โตโยต้า เปิดเผยแนวคิดและกลยุทธ์การทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมเผยให้เห็นต้นแบบยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้จริงและเตรียมออกวางจำหน่ายในอนาคต ซึ่งจะตอบสนองความต้องการใช้งานในทุกกลุ่มการขับขี่ โดยระบุชัดเจนถึงแนวทางการทำงานบนเส้นทางการลดคาร์บอนให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง พร้อมทั้งยืนยันการสร้างอนาคตรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ที่ตั้งเป้าในปี 2030 จะสามารถทำตลาดในยุโรป อเมริกาและจีนด้วยไลน์การผลิต 100% ขณะที่การทำตลาดทั่วโลกต้องรอปี 2035 ถึงจะมีการเปลี่ยนตลาดจากรถสันดาปได้ 100%
อากิโอะ โทโยดะ ประธาน โตโยต้า กล่าวเมื่อวันอังคารที่ 14 ธันวาคม 2564 ในงานอีเวนต์ที่กรุงโตเกียวระบุว่า โตโยต้าปรารถนาและมุ่งหวังที่จะช่วยลดคาร์บอนให้มากที่สุดและเร็วที่สุด เราอยู่ในยุคที่มีความหลากหลายและยากที่จะคาดเดาอนาคต ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกคนมีความสุขด้วยตัวเลือกที่เหมาะสมกับทุกความต้องการ นั่นคือเหตุผลที่โตโยต้าต้องการเตรียมตัวเลือกให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สำหรับลูกค้าของเราทั่วโลก
เราเชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทตามพลังงานที่ใช้
1.รถยนต์ลดคาร์บอน ซึ่งหากพลังงานที่จ่ายให้กับรถยนต์ยังไม่สะอาด การใช้รถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ตาม จะไม่ส่งผลให้มีการปล่อย CO2 เป็นศูนย์อย่างแท้จริง
2.ยานพาหนะที่ปล่อยคาร์บอนเป็นกลาง ซึ่งยานพาหนะในหมวดหมู่นี้จะใช้พลังงานสะอาดและปล่อย CO2 เป็นศูนย์ตลอดกระบวนการใช้งานอย่างแท้จริง ซึ่งพวกเราในโตโยต้า จะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะพัฒนาไปสู่ยานพาหนะเช่นนี้
วันนี้เราขอนำเสนอสิ่งที่เราได้เตรียมไว้สำหรับอนาคต โดยเริ่มกันที่ซีรี่ส์ Toyota bZ (Toyota Beyond) ซึ่งเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่ของเรา ด้วยแนวคิด Toyota bZ ซึ่งหมายถึงการ “เกินศูนย์” ที่จะมอบอิสระในการเคลื่อนไหวและความสนุกในการขับขี่สำหรับทุกคน ด้วยเป้าหมายที่ไม่เพียงแค่ลดการปล่อย CO2 และผลกระทบด้านลบอื่นๆ ให้เป็นศูนย์เท่านั้น แต่เป้าหมายของเราไปไกลกว่านั้น
และสำหรับซีรีย์ bZ เราได้พัฒนาแพลตฟอร์มของแบตเตอรี่ขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับ EV เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของตลาดโลก โดยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้คือรุ่น bZ4X ซึ่งเราได้ประกาศไปเมื่อเร็วๆ นี้
จากความร่วมมือกันพัฒนากับ Subaru ซึ่งทำให้เราสามารถไล่ตามความราบรื่นและความคล่องแคล่ว ตลอดจนความสามารถในการขับขี่ของ SUV ได้อย่างแท้จริง โดยคาดว่าจะมีการเปิดวางจำหน่ายได้ในปีหน้า ซึ่งเรากำลังเตรียมการผลิต bZ4X ที่โรงงาน Motomachi ของโตโยต้าในช่วงเวลานี้ และหวังว่าจะได้จัดส่งให้กับลูกค้าของเราได้ในไม่ช้า
