แซดทีอี ร่วมกับ GSMA นำทีมผู้บริหารเทเลคอมชั้นนำ จัดงานถ่ายทอดสดออนไลน์ 5G SA Summit 2020 ภายใต้แนวคิด “เปิดยุคใหม่ของโลกธุรกิจ” บนแพลตฟอร์มออนไลน์ GSMA Thrive มั่นใจโซลูชั่นเครือข่าย 5G SA จะเป็นกลยุทธ์เด็ดในการยกระดับธุรกิจเชิงพาณิชย์ B2C และ B2B ของประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ในปี 63 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายจาง เจี้ยนเผิง รองประธานอาวุโสของแซดทีอี เปิดเผยว่า 5G SA จะเป็นการสร้างโอกาสมหาศาลให้กับผู้ให้บริการในการพัฒนาธุรกิจ B2C และ B2B แบบบูรณาการในยุคใหม่ ซึ่งมาพร้อมกับความท้าทายหลายประการ ในฐานะที่เป็นผู้สนับสนุนและส่งเสริมการใช้งาน 5G SA โดย ZTE ซึ่งเชี่ยวชาญด้านโซลูชั่น end-to-end SA ที่ครอบคลุมทุกการใช้งาน ได้ดำเนินการปรับใช้และตรวจสอบระบบดังกล่าวร่วมกับหุ้นส่วนธุรกิจหลายราย
ด้านนายฮันส์ เนฟฟ์ CTO แซดทีอี กล่าวว่า การแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับ 5G SA โดยเชื่อว่าระบบนิเวศน์ 5G SA จะได้รับส่งเสริมให้ติดตั้งและใช้งานในวงกว้าง ซึ่งเราคาดว่าจะช่วยให้ผู้บริการทั่วโลกค้นพบศักยภาพ 5G อย่างเต็มรูปแบบจากการใช้งานผลิตภัณฑ์ 5G SA ที่ทันสมัย และประสบการณ์ในการสร้างเครือข่ายที่ครอบคลุม โดยเชื่อว่าในปี 2563 5G SA จะพร้อมสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบในเชิงพาณิชย์ทั้งในแง่ของมาตรฐานที่สมบูรณ์แบบ ชิปเซ็ต เครื่องปลายทาง และเครือข่ายผู้ให้บริการรายใหญ่ทั่วโลกได้ตระหนักถึงศักยภาพและโอกาสอันสดใสของ 5G SA และเริ่มเดินหน้าส่งเสริมวิวัฒนาการการก้าวไปสู่เครือข่าย 5G SA ต่อไป
ด้านนายหลิว ฮง (Liu Hong) หัวหน้าทีมเทคโนโลยีของจีเอสเอ็มเอ เกรทเทอร์ ไชน่า กล่าวว่า จากการคาดการณ์เทรนด์ในเรื่อง 5G SA มองว่าการพัฒนา 5G จะยังดำเนินต่อไปและแข็งแกร่งมากขึ้น ขณะที่การริเริ่ม 5G SA จะเป็นเหตุการณ์สำคัญในกระบวนการพัฒนา 5G
นายเว่ย ลีปิง (Wei Leping) ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาอำนวยการด้านเทคโนโลยีของไชน่า เทเลคอม กล่าวว่า ความคืบหน้าล่าสุดของระบบนิเวศน์ 5G SA ซึ่งไชน่า เทเลคอมเป็นผู้นำในการทดสอบความสามารถในการทำงานร่วมกัน และการตรวจสอบการทำงานแบบครบวงจรของระบบ SA ด้วยการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากคลาวด์-เน็ตเวิร์ค-เอจ โดย ไชน่า เทเลคอม ได้เร่งผลักดันการใช้งานในอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการโปรโมท 5G SA เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในแนวดิ่ง ที่จะเน้นเรื่องการสื่อสารคุณภาพสูง โดยมุ่งเป้าที่อุตสาหกรรม การขนส่ง สื่อ การดูแลสุขภาพ และการศึกษา เป็นต้น
นอกจากนี้นางสาวหวง หยู่หง (Huang Yuhong ) รองประธานสถาบันวิจัยไชน่าโมบายล์ ของไชน่าโมบายล์ กล่าวเสริมว่า สถาบันวิจัยไชน่าโมบายล์ มีเป้าหมายในการพัฒนาโครงสร้างแบบ SA ในการสร้างเครือข่ายบีทูบีและบีทูซีแยกออกจากกัน เพื่อผสานการทำงานร่วมกันของโครงข่าย 4G และ 5G โดยไชน่า โมบายล์มีเป้าหมายในการพัฒนาเครือข่าย 5G SA ที่ล้ำสมัยและขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยการประสานคลื่นความถี่ 700M, 2.6G และ 4.9 GHz เพื่อเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อ และรวมทั้งการนำคลื่นความถี่ 4.9G ไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอีกด้วย