เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าชิปเซ็ต A13 Bionic ตัวล่าสุดของแอปเปิล ที่บรรจุลงใน iphone 11 ยังไม่รองรับการใช้งานเครือข่าย 5G แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีความพยายามอย่างหนักหน่วงในการพัฒนาโมเด็ม 5G มาอย่างต่อเนื่อง แต่ท้ายที่สุดแล้ว นิยามของ ‘Hello Future’ ในปีที่ผ่านมา อาจจะขัดแย้งกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของแอปเปิลอยู่กลายๆ ทำให้วันนี้ไม่เห็นการพูดถึงอนาคตเทคโนโลยีบนเวที สตีฟ จอบส์ เธียร์เตอร์อย่างที่เราเคยได้ยินเมื่อครั้งเปิดตัว iphone X ช่วงปลายปีที่ผ่านมา
บนเวทีแห่งนี้มีการเปรียบเทียบประสิทธิภาพชิปเซ็ต A13 Bionic กับของคู่แข่งอย่าง Snapdragon 855 และ Kirin 980 ทั้งในส่วนของซีพียูที่ชูความประหยัดพลังงาน ด้วยความสามารถของการปิดพลังงานส่วนที่ไม่ได้ใช้งานจากท่อส่งเข้าระบบที่มีอยู่หลายพันส่วนทำให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งส่วนนี้แอปเปิลเคลมว่าประหยัดพลังงานเพิ่มจาก iphone XR ได้ราว 1 ชั่วโมงขึ้นไป ขณะที่ความเร็วของการชาร์จพลังงานจะรองรับไฟฟ้าขนาด 18W แม้ว่าเครื่องชาร์จที่แถมมาให้ในกล่องจะปล่อยกระแสได้เพียง 5W ก็ตาม
ในส่วนของความเร็วของการประมวลผลนั้น A13 Bionic ก็สามารถทำความเร็วทิ้งคู่แข่งอย่าง Galaxy S10+ ที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 855 หรือ Huawei P30 Pro ที่ใช้ชิปเซ็ต Kirin 980 รวมไปถึง Google Pixel3 ที่เลือกใช้ Snapdragon 845 ในการเป็นสมองหลักของการประมวล และไม่เว้นแม้กระทั่ง iphone XR ของค่ายแอปเปิลเองที่ใช้งานชิปเซ็ตรุ่นเดิม A12 Bionic ที่ชิปเซ็ตรุ่นใหม่อย่าง A13 Bionic ทิ้งห่างคู่แข่งแบบน้ำตาไหล
นอกจากนั้นในส่วนของ GPU เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายเดิมแล้ว ชัดเจนว่ามีระยะการทิ้งห่างมากกว่าครึ่งจากการทดสอบของแอปเปิลเอง จนกล้าเคลมบนเวทีว่าเป็นชิปเซ็ตที่เร็วที่สุดเท่าที่สมาร์ทโฟนเคยมีมา แน่นอนว่าเรื่องนี้ยืนยันได้จากการประมวลผลวิดีโอแบบ 4K ความเร็ว 60 fps พร้อมความสามารถของ HDR และรวมทั้งการประมวลผลภาพจากกล้อง 3 ตัว 3 ระยะออกมาเป็นภาพเดียวที่มีคุณภาพที่สุดจากที่แดสให้เห็นบนเวทีครั้งนี้
แต่ชิปเซ็ตนี้ไม่มีการรองรับ 5G
แต่สิ่งสำคัญของอนาคตการสื่อสารที่ไม่ได้เอ่ยบนเวที คือการที่ชิปเซ็ต A13 Bionic ไม่รองรับการใช้งาน 5G อย่างที่คู่แข่งทำได้ อาทิ Snapdragon 855 และ Kirin 980 รวมไปถึงชิปเซ็ตที่เพิ่งมีการเปิดตัวใหม่ของหัวเว่ยอย่าง Kirin 990 ที่ฝังโมเด็มเข้าไปในเซ็ตของชิป เพื่อลดเวลาของ lead Time ให้น้อยลงกว่าเดิม แน่นอนว่าเรื่องนี้มีความพยายามมาอย่างต่อเนื่องของแอปเปิลที่จะพัฒนาชิปเซ็ตให้รองรับ 5G ได้อย่างที่หลายแบรนด์ทำสำเร็จ ทั้งร่วมกับ Qualcomm ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ และล่าสุดถึงกับซื้อกิจการโมเด็มสมาร์ทโฟนของอินเทล เพื่อเร่งพัฒนาให้สามารถรองรับ 5G แต่ก็ยังไม่สำเร็จทันเวลา
