การกลับมาอีกครั้งของ POCO ในรุ่น X3 Pro นั้นต้องบอกเลยว่าสร้างความน่าตกตะลึงให้กับผู้ที่ต้องการมือถือเครื่องแรงๆ ในราคาไม่เกินหมื่นได้อย่างแน่นอน ด้วยความแรงของชิปเซ็ต Snapdragon 860 ที่ราคาเปิดตัวเริ่มต้นที่ 7,999 พร้อมแรม 6GB และหน่วยความจำตัวเครื่องสูงถึง 128GB พร้อมความสามารถที่ให้มาสนับสนุนการถ่ายภาพและเล่นเกมได้อย่างครบครัน
สเปค POCO X3 PRO
จอภาพ :
IPS LCD ขนาด 6.67 นิ้ว, ความละเอียด FHD+, สัดส่วน 20:9, อัตรารีเฟรช 120Hz (ไดนามิก)
ชิป : Qualcomm Snapdragon 860
หน่วยความจำ :
– RAM 6GB + 128GB / RAM 8GBM + 256GB
– ชนิด LP-DDR4x + UFS 3.1
การเชื่อมต่อ :
– GSM / HSPA / LTE
– Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac
– Bluetooth 5
– GPS, A-GPS, GLONASS, BeiDou, Galileo
– NFC
– USB Type-C
กล้องหลัง :
– กล้องหลัก 48MP (ƒ/1.79), ขนาดเซนเซอร์ 1/2 นิ้ว, ขนาดพิกเซล 1.6μm, AF
– กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP (ƒ/2.2), มุมกว้าง 119 องศา
– กล้องมาโคร 2MP (ƒ/2.4), ระยะโฟกัสใกล้สุด 4 ซม.
– กล้องจับความลึก 2MP (ƒ/2.4)
– บันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที
กล้องหน้า : 20MP (ƒ/2.2), ขนาดพิกเซล 1.6μm
แบตเตอรี่ : 5160mAh, รองรับชาร์จไว 33W
ระบบปฏิบัติการ : MIUI 12 บนพื้นฐาน Android 11
ความทนทาน :
– กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 6
– กันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP53
ขนาด : 76.8 × 165.3 × 9.4 มม.
น้ำหนัก : 215 กรัม
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- เครื่องPOCO X3 Pro
- อะแดปเตอร์แปลงไฟขนาด 33W
- สาย USB-A เป็น USB-C
- เข็มจิ้มถาดซิม
- เคส
- ฟิล์มกันรอย
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
- ใบรับประกันสินค้า
การออกแบบ
การออกแบบตัวเครื่องมีความโค้งมนที่รับกับการจับลงตัวกับน้ำหนักของตัวเครื่องที่ต้องบอกว่าสำหรับผู้ชายน่าจะพอดี แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็อาจจะหนักไปสักหน่อย ตำแหน่งของขอบจอมีความสุดด้านข้าง ถ้าใส่ของยางอาจจะสไลด์หน้าจอด้านสุดขอบได้ยากเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคืแต่อย่างใดหากขอบเคสไม่สูงจนเกินไป
สีของเครื่องที่ได้มาทดสอบเป็นสี Frost Blue ซึ่งให้ความเรืองแสงแบบสองสีที่ด้านหลังของตัวเครื่อง พร้อมสลักหลังด้วยโลโก้ POCO ที่สวยไปอีกแบบ ขณะที่ตำแหน่งของกล้องด้านหลังถูกจัดวางอยู่ในกรอบวงกลมสีดำด้านบนที่ดูเรียบร้อยดี
ด้านขอบที่โค้งมน มีปุ่มกดที่ผสานรวมระบบอ่านลายนิ้วมือที่ด้านขวา ซึ่งทำหน้าที่เป็นปุ่มมัลติฟังก์ชั่นและการสแกนลายนิ้วมือไปในตัว แต่การวางตำแหน่งปุ่มสแกนไว้ด้านข้างก็จะจำกัดการใช้นิ้วที่สะดวกที่สุดสำหรับคนถนัดขวานั่นก็คือนิ้วโป้งนั่นเอง นิ้วอื่นๆอาจจะยุ่งยากในการใช้งานพอสมควร และขยับขึ้นไปเล็กน้อยก็มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงให้ ถือว่ามีเฉพาะปุ่มที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น
ส่วนด้านข้างขวา จะมีเพียงช่องถาดใส่ซิมที่ซ่อนอยู่ โดยจะต้องใช้เข็มจิ้มถาดที่แถมมาให้เพื่อจิ้มเปิดเท่านั้น การออกแบบส่วนนี้มีความเรียบเนียบกับตัวเครื่อง แถมส่วนของเคสใสที่แถมมาให้ก็ปิดทับได้ ถ้าไม่สังเกตแทบจะไม่เห็นความแตกต่างเลยก็ว่าได้
