The Alley น้องใหม่ชาไข่มุกครบ 1 ปีตีตลาดเดือนละ 1 แสนแก้ว

The Alley น้องใหม่ชาไข่มุกครบ 1 ปีตีตลาดเดือนละ 1 แสนแก้ว

ชานมไข่มุก

ชานมไข่มุกกลายเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้เล่นเดินหน้าเข้ามามากมายหลายแบรนด์ และหนึ่งในนั้นคือ The Alley น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลจากประเทศไต้หวันมาเปิดชานมไข่มุกพรีเมียมบนแผ่นดินไทย และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีโดยมียอดขาย 1 แสนแก้วต่อเดือนแม้จะเปิดบริการมาเพียง 1 ปี ซึ่งหากมองเพียงผิวเผินอาจจะดูไม่มากนัก แต่หากมองว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีราคาแพงเฉลี่ยแก้วละ 100 บาท จุดนี้คือความน่าสนใจ

The Alley ได้รับความนิยมในไต้หวันและทุกที่ๆ ไปเปิดสาขา เริ่มเปิดตัวสาขาแรกในประเทศไต้หวันเมื่อปี 2557 จากนั้น 1 ปี ได้ขยายสาขาในไต้หวันเพิ่มเป็น 10 สาขา ต่อมาปีในปี 2559 ขยายสาขาออกไปยังประเทศแคนนาดาและมาเก๊า ในปี 2560 ขยายสาขาใน มาเลเซีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง จีนและเวียดนาม และในปี 2561 ได้เข้าไปเปิดตลาดในประเทศฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และเกาหลี และในไทย ปัจจุบัน The Alley มีสาขาอยู่ใน 10 ประเทศทั่วโลก ทั้งหมดกว่า 315 สาขา

สำหรับตลาดในเมืองไทยไม่ว่าจะไปที่มุมไหนๆ ก็มีชาไข่มุกละลานตาไปหมด ซึ่งการเลือกบริโภคก็ตามงบประมาณและความพอใจของแต่ละคน ข้อมูลจาก Grab Food เผยตลาดเครื่องดื่มชานมไข่มุกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2561 มียอดสั่งซื้อเติบโตเพิ่มขึ้น 3,000% จากแบรนด์ชานมไข่มุกกว่า 1,500 แบรนด์ ที่มีหน้าร้านจำหน่ายรวมกว่า 4,000 สาขา โดยชาวไทยบริโภคชานมไข่มุกมากที่สุด เฉลี่ยคนละ 6 แก้วต่อเดือน ตามด้วยชาวฟิลิปปินส์บริโภคชานมไข่มุกเฉลี่ยคนละ 5 แก้วต่อเดือน ชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย บริโภคเฉลี่ยคนละ 3 แก้วต่อเดือน

สำหรับมูลค่าตลาดคาดว่าจะมีถึง 2,500-3,000 ล้านบาท โตไม่ต่ำกว่า 40% แบ่งสัดส่วนตลาดชานมไข่มุกแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ ตลาดพรีเมียม 10% ตลาดระดับกลาง 60% และตลาดทั่วไป 30% โดยมีราคาตั้งแต่ 75 บาทขึ้นไป 40-74 บาท และต่ำกว่า 40 บาท ตามลำดับ ส่วนมูลค่าตลาดรวมทั่วโลกคาดว่าจะสูงถึง 62,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 10% ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2023 มูลค่าอาจแตะ 100,000 ล้านบาท

ด้วยความเนื้อหอมของตลาดนี้ทำให้ นายอนล ธเนศวรกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มิลลาร์รี่ จำกัด มาสเตอร์แฟรนไชส์ The Alley ถึงกับวาดฝันไว้ว่าวันหนึ่งชาไข่มุกจะไม่ใช่เครื่องดื่มที่ต้องกินเฉพาะเวลาอยากชิมหรือเฉพาะเทศกาลเท่านั้น แต่จะเป็นเครื่องดื่มที่สามารถดื่มได้ทุกวันเช่นเดียวกับกาแฟ และจะไม่ใช่เครื่องดื่มที่เป็นสีสันในตลาดเครื่องดื่มเหมือนในอดีต ดังนั้นแต่ละแบรนด์จึงต้องสร้างความเป็นตัวของตัวเอง สื่อถึงแบรนด์ให้ผู้บริโภคยอมรับ เพราะอัตราการเติบโตนับจากนี้อาจจะไม่ได้สูงเหมือนช่วงปีหรือสองปีที่ผ่านมา

