วมมือของพาร์ทเนอร์​ เพื่อดูแลสินทรัพย์​ความมั่งคั่งของลูกค้าที่มีอยู่ทั่วโลกได้อย่างสมบูรณ์แบบ​มากที่สุด

การดูแลลูกค้าเพื่อลดความกังวลของลูกค้าที่เกิดขึ้น รวมไปถึงการดูแลและวางแผน Family Wealth Planning Services ซึ่งช่วยจัดการและวางแผนทางภาษี ด้วยโซลูชั่นแบบมืออาขีพ เพื่อช่วยให้ลูกค้าเกิดความสุขในชีวิตมากที่สุด ซึ่งเป็นการจัดการความยั่งยืนทางชื่อเสียงและความสุขให้ลูกค้าได้อย่างยั่งยืน

กสิกรไทย

เรามีทีมกฏหมายภายใน พร้อมความร่วมมือกับทีมกฏหมายระดับโลก เพื่อสร้างความมั่นคงทางกฏหมายให้กับลูกค้าในทุกรูปแบบสินทรัพย์​ที่ลูกค้าถือครองในทุกที่ทั่วโลก

ความสับสนของการลงทุน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่จะสร้างความมั่งคั่ง​ให้กับลูกค้า โดยหน้าที่ของเราทุกคน จะโฟกัสที่จุดใหญ่ซึ่งก็คือ Longterm Investment ที่จะต้องเติบโต มากกว่าอัตราเงินเฟ้อ และมากพอที่จะเลี้ยงชีวิตหลังเกษียณ​ตามรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้าที่ต้องการได้อย่างมั่นคง

อีกทั้งยังช่วยกระจายความเสี่ยง ในทุกการลงทุนของลูกค้า ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์​ทางการเงินที่ได้ผลตอบแทนดีที่สุดให้กับลูกค้า สามารถลงทุนด้วยเงินเริ่มต้นที่น้อยกว่า แต่ลงทุนด้วยระยะเวลาสั้นกว่า พร้อมการป้องกันความเสี่ยงเป็นไทยบาทแล้วเรียบร้อย

ขณะที่ความเป็นอภิสิทธิ์​ของลูกค้า จะปรับเปลี่ยนให้เข้าถึง Worldclass Knowledge ที่จะดึงองค์ความรู้ระดับโลก ผู้เชี่ยวชาญ​ระดับโลก มาบรรยายให้ความรู้เฉพาะลูกค้า Private Banking​ แบบเอ็กคลูซีฟ​เท่านั้น

ท้ายที่สุดความร่วมมือของเรากับ ลอมบาร์ด โอเดียร์ เรามีความร่วมมือและเรียนรู้การทำงานร่วมกับองค์กรเครือข่ายทั่วโลก การดึงประสบการณ์​ของเศรษฐีทั่วโลกมาปรับใช้และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเศรษฐีในประเทศไทย อีกทั้งยังมีความร่วมมือกับลอมบาร์ด โอเดียร์ ในการวางแผนกลยุทธ์​อีกด้วย

 “ธนาคารฯ เชื่อมั่นในกลยุทธ์ในการย้ายออฟฟิศใหม่ และคาดหวังความสามารถที่จะเพิ่มเปอร์เซ็นต์ในการใกล้ชิดและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้มากขึ้น นอกจากนี้ ด้วยจำนวนเศรษฐีทั่วโลก ในเอเชีย มีความเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยคาดว่าจะมีความเติบโตของเศรษฐีตั้งแต่ปี 2018 – 2023 สูงถึง 26%* สำหรับ KBank Private Banking คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 5% ต่อปี”

กสิกรไทย
วินเซนต์ แมกนีแนตท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลอมบาร์ด โอเดียร์ เอเชีย

วินเซนต์ แมกนีแนตท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลอมบาร์ด โอเดียร์ เอเชีย กล่าวว่า เราเชิ่อว่าผู้มั่งคั่งกลุ่มนี้ในประเทศไทย มีการเติบโตสูงมาก แม้ว่าจะไม่ใช่ตลาดที่ใหญ่ที่สุด แต่ก็เป็นตลาดที่สำคัญ ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้การจัดการสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ มีความต่อเนื่องมากขึ้น 

