เดิมการออกแบบของวอลโว่จะเป็นทรงเหลี่ยม กล่อง เป็นเอกลักษณ์ อาจจะดูเชยไปสักหน่อยในยุคก่อน แต่สำหรับยุคสมัยใหม่นี้ การออกแบบของวอลโว่เปลี่ยนไป แม้จะไม่ได้ฉีกแนวจนจำไม่ได้ แต่ก็เรียกได้ว่ามีเสน่ห์ดึงดูดสายตาเพิ่มขึ้นมาก และยังคงเอกลักษณ์ที่มองแล้วรู้ได้ทันทีว่านี่ล่ะวอลโว่ เช่นเดียวกับในเรื่องของเครื่องยนต์ที่วอลโว่ยุคใหม่ในรุ่นเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด แรงจนต้องประหลาดใจ
Thereporter.asia ได้มีโอกาสได้ทดลองขับ VOLVO XC90 T8 Twin Engine AWD Inscription กันแบบเต็มๆ ในระยะทางที่ค่อนข้างไกลพอสมควร (ก่อนที่จะประกาศเคอร์ฟิวนะ) ต้องบอกเลยว่าแวบแรกที่เห็นรถคนนี้จอดอยู่คือ ทรงเสน่ห์มาก เป็นรถคันใหญ่ที่ดีไซน์ได้เรียบหรู ดูแพง ดูดี ในเกือบจะทุกมุมของรถ โดยเฉพาะไฟหน้าที่ออกแบบคล้ายกับ “ค้อนแห่งเทพเจ้าธอร์” และกระจังหน้าที่ดูทรงพลัง ดึงดูดสายตามาก โดยเฉพาะเมื่อตัวถังรถเป็นสีเข้ม ทุกอย่างจะถูกขับออกมาให้เด่นมากๆ
ไม่ใช่เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสวยเท่านั้น แต่พละกำลังเครื่องยนต์ที่บรรจุอยู่ข้างในทำให้เราต้องใช้คำว่า “ว๊าววว” แบบดังๆ เมื่อได้ทดลองเหยียบคันเร่ง แม้ XC90 คันนี้จะมาพร้อมขุมพลังเบนซินที่มีขนาดความจุเพียง 2,000 ซี.ซี. แบบ 4 สูบ แถวเรียง แต่ด้วยความเป็น Twin Engine ซึ่งนำทั้งเทอร์โบชาร์จและซูเปอร์ชาร์จ มาทำงานร่วมกันแล้ว ยังมี Drive-E Powertrain เข้ามาเป็นองค์ประกอบอีก ทำให้เมื่อรวมกับกำลังของเครื่องทั้งหมดและมอเตอร์ไฟฟ้า จะได้เครื่องยนต์ที่มีพละกำลังแรงถึง 407 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงถึง 640 นิวตัน-เมตร
เริ่มเหยียบคันเร่งแบบเบาๆ รถก็ขยับตัวได้แบบรู้สึกได้ว่าพลังพร้อมแล้ว และเมื่อกดคันเร่งเพิ่มขึ้นเอสยูวีคันใหญ่คันนี้ก็พร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้าตามน้ำหนักเท้า กดหนักเท่าไรแรงดึงก็จะสูงขึ้นเท่านั้น ยิ่งถ้าติดไฟแดงหากต้องออกตัวพร้อมกันรับประกันได้ว่าถ้าคันข้างๆ ไม่ใช่รถซุปเปอร์คาร์ รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงหรือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเหมือนกัน หรือบิ๊กไบต์ 1,000 ซีซี จะไม่มีใครสามารถพุ่งได้เร็วเท่านี้ และเมื่อวิ่งไปข้างหน้าแล้วก็ยากที่ใครจะตามทัน แม้ความเร็ว 0-100 ไม่ได้วัด แต่ตัวเลขจากโรงงานเคลมไว้ที่ 5.6 วินาที ก็เป็นตัวเลขที่น่าจะคลาดเคลื่อนไปไม่มาก ส่วนทำความเร็วสูงสุดที่เคลมไว้ 230 กม./ชม. ก็ไม่ได้ลอง เพราะรู้ว่าไปไม่ได้อยู่แล้วบนถนนเมืองไทย
เครื่องยนต์ของ XC90 T8 คันนี้ให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกได้การขับขี่ 3 แบบ ด้วยการหมุนปุ่ม DRIVE MODE ด้านหลังคันเกียร์ โดยประกอบด้วย Pure พลังงานไฟฟ้าล้วน ผู้ใช้ก็จะได้รถยนต์พลังไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบวิ่งแบบไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลถึง 40 กิโลเมตร และสามารถทำความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ใช้เวลาชาร์จไฟเต็มในเวลาเพียง 2.5 ชั่วโมง โดยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นแบบ Li-ion ขนาด 11.6 kwh ให้กำลังสูงสุด 87 แรงม้า หรือ 65.25 กิโลวัตต์ พร้อมแรงบิด 240 นิวตัน-เมตร ส่วนอีก 2 โหมดคือ Hybrid ก็จะเป็นการใช้งานแบบผสมผสาน และ Power ก็คือใช้งานของเครื่องยนต์แบบเต็มพลัง
