นายกรัฐมนตรี เปิดมุมมองการพัฒนา ประเทศไทย 5 ด้าน เดินหน้าผลักดันให้เกิดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแบบรอบด้าน ช่วยยกระดับศักยภาพประเทศไทยให้กลายเป็นผู้นำด้านดิจิทัลระดับภูมิภาค ผ่านเวที Thailand 5G Summit 2022
- – AIS ผนึก ZTE เปิดตัว ศูนย์นวัตกรรม 5G เร่งพัฒนา 5G ระดับสูง
- – หัวเว่ย จัดประชุม Huawei APAC Digital Innovation Congress
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเปิดงาน Thailand 5G Summit 2022 ระบุว่าประเทศไทยในทุกพื้นที่มีการเชื่อมต่อกันหมดทั้งประเทศ หน้าที่ของเราคือต้องทำอ่ยางไรเราถึงจะเชื่อมต่อการสั่งการและการทำงานของจากส่วนกลางไปสู่การปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสิ่งสำคัญก็คือการสร้างความรู้ให้ประชาชนสามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้อย่างสร้างสรรค์
งาน Thailand 5G Summit 2022 นี้เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้แสดงศักยภาพในการพัฒนาประเทศด้วยเทคโนโลยี 5G ซึ่งทั่วโลกต่างก็ผลักดันให้เกิด 5G เพื่อทำให้เกิดประโยน์สูงสุด ซึ่งก็อยากจะฝากให้เราใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลกันอย่างสร้างสรรค์
“รัฐบาลให้ความสำคัญในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาโดยตลอด มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และมีการนำเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อตอบสนองยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลให้สมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งรัฐบาลก็ได้พยายามสนับสนุนการประยุกต์ใช้ในทุกมิติของสังคม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องของเทคโนโลยีก็จะมีทั้งประโยชน์และความเสี่ยงที่เราจะต้องพิจารณาให้ครบรอบด้านก่อนการนำไปใช้จริงใน ด้านที่สำคัญ”
1. ด้านสาธารณะสุข เป็นส่วนที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาเราได้มีการนำเทคโนโลยี 5G และปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาช่วยยกระดับการป้องกันและฟื้นฟูบริการทางการแพทย์สมัยใหม่ ดังที่เราเห็นจากการพัฒนาการวินิจฉัยทางการแพทย์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ การแพทย์ทางไกล ตลอดจนการสร้างหุ่นยนต์เพื่อเข้ามาช่วยในการรักษาพยาบาลในช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา
2.ด้านโครงการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) เพื่อสร้างเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษอัจฉริยะ ด้วยการรวมศูนย์การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจดิจิทัลในพื้นดังกล่าว ด้วยแนวคิดของการพัฒนาให้กลายเป็นพื้นที่อัจฉริยะ ครอบคลุมการพัฒนาในทุกอุตสากรรม ซึ่งทัังหมดเกิดขึ้นจริงแล้วด้วยการทำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ให้ได้ว่า เราจะอยู่กันอย่างไรเมื่อโลกมันเปลี่ยน และจะต้องปรับตัวอย่างไร เพื่อให้สอดรับกับโลกดิจิทัลให้เดินหน้าต่อไปให้ได้
