
กสิกรไทยเดินเกมเอเชีย รุกดูแลลูกค้าในโลกไร้พรมแดน CCLMVI ด้วย Digital Technology พร้อมแสวงหาพันธมิตรเพื่อเชื่อมต่อธุรกิจและตอบโจทย์ชีวิตชนชั้นกลางยุคใหม่ในภูมิภาคเอเชีย เผยอยู่ระหว่างเตรียมการยื่นขออนุญาตเพื่อการจัดตั้งบริษัทเทคโนโลยี KAITAI TECH ที่เซินเจิ้น สร้างนวัตกรรมบริการข้ามประเทศที่แข็งแกร่ง
นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่มีปัจจัยท้าทายรอบด้าน ธนาคารเชื่อมั่นในศักยภาพของภูมิภาคเอเชียที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลกโดยเฉพาะ CCLMVI ในปี 2562 เอเชียมีจำนวนชนชั้นกลางคิดเป็น 57% ของชนชั้นกลางทั้งโลก และคาดว่าในปี 2573 จะเพิ่มเป็น 67% ทั้งนี้ชนชั้นกลางกลุ่มนี้จะเป็นคนกลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีมาตอบโจทย์การดำเนินชีวิต (New Middle Class) ประกอบกับเอเชียยังเป็นขุมกำลังสำคัญทางเทคโนโลยีของโลก พบว่า ในปี 2560 มีการยื่นขอสิทธิบัตรจากฝั่งเอเชียคิดเป็น 65% ของทั้งโลก มีสตาร์ทอัพยูนิคอร์นเกิดขึ้นในเอเชีย 33% ของทั้งโลก ทำให้เชื่อว่าเวลานี้เป็นโอกาสสำคัญที่นักธุรกิจไทยจะขยายตลาด นำสินค้าและบริการไปสู่ภูมิภาคอาเซียน +3
ธนาคารกสิกรไทยใช้กลยุทธ์ Asset-Light Regional Digital Expansion ในการขยายตลาดในภูมิภาคเพื่อสร้างช่องทางการเข้าถึงตลาดลูกค้าต่างประเทศและนำเสนอบริการรองรับการทำธุรกรรมและธุรกิจข้ามประเทศของลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านความสามารถของธนาคารโดย
1) สร้างเครือข่ายบริการผนวกกับการเสาะหาพันธมิตร (Partnering) ประกอบด้วยเครือข่ายบริการของธนาคารกสิกรไทยในรูปแบบสำนักงานผู้แทน สาขา และธนาคารท้องถิ่น รวม 14 แห่งในภูมิภาค และการสร้างพันธมิตรธนาคารในภูมิภาค 72 ธนาคาร คาดว่าในปี 2563 จะมีความคืบหน้าของการจัดตั้งสาขาหรือการหาลู่ทางการทำธุรกิจธนาคารในประเทศเมียนมา เวียดนาม และอินโดนีเซีย ส่วนประเทศจีนมีแผนขยายธุรกิจใหม่
2) การแสวงหาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Scouting and matching) ผ่านบริษัท K-Vision ที่เฟ้นหาสตาร์ทอัพทั่วโลก ด้วยการเข้าเป็นพันธมิตร การเข้าไปลงทุน และการซื้อเทคโนโลยี โดย K-Vision มีดิจิทัลแลบ 5 แห่ง ที่ กรุงเทพฯ จาการ์ต้า โฮจิมินห์ซิตี้ เซินเจิ้น และเทลอาวีฟ อยู่ในกระบวนการคัดเลือกเทคพาร์ทเนอร์อย่างเข้มข้น โดยคาดว่าบริษัทที่มีศักยภาพในการเป็นพันธมิตรจะมีจำนวนมากถึงกว่า 1,000 บริษัท เพื่อใช้ Digital Technology เข้ามาตอบโจทย์ในการธุรกรรมทางการเงินและเชื่อมโยงสู่ลูกค้าของธนาคาร
ดังตัวอย่างปีที่ผ่านมา ธนาคารร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐให้บริการรับชำระค่าธรรมเนียมจากระบบ e-VISA ด้วย E-Wallet และบัตรเครดิตกว่า 56 สกุลเงิน เริ่มใช้งานแล้วที่ประเทศจีน อังกฤษ และฝรั่งเศส และจะขยายสู่ทุกประเทศที่มีสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยในต่างประเทศทั่วโลก ซึ่งบริการนี้ธนาคารนำพันธมิตรทั้ง Global Tech Payment Partner และ Chinese Payment Partner เข้ามาตอบโจทย์ทั้งเรื่องสกุลเงิน ภาษา และช่องทางการชำระเงิน ให้แก่นักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ต้องชำระค่าวีซ่ามาไทย และพร้อมเชื่อมต่อนักท่องเที่ยวให้สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการท้องถิ่นของไทยผ่าน Platform TAGTHAI ที่ธนาคารร่วมมือกับองค์กรภาครัฐและเอกชนถึง 48 แห่งจัดทำขึ้นมา
