AVEVA ผู้นำด้านซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมรายใหญ่ระดับโลก พร้อมนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเปลี่ยนโฉมด้วยดิจิตอล ให้กับ เฮงเค็ล ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและเคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่มีสินค้าเป็นที่รู้จักหลากหลายแบรนด์ ด้วยโซลูชันดิจิทัลของ AVEVA จะช่วยส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนในระบบห่วงโซ่อุปทานของบริษัทตน ผสานรวมกับระบบ AVEVATM System Platform และระบบ AVEVATM Historian รวมไปถึงระบบ AVEVA TM Manufacturing Execution System เข้าด้วยกันนี้ เพื่อให้ เฮงเค็ล สามารถติดตามตรวจสอบและลดการใช้พลังงาน รวมถึงช่วยประหยัดเงินได้ถึง 8 ล้านยูโร ในปี 2563 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และยังได้ตั้งเป้าหมายไปสู่การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพให้มากขึ้นเป็นสามเท่าของปัจจุบันภายในปี 2573 ด้วย
ความยั่งยืนถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนของ เฮงเค็ล ที่ต้องการลดการใช้พลังงานและปรับการปฏิบัติงานให้ตรงตามมาตรฐาน ISO 50001 ในฐานการผลิตของบริษัททุกแห่ง ซึ่งการใช้ซอฟต์แวร์ AVEVA ที่ติดตั้งโดย EMP Etteplan GmbH นั้น ได้ช่วยให้คณะทำงานสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บข้อมูล การใช้ข้อมูลและการสื่อสารข้อมูลการใช้พลังงานและข้อมูลการปล่อยมลภาวะของระบบห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของแหล่งทรัพยากรในห่วงโซ่อุปทานในฐานการผลิตได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5 – 6 ในทุก ๆ ปี
Wolfgang Weber ผู้อำนวยการกลุ่มดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น และงานวิศวกรรม กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน บริษัทเฮงเค็ล กล่าวว่า “บริษัทเริ่มนำระบบ AVEVA digital solutions มาใช้ในปี 2556 ทำให้เราบรรลุเป้าหมายของการประหยัดพลังงานได้ร้อยละ 3 ในทุก ๆ สินค้าที่เราผลิตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากที่นำโซลูชันดังกล่าวมาใช้แล้ว ก็จะเห็นได้ว่ามีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้อย่างชัดเจน เช่น ระบบ Environmental Management System (EMS) ของ AVEVA นั้นก็ช่วยลดการใช้การพลังงาน (กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง) เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าได้สูงถึงร้อยละ 16 ในปี 2563 เมื่อเทียบกับการดำเนินงานตามปกติ หากมองให้ลึกลงไปก็คือ พลังงานที่ประหยัดได้นั้นเทียบเท่ากับไฟฟ้าสำหรับประชากรสามล้านคนในเมืองใหญ่สองเมืองในทวีปยุโรป ซึ่งก็คือนครอัมสเตอร์ดัมและนครเวียนนานั่นเอง”
การใช้เทคโนโลยีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์อย่างยั่งยืนทั้งองค์กร
โซลูชั่น AVEVA ที่ใช้งานได้หลากหลายนั้นจะช่วยให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนของเฮงเค็ล สามารถตอบสนองความต้องการทางสถาปัตยกรรมของระบบข้อมูลทั้งหมดซึ่งจำเป็นในการลดการปล่อยมลภาวะ โครงการนี้ใช้เวลาน้อยกว่า 18 เดือนในการพิสูจน์ให้เห็นถึงประโยชน์ได้ อีกทั้งโครงการนี้ยังได้ใช้โซลูชั่นติดตามตรวจสอบการใช้พลังงานโดยการใช้ AVEVA System Platform และ AVEVA Historian อีกด้วย
Kim Custeau รองประธานอาวุโสฝ่าย APM และ MES บริษัท AVEVA ได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่า “ด้วยปัจจุบันมีหลายองค์กรให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนแนวทางการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน AVEVA จึงได้ก้าวเข้าไปร่วมกับโครงการรณรงค์ทั่วโลกด้วยการพัฒนาโซลูชั่นทางเทคโนลยีต่าง ๆ ซึ่งส่งผลให้สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในวงการอุตสาหกรรมลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามีบทบาทสำคัญมากที่จะช่วยให้บรรลุความมุ่งมั่นที่จะสร้างความยั่งยืนในครั้งนี้ และ AVEVA ก็มีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนให้ลูกค้าทั่วโลกสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามวัตถุประสงค์ด้านความยั่งยืนที่พวกเขาตั้งไว้ได้สำเร็จ”
Custeau ยังเสริมอีกว่า “เราจะช่วยดูแลให้ลูกค้าสามารถผสานรวมโซลูชั่นที่มีอยู่เดิมได้อย่างราบรื่น ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการวิเคราะห์ขั้นสูงที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจทำธุรกิจได้อย่างยั่งยืนจากข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้ได้จริง เป้าหมายของเราคือการร่วมมือกับบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่างเฮงเค็ล โดยเป้าหมายทางธุรกิจของเรา คือการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง และสามารถนำไปใช้สนับสนุนให้ธุรกิจบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลกได้”
“สำหรับวิสัยทัศน์ในอนาคตของเรานั้น ซอฟต์แวร์ของ AVEVA จะยังคงช่วยสนับสนุนเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับกลุ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนของเฮงเคิล บรรลุเป้าหมายของบริษัท” กล่าวโดย ดร. เดียร์ค โฮลบัค รองประธานอาวุโสฝ่ายซัพพลายเชน กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน บริษัทเฮงเค็ล
“ความยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าจะเป็นสิ่งที่ผูกกับค่านิยมองค์กรของเฮงเค็ล และนี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราเพิ่งจะเริ่มทำ เราเป็นบริษัทแรก ๆ ที่เริ่มเผยแพร่รายงานประจำปีด้านความยั่งยืนมาเป็นระยะเวลาสามสิบปีแล้ว และในปัจจุบันนี้ เราก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะคงไว้ซึ่งเป้าหมายด้านความยั่งยืนในระยะยาว และเราก็มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่พันธสัญญานี้ได้รับการยอมรับจาก World Economic Forum หรือ WEF ซึ่งเราใช้กำหนดเป็นโครงการด้านความยั่งยืนให้แก่โรงงานของเราหลายแห่งอีกด้วย”