นอกจากนี้ยังมีการต่อยอดจาก SUV bZ รุ่นแรก ไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า SUV ขนาดกล็ก ด้วยแบตเตอรี่ขนาดเล็ก พร้อมการตกแต่งภายในที่สะดวกสบายซึ่งได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความต้องการในยุโรปและญี่ปุ่นเอง และเนื่องจากรถเอสยูวีคันนี้เป็นรถขนาดเล็ก จึงมีบางสิ่งที่เราต้องรอบคอบและเฉพาะเจาะจงมาก และนั่นคือ ประสิทธิภาพด้านพลังงาน
คำถามที่สำคัญในตอนนี้คือ เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานโดยรวมของยานพาหนะได้ในระดับใด? กล่าวอีกนัยหนึ่งคือพลังงานที่ยานพาหนะต้องใช้ในการวิ่ง เป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีที่โตโยต้ามุ่งมั่นพัฒนามาเป็นเวลากว่า 30 ปีอย่างแท้จริง
ด้วยความพยายามอย่างเต็มที่ในทุกด้านของรถยนต์รุ่นนี้ เราตั้งเป้าที่จะใช้พลังงาน 125 วัตต์-ชั่วโมงต่อกิโลเมตร ซึ่งจะสูงที่สุดในกลุ่มรถ SUV ขนาดกะทัดรัด ถัดมาอีกรุ่นจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าซีดานขนาดกลาง ที่ตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าสำหรับรถคันแรก เรายังมีรถเอสยูวีขนาดใหญ่พร้อมที่นั่งแถวที่สามที่ช่วยให้ครอบครัวได้สัมผัสช่วงเวลาแห่งความสุขร่วมกัน
เราจะไม่เพียงแค่เพิ่มตัวเลือก EV ของแบตเตอรี่ให้กับรถยนต์รุ่นที่มีอยู่เท่านั้น แต่ยังจะนำเสนอโมเดลการผลิตจำนวนมากที่มีราคาสมเหตุสมผล เช่น ซีรีส์ bZ นี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกประเภท
ด้วยการทำเช่นนี้ เราหวังว่าจะส่งมอบให้กับลูกค้าทั่วโลกด้วยสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์และสวยงาม ตลอดจนแง่มุมที่สนุกในการขับขี่ของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ และมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ให้กับลูกค้าของเรา
แผนกลยุทธ์รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่สู่ตลาดทั่วโลก
ปัจจุบันแบรนด์โตโยต้ามีรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปอย่างเดียวมากกว่า 100 รุ่น โดยรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงมีวางจำหน่ายในกว่า 170 ประเทศ
โดยแบรนด์ Lexus ได้มีการเปิดตัวรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด มาแล้วมากกว่า 30 รุ่นในกว่า 90 ประเทศทั่วโลก และกำลังมีการพัฒนารถยนต์สปอร์ตไฟฟ้าที่สามารถทำความเร็วได้อย่างดีเยี่ยม รองรับการวิ่งได้ระยะทาง 700กิโลเมตรในการชาร์จต่อครั้ง ด้วยประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ที่ใช้ยเทคโนโลยีขั้นสูงสุด
นอกจากนี้ โตโยต้าวางแผนจะขยายตัวเลือกสำหรับรถยนต์ที่ปล่อยคาร์บอน โดยคาดว่าจะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่เต็มรูปแบบเชิงพาณิชย์กว่า 30 รุ่นภายในปี 2030 เริ่มจากตลาดในยุโรป อเมริกาและจีน และตั้งเป้าจะทำตลาดครบทั่วโลกภายในปี 2035 จากเป้าหมายของการผลิตที่จะเปลี่ยนเป็นไลน์ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% ในแผนเดียวกัน ซึ่งตั้งเป้าการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกในปี 2030 ไว้ราว 3.5 ล้านคันทั่วโลก