นอกจากนี้ธนาคารยัง ช่วยธุรกิจ SME ให้สามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศผ่านช่องทาง E-Commerce เช่นอินโดนีเซียที่มีประชากรเกือบ 260 ล้านคน โดยร่วมมือกับบลีบลีดอทคอม (www.Blibli.com)ซึ่งเป็น 1 ใน 5 แพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของประเทศอินโดนีเซีย จากการเปิดตัวในช่วงเดือนธันวาคมปี 2562 ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการไทยลงทะเบียนกับบลีบลีดอทคอม แล้วกว่า 200 ราย มีสินค้าไทยที่ขายบนแพลตฟอร์มมากกว่า 1,500 รายการ พร้อมจัดโปรโมชันและกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักในประเทศอินโดนีเซียมากยิ่งขึ้น
สำหรับลูกค้าบุคคลหรือลูกค้ารายย่อย ธนาคารได้พัฒนาบริการโอนเงินไปต่างประเทศ ผ่านแอป K PLUS ไปสู่บัญชีปลายทาง โอนได้สูงสุด 50,000 ดอลลาร์ต่อครั้งต่อวัน รองรับการโอน 6 สกุลเงิน และจะเพิ่มเป็น 14 สกุลเงินในปี 2563 นี้ จุดเด่นบริการคือ ค่าธรรมเนียมต่ำ สะดวกรวดเร็ว ทำธุรกรรมได้แบบเรียลไทม์ ยอดเงินที่ถึงปลายทางครบจำนวน และตรวจสอบได้ ซึ่งนับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของการโอนเงินข้ามประเทศในปัจจุบัน มีปริมาณธุรกรรมโอนเงินรายย่อยไปต่างประเทศผ่าน K PLUS มีสัดส่วนพอ ๆ กับการทำธุรกรรมที่สาขาธนาคาร
เพื่อก้าวไปข้างหน้าสู่การเป็นธนาคารแห่งภูมิภาคที่แท้จริง (A Truly Regional Bank) นอกเหนือจากการสร้างเครือข่ายและการหาพันธมิตร รวมทั้งแสวงหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมผ่านบริษัท K-Vision แล้ว ธนาคารกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อเตรียมยื่นขออนุญาตในการจัดตั้ง บริษัท ไคไต้ เทคโนโลยี จำกัด (KAITAI Technology Company Limited) หรือไคไต้ เทค ที่เมืองเซินเจิ้น
ส่วนหนึ่งของ Greater Bay Area ที่รัฐบาลจีนวางเป้าหมายเป็น The Silicon Valley of China ที่อุดมด้วยบริษัททางเทคโนโลยี จึงเป็นแหล่งบ่มเพาะเทคโนโลยีชั้นดี และเป็นศูนย์รวมบุคลากรที่มีความสามารถทางด้านดิจิทัล ภารกิจหลักของ ไคไต้ เทค คือ การพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการให้บริการของธนาคารกสิกรไทย ประเทศจีน การให้บริการดิจิทัลในภูมิภาค และสามารถนำนวัตกรรมที่ได้กลับมาใช้ประโยชน์กับธนาคารกสิกรไทยและลูกค้าไทยด้วยเช่นกัน
นายพิพิธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารกสิกรไทยมีความพร้อมที่สร้างช่องทางและบริการดิจิทัลเพื่อพาคนไทยและธุรกิจไทยที่มีความเชื่อมั่นก้าวข้ามพรมแดนไปด้วยกันสู่โอกาสมหาศาลในยุคแห่งเอเชีย ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายภายในปีนี้สร้างช่องทางการบริการของธนาคารใน CCLMVI ให้ครบ และขยายพอร์ตลูกค้าบุคคลในประเทศจีน