GLOBISH สตาร์ทอัพด้าน EdTech ของไทย ประกาศเดินหน้าออกต่างประเทศอย่างเต็มตัว หลังชนะเลิศการแข่งขัน ‘Spark-Ignite 2022’ ของประเทศไทยซึ่งจัดโดยหัวเว่ย คว้าสิทธิ์การเข้าถึงอีโคซิสเต็มของ Huawei Spark รับเครดิตคลาวด์มูลค่า 125,000 เหรียญสหรัฐ หรือกว่า 4 ล้านบาท พร้อมการให้คำปรึกษาจากหัวเว่ยในการผลักดันธุรกิจให้เติบโต ลั่นเดินหน้าขยายบริการสู่ต่างประเทศผ่านเครือข่ายความร่วมมือของหัวเว่ยทันที
- – Conicle เปิดบ้าน แจงยิบ Lifelong Learning แบบครบวงจร
- – AIS ผนึก 3 กระทรวงหลัก พร้อม มจธ. เปิดตัว “หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์” ยกระดับการศึกษายุคดิจิทัล
นางสาวชื่นชีวัน วงษ์เสรี ผู้ร่วมก่อตั้ง โกลบิช อคาเดเมีย (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า โกลบิช อคาเดเมีย ได้พยายามทำแพลตฟอร์มสำหรับ Future of Work จากจุดเริ่มต้นด้วยภาษาอังกฤษก่อน ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษที่เน้นด้านการพูดให้มากขึ้น โดยเราตั้งใจให้คนไทยพูดภาษาอังกฤษได้โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่เราอยากทำให้พูดภาษาอังกฤษได้ก่อนมัธยม 3
การเข้าร่วมโปรแกรม ‘Spark-Ignite 2022’ ก็เพื่อต้องการขยายบริการออกไปสู่ต่างประเทศให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเรามีบริการอยู่ที่ประเทศไทยและเวียตนาม โดยในประเทศไทยเรามีทีมอยู่ราว 150 คน และมีนักเรียนอยู่ 50,000 คน ขณะที่เวียตนาม เราเริ่มเปิดให้บริการในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีทีมงานอยู่ราว 50 คน ซึ่งเราก็ตั้งใจที่จะขยายไปที่ปากีสถาน บังคลาเทศ หรือตะวันออกกลางต่อไปในอนาคต
แต่กระนั้นการขยายออกไปยังประเทศเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่ยาก ดังนั้นเราจึงมองหาพาร์ทเนอร์ที่ดีในการช่วยทำให้เราสามารถขยายออกไปยังต่างประเทศได้ ทำให้เรามาเจอโปรแกรม Huawei Spark ของหัวเว่ย และมองเห็นโอกาสของการเข้าถึงเครือข่ายของหัวเว่ยที่มีสำนักงานอยู่ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก และยังมีผู้เชี่ยวชาญของแต่ละประเทศมาช่วยทำให้เราสามารถขยายเข้าสู่ประเทศนั้น ๆ ได้อย่างมืออาชีพมากขึ้น ผ่านตลาดองค์กรที่หัวเว่ยมีความเชี่ยวชาญแล้วจึงพัฒนาไปสู่การทำ B2C ต่อไปในอนาคต
ในประเทศไทยกลุ่มลูกค้าโรงเรียนจะเป็นกลุ่มโรงเรียน 2 ภาษา แต่ยังมีการเรียนการสอนภาษาอังกฤษไม่พอ เนื่องจากเป็นการเรียนรวมห้องใหญ่ทำให้เด็กไม่มีโอกาสได้เน้นการพูดที่เพียงพอ แต่เด็กเหล่านี้จะได้เรื่องการเขียน การอ่านและการฟังจากการเรียนในห้องที่โรงเรียนอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงจะเข้าไปเสริมในส่วนของการพูดให้เน้นมากขึ้น เพราะอยากให้เด็กทุกคนสามารถพูดคล่องก่อนมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3 โดยคาดว่าจะเริ่มจากโรงเรียนต่างจังหวัดก่อน
ความแตกต่างของ โกลบิช คือการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับประเทศนั้น ๆ ซึ่งแตกต่างจากหลักสูตรของต่างประเทศที่จะไม่มีการปรับหรือพัฒนาให้เข้ากับจริตของคนไทยมากนัก ยกตัวอย่างเช่น การเรียนสถานการณ์การเล่นสกีในภาษาอังกฤษ ก็อาจจะทำให้เด็กไทยไม่เข้าใจเนื่องจากประเทศไทยไม่มีหิมะเป็นต้น แต่ว่าหลักสูตรของ โกลบิช จะถูกพัฒนาให้เข้ากับคนไทยโดยเฉพาะ ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจเนื้อหาของการเรียนได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น และตอนที่ขยายออกไปเวียตนามก็ได้มีการปรับหลักสูตรให้เข้ากับคนเวียตนามเช่นกัน การปรับหลักสูตรในประเทศไทยนั้น ยกตัวอย่างเช่น เรื่องของศาลพระภูมิ ในต่างประเทศก็จะไม่มีใครรู้จักว่าคืออะไร หากเป็นเด็กไทยก็จะสามารถอธิบายได้ว่าคืออะไร แต่พอเป็นต่างประเทศเราก็จะต้องปรับออกเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศที่เราจะขยายเข้าไป
ปัจจุบันลูกค้าในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม B2C ที่เข้าเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่อการทำงานเป็นหลัก ทั้งหลักสูตรภาษาอังกฤษทั่วไป อังกฤษธุรกิจ และภาษาอังกฤษสำหรับ Tech Talent ราว 70% กลุ่มลูกค้าองค์กรราว 20% และที่เหลือ 10% จะเป็นกลุ่มโรงเรียนที่เข้าเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับเด็กจาก โกลบิช โดยเฉพาะ

ในอนาคตเราตั้งเป้าจะไม่ได้เป็นเพียงแค่สถาบันสอนภาษาอังกฤษธรรมดา แต่เราอยากเป็นสถาบันสอนภาษาอังกฤษเพื่อการทำงานสำหรับอาชีพนั้น ๆ โดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นผู้สื่อข่าวก็จะเรียนภาษาอังกฤษสำหรับการรายงานข่าว นักเทคโนโลยีก็จะเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารด้านเทคโนโลยี หรือนักการตลาดก็จะเรียนภาษาอังกฤษสำหรับการตลาดโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนในสิ่งที่จะนำไปใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
“เรามองว่า ภาษาอังกฤษกับการทำงาน ไม่ควรแยกออกจากกัน แต่มันควรเป็นสิ่งที่รวมกัน เช่น ผู้จัดการต้องสามารถสั่งงานลูกน้องได้เป็นภาษาอังกฤษ ไดเร็คเตอร์ต้องสามารถวางแผนได้เป็นภาษาอังกฤษ เป็นต้น ซึ่งการมาเรียนกับ โกลบิช ภายใน 6 เดือนจะช่วยทำให้ทักษะด้านภาษาอังกฤษของผู้เรียนขยับสูงขึ้นอย่างแน่นอน”
ทั้งนี้การพัฒนาแพลตฟอร์มโกลบิช บริษัทมีการพัฒนาเองทั้งหมด การชนะเลิศครั้งนี้ทำให้เราได้ระบบคลาวด์ของหัวเว่ยเข้ามาช่วยเก็บข้อมูลที่มีจำนวนมาก เนื่องจากการเข้าเรียนทุกครั้งเราจะมีการเก็บข้อมูลทั้งการเรียนและการสอนไว้ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้เราสามารถวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมการเรียนการสอนของแต่ละคนที่ละเอียดอ่อนมากขึ้น และในอนาคตเรายังจะพัฒนาส่วนเสริมต่าง ๆ อาทิเช่นเอไอ หรืออื่น ๆ ให้เข้ามาสู่ห้องเรียนได้ ยกตัวอย่างเช่น การใช้ฟีเจอร์คำบรรยายเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้นักเรียนอ่านเมื่อเรียนไม่เข้าใจ ซึ่งเราก็กำลังศึกษาฟีเจอร์ต่างๆ หรือบริการต่าง ๆ ที่หัวเว่ยมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
โดยหลังจากการแข่งขันในวันนี้ โกลบิช ก็จะเริ่มได้รับคำปรึกษาจากหัวเว่ยแบบ 1 ต่อ 1 แล้วเราก็จะมาดูว่าทางหัวเว่ยจะมีบริการไหนที่เข้ามาช่วยเสริมให้แพลตฟอร์มของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งหากเป็นไปได้เราก็จะนำฟีเจอร์ของหัวเว่ยเข้ามาใช้กับทุกบริการได้ในอนาคต