ปัจจุบัน The Alley มีสาขาทั้งหมด 12 สาขา ได้แก่ สยามสแควร์ เซ็นทรัลเวิลด์ สยามเซ็นเตอร์ ซีคอนสแควร์ บางจาก เซ็นทรัลบางนา เซ็นทรัลลาดพร้าว ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต สีลมคอมเพล็กซ์ Gump Ari เมกาบางนา และนิมานเหมินท์ เชียงใหม่ โดยภายในเดือนธันวาคมปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา ได้แก่ ไอคอนสยาม และเดอะมอลล์งามวงค์วาน พร้อมเตรียมขยายสาขาในเมืองไทยไม่น้อยกว่า 20 สาขาภายในปี 2563 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยมุ่งไปในจังหวัดที่มีกำลังซื้อสูง ได้แก่ อุดรธานี ชลบุรี ระยอง และภูเก็ต

จากข้อมูลของบริษัทฯ พบว่า จำนวน 80% ของยอดขายเป็นเครื่องดื่ม Milk Tea และ Brown Sugar กลุ่มลูกค้าหลัก 79% เป็นผู้หญิง และ 21% เป็นผู้ชาย โดยลูกค้าทั้งสองกลุ่มบริโภคชานมไข่มุกสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 24 – 35 ปี ถึงกว่า 50% และช่วงอายุ 35 – 44 ปี มากกว่า 25% เมนูยอดนิยมของผู้บริโภคใน 5 อันดับแรกได้แก่ 1. Brown Sugar Deerioca & Fresh Milk 2. Royal No.9 Milk Tea 3. Brown Sugor Deerioca & Puff 4. Tropical Passion Fruit Green Tea / Orange Lulu และ 5. Trio Assam Milk Tea สำหรับท็อปปิ้ง อับดับ 1 มากกว่า 79 % คือไข่มุก 10 % ว่านหางจระเข้ 6% มะพร้าว และ 4 % เจลลี่

ชานมไข่มุก

นอกจากนี้ยังพบว่าผู้บริโภคนิยมรับประทานหวานน้อยลง โดยผู้บริโภคกว่า 65% นิยมสั่งลดปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มลง 33% สั่งลดปริมาณน้ำตาลให้มีรสชาติหวานน้อย 26% สั่งหวานปลานกลาง และ 6% ไม่ใส่น้ำตาล พบเพียง 35 % เท่านั้นที่สั่งความหวานในระดับปกติ จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพของตัวเองมากขึ้นในปัจจุบัน

“ด้วยการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น The Alley จะเน้นการสร้างแบรนด์ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาร้านให้มีรูปแบบแตกต่างไปจากเดิม อย่างเช่น The Alley Express เป็นรูปแบบร้านที่เหมาะสำหรับลูกค้ามาซื้อเครื่องดื่มกลับไปทานที่บ้านหรือที่ทำงาน Delivery เน้นให้เป็นรูปแบบการบริการที่รวดเร็วขึ้น และ The Alley Café ที่มาพร้อมกับความหลากหลายของเมนู ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้มากขึ้น ตกแต่งร้านให้เป็นรูปแบบคาเฟ่ มีพื้นที่ให้ลูกค้าสามารถนั่งชิลหรือนั่งทำงานภายในร้านได้ ทั้งนี้ คาดว่าในอนาคตจะขยายร้านทั้ง 2 รูปแบบ ให้มีสาขาเพิ่มขึ้น และอาจนำไปสู่การพัฒนารูปแบบร้านอื่น ๆ เพิ่มขึ้นในอนาคต”

