หัวเว่ยเผยยอดจัดซื้อจัดจ้างในไทยปี 61 กว่า 196 ล้านเหรียญสหรัฐ เดินหน้าครบรอบ 20 ปีของการดำเนินธุรกิจด้วยการลงทุนด้านไอซีทีอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สโลแกน “สานพลังนวัตกรรม เชื่อมไทยสู่อนาคต” เตรียมเปิดหัวเว่ย อะเคเดมี ในเมืองไทยในเดือนพฤศจิกายนนี้ พร้อมโชว์ผลิตภัณฑ์ โซลูชันและบริการที่ครบวงจรของหัวเว่ย ไม่ว่าจะเป็น 5G, 5G อีโคซิสเต็ม, Smart City, Huawei Cloud และ Huawei Mobile ในงาน Thailand Digital Big Bang 2019 บนพื้นที่มากกว่า 400 ตารางเมตร
นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า นับตั้งแต่การก่อตั้งสำนักงานในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2542 หัวเว่ยมีบทบาทสำคัญในการช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีให้แก่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผู้พัฒนาโครงข่าย 2G, 3G และ 4G ในประเทศไทยได้สำเร็จ และยังเป็นผู้นำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในด้านต่างๆ อีกด้วย โดยหัวเว่ยยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีให้แก่ประเทศไทยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยจะยังคงต่อยอดความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งตรงตามวิสัยทัศน์ของหัวเว่ย ในการส่งมอบเทคโนโลยีดิจิทัลให้แก่คนไทยทุกคน
ในปี 2561 การจัดซื้อจัดจ้างของหัวเว่ยในประเทศไทยคิดเป็นมูลค่าถึง 196 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยนอกจากการเป็นศูนย์กลางในการดำเนินธุรกิจของหัวเว่ยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หัวเว่ยยังได้เปิดศูนย์ OpenLab ในกรุงเทพมหานคร ศูนย์คลาวด์ ดาต้า รวมถึง 5G Testbed เป็นต้น ปัจจุบันหัวเว่ยได้จ้างงานบุคลากรในประเทศไทยถึง 3,200 คน ซึ่งมีถึง 75 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นคนไทย
“หัวเว่ยเตรียมที่จะเปิดตัวหัวเว่ย อะเคเดมี ในเมืองไทย เพื่อเฟ้นหาและส่งเสริมบุคลากรที่มีทักษะด้านไอซีที พร้อมส่งเสริมให้ประเทศเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 และด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยอย่างคลาวด์ เอไอ และซูเปอร์คอมพิวติ้ง หัวเว่ยจะสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลได้ทั้งในส่วนขององค์กรภาครัฐและภาคอุตสาหกรรม ช่วยส่งเสริมนวัตกรรมให้แก่บริษัทสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอี บ่มเพาะให้เกิดอีโคซิสเต็มแห่งนวัตกรรมบนรากฐาน 5G และขับเคลื่อนความสามารถด้านนวัตกรรมของไทยจากระดับรากฐาน ทั้งนี้เพื่อร่วมมือกันสร้างอีโคซิสเต็มของภาคอุตสาหกรรมเพื่อสังคมอัจฉริยะที่เชื่อมต่ออย่างไร้ที่ติในอนาคต”
เทคโนโลยี 5G จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาด้านเอไอหรือปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งจะส่งเสริมการขับเคลื่อนไปข้างหน้าของประเทศไทยให้เร็วยิ่งขึ้นกว่าประเทศอื่นได้ โดย 5G คลาวด์และเอไอจะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งเราก็เคารพในความเป็นอธิปไตยด้านดิจิทัลของประเทศไทย ในการส่งเสริมนวัตกรรมให้แก่บริษัทสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอี บ่มเพาะให้เกิดอีโคซิสเต็มแห่งนวัตกรรมผ่านแพลตฟอร์มระบบเปิดของหัวเว่ย เพื่อร่วมมือกันสร้างอีโคซิสเต็มของภาคอุตสาหกรรมเพื่อสังคมอัจฉริยะที่เชื่อมต่ออย่างไร้ที่ติในอนาคต
นายอาเบล เติ้ง กล่าวว่า หัวเว่ยยังพร้อมช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการแบ่งปันและถ่ายทอดความรู้ความเชี่ยวชาญ ผ่านการทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยและองค์กรต่างๆ ในอุตสาหกรรม เพื่อเสริมศักยภาพด้านไอซีทีให้แก่บุคลากรดิจิทัล และเร่งเครื่องนำประเทศไทยไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยและหัวเว่ย ประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ “การอบรมส่งเสริมด้านทักษะดิจิทัลเพื่อนำไปสู่สังคมแห่งนวัตกรรมที่ยั่งยืน”
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองวาระที่หัวเว่ยครบรอบ 20 ปีในประเทศไทย หัวเว่ยจึงได้จัดแสดงวิสัยทัศน์ใหม่ๆ ของประเทศไทย และความสำเร็จในการสร้างสรรค์ไอซีทีอีโคซิสเต็มอย่างครบวงจร ภายในแนวคิด “สานพลังนวัตกรรม เชื่อมไทยสู่อนาคต” ในงาน Digital Thailand Big Bang 2019 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ในระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม 2562
พาวิลเลียนของหัวเว่ย ประเทศไทย ในงาน Thailand Digital Big Bang 2019 อยู่บนพื้นที่มากกว่า 400 ตารางเมตร จัดแสดงเป็น 5 โซนครอบคลุมทุกด้านที่เกี่ยวกับสมาร์ท อีโคซิสเต็มในประเทศไทยที่เชื่อมต่อทุกอย่างเข้าด้วยกัน โดยจัดแสดงผลิตภัณฑ์ โซลูชั่น และบริการที่ครบวงจรของหัวเว่ย ไม่ว่าจะเป็น 5G, 5G อีโคซิสเต็ม, Smart City, Huawei Cloud และ Huawei Mobile
ภายในงาน Digital Thailand Big Bang ครั้งนี้ หัวเว่ยจะจัดกิจกรรมพิเศษมากมายเพื่อเปิดตัวกลยุทธ์อีโคซิสเต็มใหม่จากหัวเว่ย ประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “สานพลังนวัตกรรม เชื่อมไทยสู่อนาคต” พร้อมเผยวิสัยทัศน์และความสำเร็จในการสร้างสรรค์อีโคซิสเต็มที่สมบูรณ์ในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงนวัตกรรม 5G Smart City, Cloud+AI และ mobile developers เทคโนโลยีเหนือชั้นเหล่านี้จะช่วยนำนวัตกรรมดิจิทัลไปสู่ทุกคน ทุกครัวเรือนและทุกองค์กร
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากหัวเว่ยยังจะเข้าร่วมในการเสวนาหัวข้อต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย ครอบคลุมตั้งแต่เรื่อง 5G, Internet of Things ไปจนถึง Smart City, Cloud และ AI เรายังยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้พบปะกับผู้นำอุตสาหกรรมและพันธมิตรต่างๆ จากทั่วอาเซียน เพื่อให้เราได้สร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับการใช้ชีวิต การทำงาน และการเดินทางของทุกคน