เนื่องจากเราเป็นธนาคารที่เก่าแก่ในเจนิวา กว่า 220 ปี และยังคงสภาพของบริษัทครอบครัวอยู่ ซึ่งทำให้เรามีความเข้าใจความเป็น Family Owner มากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังเป็นธนาคารที่ปลอดภัยที่สุดในโลก มีทุนกว่า 30% เมื่อเทียบกับการลงทุนในธุรกิจ และยังเป็นบริษัทที่ได้ Ranking ความมั่นคงสูงที่สุด เมื่อเทียบกับทุกธนาคารในโลก

จากประสบการณ์​กว่า​220 ปีด้วยแนวคิด “คิดใหม่ตลอดเวลา” ทำให้บริษัท ลอมบาร์ด โอเดียร์ มีอายุกิจการที่ยืนยาว และการเข้ามาขยายธุรกิจในเอเชีย ซึ่งเชื่อว่าการร่วมกับพาร์ทเนอร์จะมีความมั่นคงมากกว่ามาตั้งสาขาเอง โดยกสิกรไทยเป็นพาร์ทเนอร์​แรกในเอเชีย และยังเป็นกลยุทธ์​ที่แตกต่างที่จะสร้างความมั่นคงให้กับกิจการได้ในอนาคต

ขณะที่การเป็นธนาคารที่ไม่ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์​ทำให้ลอมบาร์ด โอเดียร์ สามารถวางแผนระยะยาวให้กับลูกค้าได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผู้ถือหุ้นจากนักลงทุนในตลาดให้มากดดัน อีกทั้งประสบการณ์​กว่า 220 ปี ผ่านวิกฤติ​ทางการเงินมามากมาย การเรียนรู้ที่จะผ่านวิกฤติ​ครั้งนี้ไปได้จึงไม่ใช่เรื่องยาก ที่กสิกรไทยจะได้เรียนรู้และก้าวผ่านวิกฤติการณ์​นี้ไปได้

ทั้งนี้สำนักงาน KBank Private Banking ตั้งอยู่บนชั้น 42 ของอาคารภิรัช ทาวเวอร์ แอท เอ็มควอเทียร์ ขนาดพื้นที่ 1,783 ตารางเมตร แบ่งพื้นที่ใช้งานเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนรับรองลูกค้า และส่วนสำนักงาน

พื้นที่ใช้งาน

  1. ส่วนรับรองลูกค้า เป็นส่วนที่ประกอบไปด้วย โถงรับรอง สำหรับรับรองลูกค้า และ ห้องประชุมขนาดต่างๆ จำนวน 5 ห้อง โดยแต่ละห้องเป็นชื่อสาขาสำนักงานใหญ่ของธนาคารกสิกรไทย มีรายละเอียด ดังนี้

 

  • โถงรับรอง ( WEALTH OF NATIONAL TREASURE)

 

ประดับตกแต่งโดยสื่อถึงความเป็น “สมบัติของชาติ” ความมั่งคั่งทางวัฒนธรรม ประเพณี และประวัติศาสตร์ แสดงถึงอารายธรรมที่รุ่งเรืองของชาติไทย ความเป็นอัตลักษณ์ และความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินสยาม ผ่านหนังสือที่จัดแสดงไว้ รวมถึงรูปภาพที่จัดแสดงจึงเป็นรูปของสาขาแรกของธนาคารกสิกรไทยในหัวเมืองต่าง ๆ ของประเทศ เช่น หาดใหญ่ อุดรธานี แพร่ นครราชสีมา และตลาดพลู

จุดเด่นในโถงรับรอง คือ โลโก้คู่แสดงถึงความเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งระหว่าง KBank Private Banking และ Lombard Odier โดยถือเป็น Private Banking แห่งแรก ที่มีโลโก้คู่กัน

  • ห้องพหลโยธิน (WEALTH OF JOURNEY)

 

ห้องที่สื่อถึง “ความมั่งคั่งแห่งการเดินทาง” มนุษย์เริ่มเดินทางเพื่อแสวงหาสิ่งใหม่ๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณ การเดินทางทำให้ได้รู้จักสถานที่ใหม่ ได้รับประสบการณ์ที่ไม่เคยได้สัมผัส ได้รู้จักผู้คน ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและเรียนรู้ความแตกต่างของกันและกัน โดยห้องนี้เป็นห้องประชุมที่ใหญ่ที่สุด 