นายอนล กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ The Alley ตั้งใจจะทำอย่างจริงจังคือการดูแลและรักษ์โลก โดยจะแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ด้าน ได้แก่ การดำเนินการภายใน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ส่วนประกอบออแกนิค การบริหารจัดการเศษอาหารอย่างมีศักยภาพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติ เช่น แก้ว ถุง หลอดดูด เป็นต้น และการดำเนินการภายนอกด้วยการมีส่วนร่วมกับลูกค้า ได้แก่ การรณรงค์ลดขยะพลาสติก ด้วยการนำแก้วและหลอดดูดของตัวเองมาซื้อเครื่องดื่ม รณรงค์ให้ใช้ถุงกระดาษ ถุงผ้าใส่เครื่องดื่มแทนพลาสติก โดยจะจัดโปรโมชั่นส่วนลดเพื่อส่งเสริมการลดขยะจากพลาสติก ทั้งนี้ The Alley มุ่งหวังอย่างยิ่งที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และทั้งหมดจะช่วยสร้างความเป็นแบรนด์และการจดจำแก่ผู้บริโภค

ด้านนางสาวอุณาวรรณ ตั้งคารวคุณ ผู้ร่วมก่อตั้ง และกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลลาร์รี่ จำกัด กล่าวว่า สำหรับแผนการตลาดนับจากนี้ นอกจากการขยายสาขาแล้ว The Alley ยังมีแผนการเพิ่มสินค้าใหม่เพื่อเพิ่มความหลากหลายและสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่หลากหลาย อาทิ ไอศกรีม Soft Serve ที่ได้นำเมนู Royal No.9 Milk Tea ซึ่งเป็นเมนู signature มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเสิร์ฟพร้อมกับเยลลี่สูตรพิเศษ เพิ่มความอร่อยที่แปลกใหม่

เบเกอรี่ คัดสรรเมนูไม่ว่าจะเป็น Sausage Puff, Bacon & Egg Panini, ครัวซองต์และอีกมากมาย พร้อมเสิร์ฟร้อน ๆ ให้กับลูกค้าที่ The Alley Café เพิ่มเครื่องดื่มร้อน ซึ่งมีแผนเพิ่มเครื่องดื่มร้อนมากกว่า 20 เมนู มีความพิเศษที่นำ Brown Sugar มาทำเครื่องดื่มร้อน เพิ่มรสชาติหอมอร่อยกลมกล่อมยิ่งขึ้น และนอกจากนี้ ยังมีชานม และชาใส ที่ทำเป็นเครื่องดื่มร้อนอีกด้วย

เครื่องดื่มชานมไข่มุกเมนูใหม่ โดยการจับมือกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำ พัฒนาเครื่องดื่มที่เป็น Seasonal ตอบโจทย์ตลาดไลฟ์สไตล์และสุขภาพ นำเอาจุดแข็งของแบรนด์ The Alley ผสมผสานกับจุดแข็งของพาร์ทเนอร์ เช่น ไข่มุกบราวน์ชูก้าร์ สูตรพิเศษของ The Alley ผสมผสานกับนมถั่วเหลืองของดีน่า

เพิ่มการทำตลาดแบบ Catering หรือขยายธุรกิจการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ สำหรับงานสัมมนา อีเวนต์ งานแต่งงาน จับกลุ่มธุรกิจโรงแรม ออฟฟิศสำนักงาน โดยนำรูปแบบของ The Alley ไปให้บริการ พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มถึงสถานที่นั้น ๆ ทำให้รู้สึกเหมือนรับประทานอยู่ที่ร้าน

และท้ายสุดคือการใส่ส่วนผสมที่เป็นออร์แกนิค (Organic Ingredient) เพื่อสุขภาพของผู้บริโภค The Alley จึงมุ่งสรรหาวัตถุดิบและส่วนประกอบออแกนิคเข้ามาเป็นส่วนผสมในเมนูเครื่องดื่มต่าง ๆ เช่น น้ำเชื่อมที่ผลิตจากอ้อยออแกนิคไม่ผ่านการฟอกขาว ไซรัปน้ำตาลอ้อย ปลอดสารเคมี ไม่ปรุงแต่งกลิ่น และสีสังเคราะห์ใบชาออแกนิค คัดสรรใบชาที่ผ่านกระบวนการปลูกแบบออแกนิค เป็นต้น

 

Related Posts