หากย้อนถามว่า 5G มีความสำคัญมากน้อยแค่ไหนในการที่จะนำมาไว้ในเครื่องมือสื่อสารอย่างสมาร์ทโฟน ซึ่งหากเทียบแล้วความเร็วของเทคโนโลยีที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเราก็ยังไม่สามารถใช้ได้เต็มประสิทธิภาพทั้งในส่วนของ 4G และ 4G+ หรือแม้กระทั่งการผสานกันระหว่างเครือข่ายไวไฟและมือถือที่ผู้ให้บริการหลายรายเริ่มพัฒนาโครงข่ายขึ้นมา แต่ท้ายที่สุดแล้วความเร็วของ 5G ก็ยังมีความจำเป็นอยู่สำหรับการทำให้เครื่องสมาร์ทโฟนกลายเป็นอุปกรณ์ที่สั่งการได้ทุกสิ่งในโลกยุคอนาคตต่อจากนี้ไป
ถามว่าทำไมต้องเป็นเช่นนั้น นั่นเพราะว่า 5G มีความสามารถของการสื่่อสารที่ตอบสนองได้รวดเร็วที่สุดในบรรดาระบบการสื่อสารทั้งหมด TheReporterAsia ของยกตัวอย่างการสื่อสารที่ว่าให้เข้าใจมากขึ้น โดยการสื่อสารดังกล่าวไม่ใช่เพียงแค่ความเร็วของดาวน์โหลดและอัปโหลดเท่านั้น แต่เป็นการหน่วงของคำสั่งในการส่งออกเป็นมีจะมีการตอบสนองได้ในทันที ซึ่ง 5G สามารถทำงานได้รวดเร็วที่สุด ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเราเล่นเกมแบบออนไลน์ การเห็นและการยิงคู่ต่อสู่เพื่อชนะด่านนั้นๆ ต้องทำได้ทันทีนั่นคือความสามารถของ 5G ที่มี Latency ต่ำ จนสามารถกดสั่งการจากมือแล้วไปตอบสนองอีกซีกโลกได้แบบทันทีทันใด (กดปุ๊บได้ปั๊บ)
ความสามารถเช่นนี้ทำให้โลกแห่งอนาคตที่เรากำลังจะใช้ความสามารถของสมาร์ทโฟนควบคุมทุกสิ่งเกิดขึ้นได้จริง แต่แน่นอนว่าวันนี้มันจะไม่เกิดขึ้นกับ iphone 11 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อคืนที่ผ่านมา หรือบางคนอาจจะกล่าวว่าเรื่องของอนาคตไม่น่าจะเกิดได้ในเร็ววัน ปีหน้าไอโฟนก็จะออกเครื่องสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่รองรับ 5G ซึ่งเป็นการพัฒนาชิปเซ็ตที่เพิ่งซื้อกิจการมากว่า 1000 ล้านเหรียญเมื่อกรกฏาคมที่ผ่านมา อย่างแน่นอน นั่นเท่ากับว่าปีนี้ซื้อมาเพื่อรอซื้อปีหน้าอีกเช่นนั้นหรือ?
ความท้าทายของการชูประเด็นเทคโนโลยีของแอปเปิลในวันนี้ กลายเป็นข้อกังขาว่าท้ายที่สุดแล้ว เทคโนโลยีที่เปิดตัวเป็นเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ที่คนสายเทคเคยว้าวและได้รับกลิ่นไอของความไฮเทคในโลกของสมาร์ทโฟนอยู่หรือไม่ การมีการกล้อง 3 ตัวจับ 3 ระยะ แล้วประมวลผลได้ภาพที่สวยงาม หรือการซูมได้ระยะทางที่ไกลขึ้นด้วยความละเอียดของภาพที่ไม่ลดทอน ตลอดจนการประหยัดพลังงานพร้อมความสามารถในการชาร์จที่รวดเร็วขึ้น เป็นเทคโนโลยีที่เรายังมีความว้าวเกิดขึ้นสำหรับคนสายเทคตัวจริงอยู่หรือ?
แม้ว่าวันนี้ประเทศไทยจะถูกจัดให้เป็นประเทศแรกที่จะได้ครอบครอง iphone 11 หลังจากมีการโปรโมตการสั่งซื้อล่วงหน้าในวันที่ 13 ก.ย.นี้ผ่านเว็บไซต์แอปเปิลประเทศไทยแล้วก็ตาม เราคงต้องมาดูว่าการตอบรับของผู้บริโภคชาวไทยจะตอบรับประสิทธิภาพของ ไอโฟน 11 มากน้อยแค่ไหน
