กว่า 9 เดือนของการจัดตั้งศูนย์ Command Center เพื่อควบคุมระบบในการดูแลความปลอดภัยลูกบ้านวันนี้ แสนสิริพร้อมยกระดับบริการดังกล่าวเข้าสู่แพลตฟอร์มที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ภายใต้ชื่อ LIV-24 อันหมายถึงการดูแลความเป็นอยู่(Live)ลูกบ้านแสนสิริ ตลอด 24 ชั่วโมงทั้ง 7 วันต่อสัปดาห์
ดร.ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยี บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือกับพลัส พร็อพเพอร์ตี้ในครั้งนี้ เป็นการยกระดับจากศูนย์คอมมานด์เซ็นเตอร์ที่ควบคุมดูแลความเป็นอยู่ของลูกบ้านหลังจากจัดตั้งมานานกว่า 9 เดือนที่ผ่านมา เพื่อแยกเป็นแบรนด์บริการด้านความปลอดภัยภายใต้ชื่อ LIV-24 ด้วยบริการ 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะ
และนับเป็นรายแรกและรายเดียวของอุตสาหกรรมเรียลเอสเตรทที่มีการจัดตั้งศูนย์บริการด้านความปลอดภัยอย่างจริงจัง ด้วยเทคโนโลยีแบบครบวงจรในประเทศไทย และก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกบ้านเป็นอย่างมาก ซึ่งคาดว่าตลอดปี 2019 จะขยายการดูแลครอบคลุมกว่า 27 โครงการทั้งหมู่บ้านในแนวราบและโครงการคอนโดในแนวดิ่ง
ซึ่งเทรนด์ของการดูแลความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่กระนั้นการจัดตั้งศูนย์ในการควบคุมดูแลจากส่วนกลางก็จะยังเป็นการเรียกเก็บเพิ่มจากค่าส่วนกลางเป็นหลัก แต่ก็ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับคุณประโยชน์ที่จะได้รับ ซึ่งเราประมาณการณ์ว่าจะเพิ่มค่าใช้จ่ายราว 2-3บาทต่อตารางวาในโครงการหมู่บ้านและ 2-3บาทต่อตารางเมตรในโครงการคอนโดเท่านั้น และในอนาคตเมื่อศูนย์สามารถขยายบริการได้ครอบคุมมากขึ้น ค่าบริการส่วนนี้ก็จะถูกลงไปอีก
ขณะที่แนวโน้มของการบริการดูแลความปลอดภัยในช่วงแรก จะครอบคุมการบริการในส่วนของการตรวจจับความผิดปกติแล้วแจ้งเตือนมายังศูนย์ควบคุม เพื่อส่งเรื่องต่อไปยังส่วนงานดูแลของโครงการ ซึ่งในอนาคตจะถูกพัฒนาให้ระบบสามารถออกคำแนะนำที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการวิเคราะห์ Big Data ที่เกิดขึ้น
ภัสสรีภัคว์ ศรีกัญจนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ LIV-24 บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ในปี 2020 LIV-24 ความสามารถของศูนย์ถูกวางแผนให้เชื่อมต่อกับระบบบริหารจัดการความปลอดภัยและระบบวิศวกรรมอาคารส่วนกลางผ่านอุปกรณ์ IoT ที่มากขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มบริการแจ้งเตือนการบุกรุกและระบบสมาร์ทมิเตอร์ทั้งน้ำ-ไฟไปในการตรวจสอบความผิดปกติสู่โครงการแนวราบมากยิ่งขึ้น
และในส่วนของการจัดการนั้น ศูนย์ LIV-24 แห่งนี้จะอยู่ภายใต้การจัดการของ พลัสพร้อพเพอร์ตี้เมเนจเมนต์ โดยจะครอบคลุมการให้บริการด้านการดูแลระบบโครงสร้างวิศวกรรมภายในอาคารทั้งในรูปแบบการดูแลรักษาแบบก่อนเกิดเหตุ (Preventive Maintenance) และความสามารถในการแก้ไขปัญหาได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ (Professional Monitoring) ด้วยจุดเด่นในการช่วย ‘ลด’ 3 ด้าน สำหรับนิติบุคคลและผู้พักอาศัยของโครงการแสนสิริ ได้แก่ ลดต้นทุน-ลดค่าใช้จ่าย และค่าซ่อมแซมที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีนัยยะ
ทั้งกับตัวอะไหล่และเครื่องจักรที่มีความซับซ้อนรวมทั้งค่าใช้จ่ายเรื่องบุคลากรซ่อมบำรุง ส่งผลโดยตรงต่อการบริหารส่วนกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนช่วยลดค่าซ่อมแซมที่จะเพิ่มขึ้นจากเหตุต่าง ๆ โดยใช่เหตุ รวมทั้งช่วยให้ลูกบ้านแสนสิริสามารถใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด สร้างความประทับใจและเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ
ลุยชมศูนย์ควบคุม LIV-24
TheReporterAsia ได้มีโอกาสเข้าชมศูนย์แห่งนี้ที่อาคารสิริภิญโญย่านพญาไท ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เปิดโอกาสให้เราได้ถ่ายภาพได้เนื่องจากความปลอดภัยเป็นหลัก แต่เมื่อแรกเข้าประตูสังเกตได้ถึงการออกแบบที่เป็นระบบนับตั้งแต่ทางเข้าที่ต้องใช้การสแกนใบหน้า ( Face Recognition) เพื่อยืนยันตัวตนผู้เข้าพื้นที่ ซึ่งเมื่อเข้าไปได้แล้วก็จะต้องทำการเลี้ยวเพื่อเข้าสู่พื้นที่ห้องควบคุมอีกครั้ง
ภายในห้องควบคุมมีมอนิเตอร์ที่ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักส่วนแรกเป็นระบบ CCTV ที่จะแสดงภาพจากกล้องที่ติดตั้งอยู่ภายในโครงการที่ได้รับการดูแล และถูกครอบด้วยแพลตฟอร์ม ที่จะช่วยตรวจจับและวิเคราะห์ความผิดปกติแบบอัติโนมัติ ซึ่งจากการสังเกตระบบจะจับการเคลื่อนไหวผ่านกรอบสีเขียว และเมื่อเกิดเหตุการณ์ตามเงื่อนไข ระบบจะแจ้งเตือนเข้าสู่ห้องควบคุม และเปลี่ยนกรอบเขียวเป็นสีแดง เพื่อบอกให้ผู้ควบคุมรับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อประเมินเรื่องส่งต่อผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
จออีกส่วนเป็นภาพแผนที่ขนาดใหญ่ที่ปักหมุดโครงการที่ดูแลเอาไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่อธิบายว่า เมื่อโครงการใดเกิดเหตุการณ์ภายใต้เงื่อนไขที่เราตั้งไว้ขึ้นระบบจะแสดงตำแหน่งของที่ตั้งโครงการนั้นๆเพื่อให้เห็นมุมกว้างของสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นเอง
ขณะที่จอสุดท้าย เป็นการแสดงสถานะของระบบต่างๆที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ไอโอทีไว้ ซึ่งโครงการคอนโดจะประกอบด้วย 15 ระบบ ที่คอยดูแลทั้งระบบน้ำ-ไฟ และความปลอดภัย โดยครอบคลุมการเกิดน้ำท่วมจากการอุดตัน ความผิดปกติของการใช้ไฟฟ้าและประปาที่อาจจะส่งผลต่อความเป็นอยู่ของลูกบ้านในขณะที่ไม่อยู่บ้าน
ตลอดจนการดูแลรักษาความปลอดภัย อันรวมไปถึงระบบรั้วอัจฉริยะที่สร้างจากขดลวดเหนี่ยวนำ ในการตรวจจับแรงกดบนรั้ว ซึ่งช่วยป้องกันการบุกรุกจากบุคคลภายนอก ตลอดทั้งแนวรั้วของโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีระบบตรวจจับการทำงานของลิฟท์ ระบบตรวจจับอัคคีภัยอีกด้วย
และเท่าที่เห็นจำนวนการเข้ากะของผู้ดูแลในห้องควบคุมนี้มีเพียง 3 ท่านเท่านั้น ซึ่งก็ได้รับการยืนยันว่า ระบบส่วนใหญ่จะเป็นอัตโนมัติทั้งหมด โดยผู้ดูแลจะเป็นเพียงผู้สังเกตระบบและทำการส่งเรื่องต่อไปส่วนที่เกี่ยวข้องภายในระยะเวลาเพียง 2-3นาทีเท่านั้น ทำให้ทั้งศูนย์มีผู้ดูแลสลับหมุนเวียนกันเพียง 8 คนเท่านั้น
ทั้งนี้ดร.ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ยืนยันว่าในปีหน้าจะขยายบริการนี้ครอบคลุมกว่า 47 โครงการทั้งแนวราบและแนวดิ่ง ด้วยงบลงทุนกว่า 60 บ้านบาท โดยระบบส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาขึ้นของทีมงานเอง จะมีก็เพียงส่วนของฮาร์ดแวร์เท่านั้นที่มีการพัฒนาต่อยอดร่วมกับเวนเดอร์ที่มีการผลิดอุปกรณ์ไอโอที่มีอยู่แล้วในตลาดเท่านั้น และในอนาคตเราจะพัฒนาไปสู่การให้คำแนะนำในการแก้ไขได้อย่างถูกต้องและอัตโนมัติจากการใช้บิ๊กดาต้าที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป