ดีอีเอสลงพื้นที่ ‘ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์’ เช็คระบบไอทีพร้อมรับแผนเปิดประเทศ

ดีอีเอสลงพื้นที่ ‘ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์’ เช็คระบบไอทีพร้อมรับแผนเปิดประเทศ

ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์

“ชัยวุฒิ” รมว.ดีอีเอส ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เยี่ยมชมผลสำเร็จของกระทรวงฯ หลังดำเนินการสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการควบคุมดูแลนักท่องเที่ยว และการควบคุมโควิด ในโครงการ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เล็งต่อยอดแอปหมอชนะ หนุนแผนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในเฟสต่อไป

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า กระทรวงและผู้บริหารได้ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ภูเก็ต และเยี่ยมชมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการควบคุมดูแลนักท่องเที่ยว และการควบคุมโควิด ในโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ พร้อมเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการต่าง ๆ ที่เป็นการบูรณาการทำงานร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อนำร่องขับเคลื่อนแผนการเปิดประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เริ่มจากภูเก็ต ก่อนใช้เป็นต้นแบบขยายผลสู่จังหวัดอื่น ๆ ที่มีความพร้อมต่อไป

ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ในการช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีให้กับการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ เช่น ระบบติดตามบุคคลโดยการจับใบหน้า, ระบบติดตามตัวหมอชนะ, Dash Board ที่ใช้สำหรับรายงานสถานการณ์ แจ้งเตือนในระบบ Phuket Tourism Sandbox, ระบบ Shaba Plus และระบบตรวจสอบนักท่องเที่ยวเพื่อใช้ในการกักตัว เป็นต้น

รวมไปถึงการปฏิบัติงานศูนย์ Phuket Sandbox (ณ ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต) ซึ่งมีระบบเชื่อมโยงข้อมูลของนักท่องเที่ยวและระบบติดตามตัวนักท่องเที่ยว กับด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ด่านตรวจคนเข้าเมืองทางบก ที่ด่านท่าฉัตรไชย ด่านตรวจคนเข้าเมืองทางน้ำ ที่ท่าเรืออ่าวฉลอง ท่าเรือรัษฎา และท่าเรืออ่าวปอ) ศูนย์ประสานงานโรงพยาบาลรัฐและเอกชนสถานี ตำรวจภูธรจังหวัด ตำรวจน้ำตำรวจท่องเที่ยว ศูนย์ประสานงานโรงแรม SHA Plus Manager ศูนย์ประสานงานสถานประกอบการ SHA Plus ศรชล.จังหวัดภูเก็ต สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลภาคใต้ รวมไปถึงหน่วยงานส่วนกลาง ทั้ง ศปก. ศบค. และ ศบค.มท.

โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าภูเก็ต ต้องดาวน์โหลดแอปหมอชนะ เพื่อเป็นระบบติดตามตัวซึ่งจะส่งสัญญาณโลเคชั่นที่นักท่องเที่ยวอยู่ทุก ๆ ครึ่งชั่วโมงมายังศูนย์ฯ ทำให้ทราบว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ตอยู่ ณ จุดใด และหากนักท่องเที่ยวออกนอกพื้นที่ภูเก็ตระบบดังกล่าวก็จะแจ้งเตือนมายังศูนย์ฯ

“ทั้งนี้ยังขยายผลการใช้งานแอปหมอชนะ สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่จะเปิดรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในจังหวัดอื่นๆ เพิ่มเติมจากภูเก็ต ที่ผ่านมามีการตรวจสอบมาตรการของแอปฯแล้ว จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ให้เจ้าหน้าที่ดาวน์โหลดติดตั้งแอปหมอชนะ ได้ทดสอบออกนอกพื้นที่ที่กำหนด ก็พบว่า ระบบจะแจ้งเตือนไปที่ห้องควบคุมระบบว่ามีผู้ฝ่าฝืนออกนอกพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามกลับเข้าพื้นที่ได้”

ควบคู่กับการตรวจคัดกรองโควิดชาวต่างชาติก่อนเข้าพื้นที่แบบ RT-PCR 3 ครั้ง ระหว่างที่ท่องเที่ยวอยู่ในพื้นที่ ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้มากขึ้นเรื่องป้องกันความเสี่ยงแพร่เชื้อ รองรับการผลักดันการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ให้เมืองไทยกลับมาเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของโลกได้เหมือนเดิม ภายใต้วิถีชีวิตปกติใหม่

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า นอกจากนี้ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ยังมีศูนย์ IOC (Intelligence Operation Center) หรือ Command Center ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการและรวบรวมข้อมูลระดับเมืองของเทศบาลป่าตอง เป็นการขยายผลสู่ระดับจังหวัดที่ดำเนินการร่วมกับ จังหวัดภูเก็ต องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน โดยศูนย์ดังกล่าวมีการนำแพลตฟอร์มจัดเก็บและบริหารข้อมูลเมือง (City data Platform: CDP) มาใช้วางแผน บริหารจัดการ และแก้ไขปัญหาของเมืองที่มีความซับซ้อนให้เกิดประสิทธิภาพ

โดยดีป้า ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดดีอีเอส ได้ขับเคลื่อนและพัฒนาแพลตฟอร์มจัดเก็บและบริหารข้อมูลเมืองมาอย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการการทำงานกับ บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด และ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ติดตั้งกล้องซีซีทีวีบริเวณหาดป่าตอง และทุกแยกจราจร ให้ทำงานร่วมกับโซลูชันตรวจจับใบหน้า เพื่อตรวจสอบและติดตามผู้กระทำผิด และส่งการแจ้งเตือนสู่ศูนย์ฯ

ก่อนนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และนำไปใช้วางแผน บริหารจัดการ และแก้ไขปัญหาของเมือง 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการท่องเที่ยว ด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม และด้านอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ ในระยะต่อไปวางเป้าหมายการเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัดภูเก็ตเข้าด้วยกัน เพื่อเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในจังหวัด ก่อนนำไปสู่การขับเคลื่อนภูเก็ตเมืองอัจฉริยะ (Phuket Smart City)

ด้านนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า โครงการ Phuket Sandbox ที่นำร่องทดสอบการเตรียมความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นโครงการที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลประยุกต์ในการในหลากหลายมิติ รวมถึงการติดตามตรวจสอบให้นักท่องเที่ยวในโครงการอยู่ในขอบเขตและระยะเวลาที่กำหนดผ่าน Application หมอชนะ เป็นต้น

“กระทรวงดิจิทัลที่ได้จัดสรรงบประมาณในโครงการ 5G Use Case ระบบในการคัดกรองและแจ้งเตือนสำหรับ Phuket Sandbox รวมถึงระบบ Big Data เพื่อบูรณาการข้อมูลที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นจากฝั่งนักท่องเที่ยวหรือฝั่งผู้ประกอบการแรงงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดเศรษฐกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้จังหวัดภูเก็ตจะได้มีเครื่องไม้เครื่องมือในการดำเนินโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผลอย่างมาก”

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้ทำการตรวจเยี่ยม ศูนย์ดิจิทัลชุมชน กศน. ตำบลป่าตอง ซึ่งตั้งใจให้เป็นศูนย์ที่ทำให้คนในชุมชนทุกกลุ่ม เข้าถึงการเรียนรู้ระบบไอทีและคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ต่อยอดพัฒนาอาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิต เปิดช่องทางขายสินค้าเกษตรและสินค้าชุมชนผ่านออนไลน์ ตั้งเป้าปีหน้าทำงานร่วมกับ ศธ. อปท. และหน่วยราชการอื่น ๆ ขยายศูนย์ดิจิทัลชุมชนเพิ่มอีก 2,000 แห่งทั่วประเทศ

โดยศูนย์ฯ แห่งนี้ ได้รับการออกแบบเพื่อตอบโจทย์การเรียนรู้ และการพัฒนาทักษะของกลุ่มเป้าหมายในชุมชน ครอบคลุมทั้ง ประชาชนในชุมชน นักเรียน นักศึกษา ผู้ประกอบการร้านค้า และผู้นำชุมชน เพื่อให้ก้าวทันเทรนด์โลกยุคใหม่ ในการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล เข้าถึงความรู้และทักษะใหม่ๆ เพื่อต่อยอดสร้างอาชีพเพิ่มรายได้ผ่านทางออนไลน์และโซเชียล

สำหรับการดำเนินภารกิจของศูนย์ดิจิทัลชุมชน กศน. ตำบลป่าตอง ได้มีการให้บริการอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ (Printer) สัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) บริการห้องประชุมในรูปแบบของ co-working space พร้อมอุปกรณ์แก่ชุมชนโดยให้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย รวมทั้งจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้งานอุปกรณ์ดิจิทัล การขายสินค้าออนไลน์ การสร้างเพจโฆษณาสินค้า สำหรับชุมชน

“ในปีต่อไปกระทรวงดิจิทัลฯ มีเป้าหมายจัดทำศูนย์ดิจิทัลชุมชนเพิ่มอีก 2,000 แห่ง โดยจะร่วมทำงานกับหน่วยงานอื่นๆ ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และหน่วยราชการอื่นๆ ที่มีความพร้อมในด้านสถานที่ที่จะให้กระทรวงฯ ได้จัดโครงการที่จะประกอบด้วย ระบบไอซีทีคอมพิวเตอร์ ระบบอินเทอร์เน็ต ระบบที่จะช่วยในการขายของออนไลน์”

โดยจะมีเจ้าหน้าที่ประจำที่ช่วยให้ความรู้ ดูแลการทำงานในศูนย์ฯ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ศูนย์ดิจิทัลชุมชน เป็นสถานที่ในการเรียนรู้ระบบไอทีและคอมพิวเตอร์ และได้นำระบบที่เรามีไปใช้ในการพัฒนาอาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิตต่อไป

ทั้งนี้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย เป็นหนึ่งในหน่วยงานในสังกัดกระทรวงดิจิทัลฯ ที่ให้ความร่วมมือกับศูนย์ดิจิทัลชุมชนทุกแห่งทั่วประเทศ ในการไปส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนเรียนรู้ที่จะขายของออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ thailandpostmart.com ของไปรษณีย์ไทย เป็นช่องทางหนึ่งสำหรับการขายสินค้าในชุมชน สินค้าเกษตร อาหารแปรรูปต่างๆ ผ่านระบบออนไลน์ และจัดส่งโดยไปรษณีย์ไทย

Related Posts