ขณะที่ด้านล่างของเครื่อง มีช่องการเชื่อมต่อแบบ USB-C ที่น่าจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของสายเชื่อมต่อปัจจุบันแล้ว ถัดไปทางด้านขวามีช่องลำโพงและไมโครโฟน ขณะที่ด้านขวา มีช่องเสียบ 3.5มิลลิเมตร สำหรับการเชื่อมต่อหูฟังหรือสายเสียง สำหรับคนที่อยากต่อกับอุปกรณ์ด้านเสียงอื่นๆ
โดยรวมของการออกแบบ ถือว่าจับได้ถนัดมือ และลงตัวเรื่องน้ำหนักที่ไม่หวิวจนเกินไปเมื่อต้องจับถ่ายเซลฟี่ในมือเดียว ขณะที่การแถมเคสมาให้ในกล่อง เมื่อลองจับใส่ดูแล้วก็ช่วยเรื่องของการลดรอยขีดข่วนได้พอสมควรเลยทีเดียว แต่กระนั้นการใช้ขอบที่โค้งมนก็อาจจะมีปัญหาในการวางแบบตั้งขนานเนื่องจากอาการลื่นหากไม่ใส่เคสอยู่พอสมควร
ประสิทธิภาพการทดสอบ
การทดสอบประสิทธิภาพด้วยโปรแกรม Benchmark ต่างๆ นั้น ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจ โดยเมื่อเทียบกับราคาที่จะต้องจ่าย ถือว่าได้เครื่องที่มีประสิทธิภาพเกินราคาไปอย่างมาก ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าจุดนี้ POCO X3 Pro ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว
การถ่ายภาพของกล้องนั้นต้องบอกเลยว่า สามรรถอ่านค่าแสงได้สวยเกินจริงเล อาจจะเพราะคุณภาพของกล้องที่มีมาให้ถึง 4 ตัวแยกการทำงานอย่างชัดเจน ทำให้ได้ภาพของการถ่ายที่ออกมาได้ครบทุกมิติ ซึ่งเมื่อลองถ่ายกลางแจ้งในที่มีแสงแดด ในที่นี้ผมได้ลองเอาไปถ่ายที่ชายหาดซึ่งมีทั้งสภาพแสงที่ย้อนและคอนทรัสต์ที่แตกต่างกัน ก็ได้ภาพที่เพิ่มความโดเด่นอยู่มาก
การให้สีสันของภาพเมื่อลองถ่ายกับอาหารก็ให้สีสันที่สดใส ดูมีความเป็นธรรมชาติโดยที่ไม่ได้ตกแต่งแต่อย่างใด สามารถถ่ายได้ง่ายด้วยความสามารถของระบบเอไอที่จะช่วยเลือกประเภทของการถ่ายให้เราอย่างอัตโนมัติ ซึ่งหากเอไอเลือกไม่ตรงใจเราก็สามารถปิดระบบได้จากหน้าจอเลยเช่นกัน นับว่าสะดวกและเป็นตัวเลือกด้านการถ่ายภาพที่ดีเลยทีเดียงครับ
ในส่วนของการเชื่อมต่อกับระบบไวไฟนั้น คร่าวๆผมได้ลองเชื่อมต่อทั้งแบบความถี่ 5GHz และ 2.4GHz ซึ่งก็สามารถเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว โดยการทดสอบผมได้ลองกับสัญญาณจากกล่องไวไฟปกติของ 3BB ความเร็งสัญญาณ 1000 Mbps ซึ่งก็ได้ค่าเฉลี่ยเป็นที่น่าพอใจนะครับ ราว 300Mbps สำหรับความถี่ 5GHz และราว 100Mbps สำหรับความถี่ 2.4GHz
ขณะที่การเชื่อมต่อแบบสัญญาณมือถือนั้น เนื่องจากมีปัจจัยของสัญญาณที่ไม่คงที่ ผมจึงไม่ได้พูดถึงนะครับ แต่โดยรวมสามารถเชื่อมต่อได้ในระดับปกติ ยังไม่ได้เจอปัญหาอะไรระหว่างที่ทำการใช้งานมาครับ
โดยภาพรวมในเรื่องของการรับสัญญาณทั้งภาพของสัญญาณจากตค่ายมือและสัญญาณไวไฟภายใน มีประสิทธิภาพในการรับส่งที่ดีครับ การเชื่อมต่อไม่มีตัดขัดอะไร สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง แบบไม่มีสะดุด
ในส่วนของประสิทธิภาพการเล่นเกมนั้น ต้องบอกเลยว่า POCO X3 Pro นี้ไม่น้อยหน้าใครอย่างแน่นอน ด้วยความแรงของชิป Qualcomm Snapdragon 860 มีความเร็วของสัญญาณนาฬิการาว 2.96GHz และยังมีหน้าจอที่รองรับการกระพริบแบบ 120Hz แบบไดนามิกที่ปรับตามความต้องการแบบอัตโนมัติด้วยแล้ว ทำให้การเล่นเกมที่ได้รับความนิยมอย่าง Real Racing ของค่าย EA ได้อย่างไม่มีปัญหา
ขณะที่การชมหนังแบบสตรีมมิ่งที่น่าจะเป็นเรื่องคลายเครียดหลักของการติดอยู่บ้านในช่วงสถานการร์โควิด ก็สามารถรองรับความละเอียดได้สูงสุดถึง 4K แบบไม่มีกระตุกกันอย่างแน่นอน ซึ่งหากใครต้องการสมาร์ทโฟนในราคานี้ที่ดูวิดีโอแบบ 4K ได้ ก็บอกเลยว่านอกจากตัวนี้แล้วก็ยังไม่ค่อยเห็นแบบที่จะไม่กระตุกนะครับ