3.ด้านการเกษตรอัจฉริยะ เรามุ่งทำให้เทคโนโลยีเข้าไปช่วยในการเพาะปลูก ช่วยให้สามารถพยากรณ์การเพาะปลูกแบบเกษตรแม่นยำ ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร โดยที่ผ่านมาเรามีโครงการนำร่องหลายอย่าง ตลอดจนมีการส่งเสริมและพัฒนาให้เกิดการใช้งานเทคโนโลยีในภาคการเกษตรแบบครบวงจรของการเพาะปลูก ซึ่งก็มีพืชหลายอย่างที่เป็นต้นแบบในการพัฒนาบนแปลงสาธิตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งการพัฒนาเทคโยโลยีทั้งหมดจะสอดคล้องกับ 5 ด้านที่สำคัญของการพัฒนาประเทศเพื่อแก้ปัญหาความยากจน ทั้ง 1.ด้านของการพัฒนาคุณภาพความเป็นอยู่ 2.การเข้าถึงบริการสาธารณะสุข 3.การเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียม 4.การเข้าถึงบริการภาครัฐ และ 5.การเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่เท่าเทียม
ในด้านที่ 4 ส่วนของสตาร์ทอัพ ก็เป็นอีกส่วนที่รัฐบาลมุ่งหวังให้สตาร์ทอัพมีส่วนขับเคลื่อนและนำพาเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาประเทศ ช่วยให้ภาคธุรกิจเอสเอ็มอีได้เข้าถึงเทคโนโลนยีด้วยต้นทุนที่ไม่สูงมากนัก ซึ่งในต่างประเทศมีสตาร์ทอัพเยอะ ก็ทำให้ประเทศเหล่านั้นเจริญรุดหน้าไปได้เร็ว เราจึงต้องการเพิ่มจำนวนสตาร์ทอัพให้มีมากขึ้นเพื่อเข้ามาช่วยกันพัฒนาประเทศได้อย่างละเอียดอ่อนมากขึ้น ซึ่งแม้ว่าเราจะมีระดับของการมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดสตาร์ทอัพในระดับที่ 50 ของโลก แต่เราก็ยังต้องพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดสตาร์ทอัพมากยิ่งกว่าเดิมต่อไป
และด้านที่ 5 เรื่องของอีคอมเมิร์ซ ก็เป็นส่วนสำคัญที่เรา อาจจะต้องช่วยยกระดับการค้าขายของชุมชนให้กลายมาเป็นอีมาร์เก็ตเพลสให้ได้ เพื่อช่วยให้กลุ่มชุมชนเหล่านี้สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีโอกาสในการสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น และพร้อมรับการแข่งขัน ซึ่งที่ผ่านมาการค้าชุมชนนั้นได้รับผลกระทบจากการค้าออนไลน์เป็นอย่างมาก เราต้องทำให้ชุมชนสามารถแข่งขันและขายสินค้าได้เข้มแข็งขึ้น และสืบสานอาชีพของชุมชนต่อไป
แต่กระนั้นการพัฒนาทั้งหมดที่ผมพูดถึงนั้นก็จะต้องหันกลับมาเตรียมความพร้อมเรื่องของคน ซึ่งผมก็อยากให้เราได้เตรียมพร้อมในหลากหลายด้าน เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 1.ควรเร่งรัดพัฒนาทักษะให้เตรียมพร้อมกับยุค ดิจิทัล4.0 2.เปลี่ยนภาคเศรษฐกิจดั้งเดิมให้เข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้เทคโยโลยีเข้าไปช่วยทำให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด 3.การเตรียมความพร้อมและปรับตัวไปสู่การค้ายุคใหม่ ซึ่งมีข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อน เพื่อแก้ปัญหาและหาแนวทางในการแก้ไขด้วยข้อมูลที่ทันสมัยและตรงตามข้อเท็จจริงมากที่สุด ซึ่งต้องช่วยกันทำงานประสานกัน ทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งประเทศ
4.การเตรียมความพร้อมและใช้ประโยชน์จากโลกเสมือนจริงเพื่อช่วยให้เพิ่มโอกาสทางการค้าเศรษฐกิจดิจิทัลได้ 5.การเตรียมความพร้อมในการรองรับสังคมผู้สูงวัย ซึ่งจะต้องพัฒนาเด็กที่เกิดน้อยลงให้สามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคใหม่ อีกทั้งส่วนของผู้สูงวัยก็จะต้องอยู่ได้ด้วยตนเอง เพื่อลดภาระการพึงพากันโดยไม่จำเป็น
“ก้าวต่อไปของการพัฒนาเทคโนโลยี 5G ของ ประเทศไทย เราจะต้องมีการสร้างสรรค์บนพื้นฐานของเทคโนโลยีให้มากกว่าเดิม และจะต้องสามารถต่อยอดจากสิ่งที่เรามี ให้กลายเป็นโอกาสในการค้าขายที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผมก็ขออวยพรให้ทุกท่านทำงานได้อย่างประสบความสำเร็จ จากการเป็นพันธมิตรทางด้านเทคโนโลยีร่วมกันทั้งประเทศอย่างพร้อมเพรียง”