ของประดับตกแต่งชิ้นสำคัญ คือ เครื่องพิมพ์ดีดรุ่นต่างๆ และเครื่องปรุเช็คที่เคยถูกใช้งานจริงสมัยที่ธนาคารเปิดทำการในช่วงแรก พ.ศ. 2488 – 2509 

1.3 ห้องเสือป่า (WEALTH OF WEALTH)

ห้องที่ให้ความรู้สึกถึงความเข้มแข็ง เด็ดขาด และมีวิสัยทัศน์ เป็นนักธุรกิจที่เฉียบขาด การตกแต่งได้รับจึงได้รับแรงบันดาลใจจาก “Polo Bar, New York City” ให้อารมณ์ของห้องที่มีสไตล์ที่เคร่งครึม โดยเลือกใช้สี  Aegean Blue

ของตกแต่งไฮไลท์ สำหรับห้องนี้ คือ ภาพชุด ‘ตลาดนัดสวนจตุจัตร’ เป็นภาพที่นำมาจากคลังสะสมภาพของธนาคารกสิกรไทย เล่าถึงอาชีพต่างๆของคนไทย วาดโดย อ.มนพัทธ์ พวงขุนเทียน โดยใช้เทคนิคภาพพิมพ์โลหะ ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดศิลปกรรมร่วมสมัย ธนาคารกสิกรไทย ปี 2542 

1.4 ห้องแจ้งวัฒนะ (WEALTH OF THE RIVER)

ห้องที่สื่อถึง “ความมั่งคั่งจากสายนํ้า” สายนํ้าคือผู้กำเนิดชีวิต ไม่ว่าสายนํ้าจะไหลคดเคี้ยวไปที่ใด จะก่อเกิดเมล็ดพันธุ์ของความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์และความร่มเย็นเป็นสุข ของประดับตกแต่งจึงเป็นของที่สื่อถึงความพริ้วไหวของสายนํ้า อาทิ ภาพ ‘พลังแห่งศรัทธา’ สร้างสรรค์จากเทคนิค Mixed Media  โดย อ.สราวุท ตันณีกุล ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดศิลปกรรมร่วมสมัย ธนาคารกสิกรไทย ปี 2533 

1.5 ห้องเจนีวา (WEALTH OF PARTNERSHIP)

ห้องนี้แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพและความร่วมมือกันของ 2 พันธมิตร ตกแต่งโดยใช้สไตล์โมเดิร์นคลาสสิค ซึ่งเป็นแบบเดียวกับอาคาร 11 Rue de la Corraterie” ของ Lombard Odier ที่เจนีวา กำแพงของห้องนี้ได้รับการออกแบบจาก Lombard Odier  เป็นชุดภาพที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของ Lombard Odier กว่า 222 ปี โดยทาง Lombard Odier ได้จัดส่งชุดภาพเหล่านี้มาเพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสเปิดสำนักงานแห่งใหม่ แสดงถึงมิตรภาพอันแน่นแฟ้นกับ KBank Private Banking

1.6 ห้องราษฎร์บูรณะ (WEALTH OF THE ORIENT)

ห้องแฟล็กชิปที่ใหญ่และมีวิวสวยที่สุด ตกแต่งโดยสื่อถึง “ความมั่งคั่งแห่งโลกตะวันออก” ดินแดนแห่งความมั่งคั่งทาง  อารายธรรมที่ความแตกต่างสามารถผสมผสานกันได้อย่างกลมกลืน สื่อให้เห็นจากการตกแต่งห้องที่ผสานทุกความงามของโลกตะวันออกไว้ในที่เดียวกันได้ ของที่ใช้ในการตกแต่งจึงเน้นเครื่องลายครามที่บันทึกว่ามีการใช้ครั้งแรกในศตวรรษที่ 14 และวัตถุมงคลที่สื่อถึงความเชื่อและศิลปะแห่งโลกตะวันออก ห้องนี้ยังเป็นห้องรับรองลูกค้าที่เชิญมาร่วมรับประทานอาหารแบบเอ็กซ์คลูซีฟอีกด้วย