“การขับขี่ครั้งนี้มุ่งไปที่การใช้โหมด Hybrid เพียงอย่างเดียวเพราะแน่ใจว่าคนที่จะซื้อรถคันนี้จะต้องนิยมใช้โหมดนี้มากที่สุด ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เพราะการทำงานผสานกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ Twin Engine ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ทุกอย่างไหลลื่น เร็วและแรงได้ตั้งแต่ออกตัว แรงแบบเสมอต้นเสมอปลายไม่ต้องรอรอบให้อึดอัด แม้จะอยู่ที่ความเร็วระดับ 160 กิโลเมตรแล้วก็ตาม แต่ก็ยังแรงต่อได้อีก แต่ในการขับขี่กรุงเทพ-ชุมพรในครั้งนี้ ไม่ได้ใช้ความเร็วสูงกว่านี้ เนื่องจากมีผู้ร่วมใช้ถนนเป็นจำนวนมาก”
สำหรับโหมด Hybrid นี้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์เบนซินจะถูกใช้งานใน 2 รูปแบบ คือทั้งระบบเดียวและสองระบบพร้อมกันในลักษณะคู่ขนาน การทำงานจะได้รับการปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดทั้งด้านสมรรถนะ การใช้เชื้อเชื้อเพลิงและความสบาย โดยการทำงานของเครื่องยนต์และระบบเกียร์อัตโนมัติจะประสานกันโดยอัตโนมัติเพื่อความสบายสูงสุด และโหมดตั้งต้นทุกครั้งที่สตาร์ทรถ ส่วนถ้าจะให้รถชาร์ตไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ผู้ใช้งานต้องกดที่หน้าจอทุกครั้งเช่นกัน แต่การใช้งานในส่วนนี้จะทำให้กินพลังงานเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ดังนั้นไม่ต้องไปกดก็ได้
นอกจากโหมดที่พูดถึงแล้ววอลโว่ยังมีโหมด OFF-Road ที่จะใช้งานได้ที่ความเร็วต่ำกว่า 20 กม/ชม. เพื่อรักษาสมรรถนะของรถบนพื้นผิวทางที่ไม่ดี และเมื่อความเร็วเกิน 40 กม/ชม. โหมดนี้ก็ปิดการทำงานเองโดยอัตโนมัติและจะเปลี่ยนเป็นโหมด AWD รวมไปถึง โหมดส่วนตัว (Individual) ผู้ขับสามารถตั้งค่าโหมดเฉพาะของตนเองได้ เช่น เลือกการตอบสนองของพวงมาลัย ระบบบังคับเลี้ยว ความตื้นลึกของเบรก โดยโหมดนี้จะมีให้เลือกใช้เมื่อมีการตั้งค่าเอาไว้เท่านั้น ซึ่งในการขับขี่ครั้งนี้เราไม่ได้วัดเรื่องอัตราการประหยัดน้ำมัน เพราะคิดว่าคนที่ซื้อรถระดับนี้ไม่ได้สนใจเรื่องความประหยัดสักเท่าไรนัก แต่ถ้าต้องการคำตอบก็จะบอกให้เลยว่ามีอัตราการสิ้นเปลืองอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก แม้เราจะขับด้วยความเร็วสูงอยู่บ่อยๆ
เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Geartronic ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้การเปลี่ยนเกียร์ที่ราบเรียบ นุ่มนวล ไม่มีการกระตุกในทุกรอบความเร็ว ส่วนช่วงล่างนั้นด้วยความเป็นรถยุโรปก็จะให้ความมั่นใจได้อย่างมากอยู่แล้ว และเป็นรถระดับพรีเมียมแบบนี้ นอกจากจะหนึบแน่นและนิ่งมั่นคงอย่างมากแล้ว ยังดูดซับแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความสบายและผ่อนคลายที่สุด โดยระบบช่วงล่างที่ใช้แชสซี Four-C หรือ ระบบควบคุมปริมาณลมกึ่งไฟฟ้าที่เข้ามาแทนแผ่นปรับปริมาณลมดั้งเดิม และระบบกันสะเทือนหน้า-หลังแบบถุงลม Four-C air suspension ซึ่งจะคอยตรวจสอบสภาวะการขับขี่ในอัตรา 500 ครั้งต่อวินาที เพื่อการดูดซับแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังสามารถปรับระดับความสูงตัวรถโดยอัตโนมัติ โดยจะลดต่ำลงเมื่อรถจอดช่วยเพิ่มความสะดวกในการก้าวขึ้น-ลงรถ และจะยกสูงขึ้นเมื่อรถเริ่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว
เช่นเดียวกับเบรคที่สร้างความมั่นใจได้มากด้วย ระบบเบรกอัจฉริยะ 2 จังหวะ XC90 T8 เป็นระบบเบรกที่ผสมผสานเทคโนโลยี Brake-by-Wire นอกจากบังคับสั่งการห้ามล้อรถแล้ว ยังเป็นตัวชาร์จไฟกลับไปที่แบตเตอรี่เพื่อการใช้งานเร่งด่วน มีอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพซึ่งจะควบคุมปริมาณพลังงานให้เหมาะสมกับการใช้งานได้อย่างสม่ำเสมอ
นอกจากสมรรถนะที่แรงแล้ว VOLVO XC90 T8 Twin Engine AWD Inscription คันนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีไฮเทคและความปลอดภัยที่เกินหน้าเกินตาคู่แข่งไปมาก โดยระบบความปลอดภัยที่เด่นๆ และแตกต่างจากคู่แข่งคือ ระบบปกป้องเมื่อเกิดการวิ่งตกถนน (Run-Off Protection) เมื่อตัวรถยนต์ใกล้จุดหรือโอกาสเสี่ยงที่จะลื่นไถลหรือวิ่งตกถนน วอลโว่ XC90 ใหม่ จะประมวลสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวรถ ณ เสี้ยววินาทีนั้น หากรถวิ่งตกลงบนไหล่ทาง ระบบจะสั่งการให้เข็มขัดนิรภัยคู่หน้ากระชับรัดตรึงร่างกายผู้ขับขี่และผู้นั่งโดยสารเบาะหน้าซ้ายให้ติดกับพนักพิงโดยทันทีจากนั้น โครงสร้างของเบาะรองนั่งทั้งสองข้างจะทรุดตัวลงเพื่อรองรับและป้องกันไม่ให้กระดูกสันหลังเกิดการกระแทกเข้ากับเบาะรองนั่งอย่างรุนแรง สามารถลดแรงกระแทกในแนวตั้งได้น้อยลงถึงประมาณ 1 ใน 3 ของแรงทั้งหมด
ระบบเบรกอัตโนมัติหลีกเลี่ยงการชนบริเวณทางร่วมแยก (Auto Brake at Intersections) XC90 ใหม่เป็นรถรุ่นแรกในโลกที่ได้รับการติดตั้งระบบเบรกอัตโนมัติอัจฉริยะนี้ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุชนกับรถที่วิ่งสวนทางมา อุบัติเหตุจากกรณีชนประสานงาเกิดขึ้นบ่อยบริเวณทางร่วมแยกทั้งในเมืองและบนทางหลวงที่ผู้คนใช้ความเร็วค่อนข้างสูง ระบบจะตรวจจับข้อมูลขับขี่แล้วประมวลผลแนวโน้มที่จะเกิดการชนประสานงาและเบรกให้รถหยุดโดยอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนและบรรเทาความรุนแรงจากการชนประสานงาให้น้อยลง
ส่วนระบบความปลอดภัยขั้นสูงอื่นๆ ใน วอลโว่ XC90 ใหม่ ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันและปกป้อง ประกอบด้วย ระบบป้องกันการชนพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับรถยนต์ คนเดินถนน ผู้ขับขี่จักรยานและสัตว์ขนาดใหญ่พร้อมฟังก์ชันหยุดรถอัตโนมัติ (City Safety with Auto Braking), ระบบป้องกันจากกรณีถูกชนท้ายรถ (Collision Warning with Auto Brake at stand still and mitigation support – rear), ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจรบนหน้าปัดรถ (Road Sign Information), ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาทางด้านข้างขณะถอยหลังออกจากที่จอด (Cross Traffic Alert), ระบบแจ้งเตือนเมื่อมียานพาหนะบริเวณจุดบอดสายตา (Blind Spot Information System)
ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันเพื่อรักษาระยะห่าง พร้อมฟังก์ชันหยุด/ออกตัวรถโดยอัตโนมัติ(Adaptive Cruise Control with Queue Assist), ระบบป้องกันและปกป้องกรณีรถพลิกคว่ำ (Rollover Prevention and Protection), ระบบช่วยในการขึ้นที่ลาดชัน (Hill Start Assist), ระบบช่วยในการลงที่ลาดชัน (Hill Descent Control), ระบบช่วยในการจอดรถอัตโนมัติ แบบถอยหลังเข้าซองและขนานขอบทาง (Park Assist Pilot-Perpendicular & Parallel Parking), ระบบช่วยรักษาความเร็วและระยะห่างจากคันหน้าพร้อมรักษารถตำแหน่งให้อยู่ในช่องเดินรถ (Pilot Assist)
นอกจากนี้ในด้านความปลอดภัยนั้น วอลโว่ยังได้ปกป้องคนในรถจากการกระแทกชนรุนแรง โดย XC90 ใหม่ได้มีการนำเหล็กกล้า Boron ที่ทนต่อยืด-บิดตัวสูงมากแต่น้ำหนักเบากว่าเหล็กทั่วไปที่ทำมาผลิตตัวถังรถยนต์ บริเวณส่วนหน้าและท้ายรถซึ่งออกแบบให้ยุบตัวเมื่อเกิดการชนเพื่อซับแรงกระแทกให้น้อยลง หรือที่เรียกว่า Safety Cage นั้น เพื่อปกป้องคุ้มภัยให้คนในรถจากอุบัติเหตุชนกระแทกรุนแรงได้อย่างมั่นใจ ซึ่ง XC90 ใช้เหล็กกล้า Boron เท่ากับ 40% ของน้ำหนักตัวถังรถเลยทีเดียว
ส่วนใครที่ชื่นชอบฟังเพลงภายในรถต้องบอกว่ายินดีด้วย เพราะ T8 Twin Engine AWD Inscription คันนี้ให้ ระบบเสียง “Premium Sound by Bowers & Wilkins” พร้อมลำโพงมากถึง 19 จุด ซึ่งเป็นระบบเสียงสเตอริโอรอบทิศทาง รวมซัฟวูฟเฟอร์แบบระบายอากาศ ซึ่งจะทำงานโดยดึงอากาศภายนอกรถเข้ามาช่วยให้เสียงมีความคมชัด เหมือนจริง และยังสามารถปรับเลือกโหมดเสียงได้อีก 3 โหมด ซึ่งได้แก่ Concert, Studio และ Stage นอกจากนี้ยังมี Apple CarPlay ไว้สำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่หรืออุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS เข้ากับรถเพื่อแสดงผลและใช้แอปพลิเคชันต่างๆ สร้างความรื่นรมย์ไปอีก
ปิดท้ายกันหน่อยกับการออกแบบภายในที่ต้องบอกเลยว่า “ชอบมาก” เพราะด้วยความเป็นรถคันใหญ่ที่ไม่ได้เจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น ดังนั้นวอลโว่จึงจัดเต็มความหรูในแบบฉบับของสไตล์สแกนดิเนเวียนที่จะให้อารมณ์ต่างรถยุโรปยี่ห้ออื่นๆ เป็นความหรูแบบที่จะค่อนข้างผู้ดีไม่หวือหวา เนี๊ยบและลงตัวมากๆ ไม่ว่าจะเป็นคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยหนังสีดำตัดกับการแต่งลายไม้สีน้ำตาล ซึ่งเข้าชุดกับแผงข้างประตูและคอนโซลเกียร์ที่ตกแต่งด้วยหนังพร้อมลายไม้เช่นเดียวกัน โดยในส่วนของเบาะนั่งนั้นก็หุ้มด้วยหนังแท้สีน้ำตาล ตัวเบาะมีขนาดใหญ่พร้อมระบบไฟฟ้าปรับได้หลายระดับเพื่อให้เข้าสรีระของคนขับแต่ละคน ดังนั้นการขับยาวๆ แบบรวดเดียวจากกรุงเทพถึงชุมพร และชุมพรกลับกรุงเทพ จึงไม่มีอาการเมื่อยล้าใดๆ เช่นเดียวกับเบาะข้างคนขับที่ให้ความสะบายไม่แพ้กัน
ส่วนเบาะนั่งด้านหลังเป็นเบาะตัวใหญ่รองรับสรีระได้ดีพอสมควร แต่จะดีกว่านี้ถ้าเบาะจะเอนไปด้านหลังได้อีกสักหน่อย ความสบายจะพีคสู่ระดับสูงสุดเลยทีเดียว เพราะในแถวที่สองนี้ด้วยพื้นที่กว้างขวาง ปลอดโปร่งโล่งสบาย แถมยังมีแอร์หลังบริเวณคอนโซลกลางระหว่างเบาะคู่หน้าแยกปรับความแรงลมได้อิสระอีก ถ้าเอนได้อีกนิด นี่คือพื้นที่แสนสบายเลยทีเดียว เพราะในพื้นที่นี้เราจะได้มองฟ้าผ่านหลังคากระจกที่กว้าง มองเห็นความสวยงามของท้องฟ้าในตอนเช้าและช่วงเย็นได้แบบเต็มตา ส่วนเบาะแถวที่สามนั้นก็เข้าออกได้ไม่ยาก แต่ถ้าเบาะกลางจะพับไฟฟ้าสักหน่อยจะดีมากเลย ซึ่งในส่วนของเบาะแถวที่สามนี้ก็นั่งได้จริง แต่ถ้าเดินทางไกลอาจจะมีเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปบ้าง