 

 

  • ส่วนสำนักงาน

 

2.1 พื้นที่สังสรรค์ส่วนกลาง (THE COMMON PANTRY)

ออกแบบโดยคำนึงถึงความต้องการและประโยชน์ใช้งานของพนักงานเป็นหลัก เริ่มจากตั้งอยู่ในมุมที่สามารถมองเห็นวิวสวยที่สุดในสำนักงาน พื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางเพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้งานให้ไม่แออัด เฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้เลือกมาเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย โต๊ะสูงยาวสำหรับนั่งทำงาน ทานข้าวร่วมกัน มุมสงบส่วนตัวสำหรับชมวิว พักผ่อนสายตาจากการจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือโต๊ะที่สามารถเปลี่ยนเป็นโต๊ะปิงปองได้ เพื่อสร้างพื้นที่ผ่อนคลายสำหรับทุกคน และรู้สึกถึงประโยคที่ว่า ‘Home is where the heart is.’ การตกแต่งเป็นสไตล์อินดัสเทรียล  ให้ความรู้สึกแตกต่างจากพื้นที่ทำงานอย่างสิ้นเชิง ทำให้บรรยากาศดูเรียบ และโปร่งสบาย ทันสมัย

2.2 ส่วนสำนักงาน (Office Area) 

ประกอบด้วย ส่วนที่เป็นที่นั่งทำงานประจำ และ ส่วนที่เป็น Hot Desk และ Collaboration Area ซึ่งเป็นพื้นใช้สอยที่เป็นจุดไฮไลท์สำคัญ ออกแบบเพื่อให้พนักงานได้ใช้ทั้งพื้นที่ส่วนตัว และโต๊ะประชุมร่วมกัน ด้วยบรรยากาศผ่อนคลายและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน  

โดยเลือกใช้วัสดุในออฟฟิศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Recyclable and Environmental Friendly Office Materials) 

  • หน้าต่าง – กระจกที่ใช้เป็นชนิดกันความร้อน เพื่อป้องกันความร้อนจากแสงแดดด้านนอกได้เป็นอย่างดี ความสูงของกระจกที่เป็นแบบ Floor to Ceiling ทำให้แสงธรรมชาติสามารถส่องเข้ามาได้อย่างเต็มที่ และลดการใช้แสงจากหลอดไฟ
  • หลอดไฟ –  ใช้หลอดไฟ LED ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานมากกว่าหลอดไฟแบบปกติ และให้แสงที่เพียงพอต่อการทำงานและการใช้งานในเวลากลางคืน
  • ผนังห้อง – วัสดุที่ใช้บุผนังห้องถูกผลิตมาจากขวดนํ้าพลาสติดที่ใช้แล้ว ทั้งยังช่วยเก็บเสียงด้วย
  • เก้าอี้ทำงาน – ออกแบบโดยคำนึงถึงสรีระของผู้นั่ง ช่วยให้ร่างกายอยู่ในท่าที่เหมาะสม ผลิตจากวัสดุที่แข็งแรงและรับนํ้าหนักได้มาก ได้รับการรับรองจากสถาบันทั่วโลกด้านการออกแบบที่คำนึงถึงสุขภาพของผู้นั่งเป็นหลัก รวมทั้งกรรมวิธีการผลิตที่ลดการปล่อยสารพิษสู่ธรรมชาติ
  • โต๊ะทำงาน – ผ่านวิธีการผลิตที่ลดการปล่อยสารพิษสู่ธรรมชาติ และได้รับการรับรองจากสถาบันชั้นนำต่างๆ ทั่วโลก พาร์ทิชั่นโต๊ะทำงานที่ผลิตมาจากใยไฟเบอร์ สามารถดึงออกเพื่อเปลี่ยนโต๊ะส่วนตัวเป็นโต๊ะประชุมได้
  • พรม – พรมที่ใช้เป็นชนิดเก็บเสียงและผลิตจากวัสดุรีไซเคิลที่มีคุณภาพ โดยทุกผืนได้รับ Green Mark Certificate

 

Related Posts