การขยายออกสู่ตลาดเวียตนามเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา คาดว่าปีนี้เราน่าจะมีรายได้ราว 2 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่เร็วมาก เร็วกว่าการทำตลาดในประเทศไทยเยอะมาก โดยตลาดเวียตนาม ลูกค้าส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มลูกค้า B2C ราว 90% ซึ่งเข้าเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษธุรกิจสำหรับบุคคลทั่วไป และกลุ่มลูกค้า B2B สำหรับลูกค้าองค์กร ราว 10% แต่ยังไม่มีหลักสูตรของเด็กในประเทศเวียตนาม
โดยราคาค่าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษของ โกลบิช สำหรับบุคคลทั่วไปจะมีคอร์สระยะเวลา 6 เดือนราว 35,000 บาท และคอร์สเด็กจะอยู่ที่ราว 28,000 บาทต่อ 4 เดือน ตกเดือนละ 6,100 บาท แต่หากเข้าใช้บริการแบบโรงเรียนจะมีค่าบริการเริ่มต้นเดือนละ 500 บาทต่อคน
สำหรับบริการด้าน B2C ของเราจะโดดเด่นด้าน การเรียนภาษาอังกฤษธุรกิจ เนื่องจากเราเน้นด้านการทำงานโดยเฉพาะ ผู้เรียนไม่ต้องมาเรียนแกรมม่าใหม่ แต่สามารถเรียนตามการใช้งานสถานการณ์จริงได้เลย เช่นหากต้องไปประชุมกับลูกน้องจะใช้ภาษาอังกฤษแบบไหน ต้องไปประชุมกับหัวหน้าต้องใช้ภาษาอังกฤษแบบไหน เรามีสอนหมดเลย ซึ่งจะแตกต่างจากสถาบันอื่นที่ส่วนใหญ่เรียนเริ่มที่ Grammar แล้วไปเรียน vercabulary แล้วถึงไปฝึกพูด แต่ของเราจะเรียนเน้นที่การฝึกพูดเลย แล้วค่อยเอา Grammar และ vercabulary เป็นส่วนเสริม เพื่อให้เราสามารถสามารถพูดได้อย่างคล่องแคล่ว

ทั้งนี้หัวเว่ยได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และเหล่าพันธมิตร การแข่งขัน ‘Spark Ignite Thailand’ เปิดตัวการแข่งขัน ‘Spark-Ignite 2022’ เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพไทยได้เข้าร่วมโครงการ Huawei Spark Accelerator เพื่อผลักดันบริษัทของพวกเขาให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และขยายศักยภาพการเติบโตสู่ระดับสากล จนถึงปัจจุบัน โดยโครงการนี้สามารถเข้าถึงสตาร์ทอัพในประเทศไทยมากกว่า 1,700 ราย และงานประชุมสุดยอด Spark Founders Summit จะเป็นการรวมตัวของผู้เล่นสำคัญในอีโคซิสเต็ม เชื่อมโยงเจ้าของกิจการ ผู้กำหนดนโยบาย องค์กร และนักลงทุนเข้าด้วยกัน เพื่อหารือเกี่ยวกับอนาคตด้านดิจิทัลของทวีปเอเชีย เกี่ยวกับไอเดียจากผู้นำทางความคิดและแนวปฏิบัติเพื่อความสำเร็จรวมทั้งจัดแสดงผลิตภัณฑ์และสตาร์ทอัพที่โดดเด่นอีกด้วย
และในปีนี้ สตาร์ทอัพจำนวน 8 ราย ได้รับคัดเลือกจากประเทศไทยให้ร่วมนำเสนอข้อมูลบริษัทและผลิตภัณฑ์ระหว่างการแข่งขัน รอบชิงชนะเลิศ Spark Ignite Thailand Finals เมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2565 โดยคุณภาพของผู้สมัครเข้าแข่งขันชี้ให้เห็นถึงความรุดหน้าของธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศไทย ผู้เข้าแข่งขัน 8 ทีมสุดท้ายจะได้รับคำปรึกษาทางธุรกิจแบบตัวต่อตัวกับผู้บริหารระดับสูงของหัวเว่ย โดยผู้ชนะรางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ บริษัท โกลบิช อคาเดเมีย (ไทยแลนด์) จำกัด จะได้รับเครดิตคลาวด์ 125,000 เหรียญสหรัฐ หรือกว่า 4 ล้านบาท และได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงเทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญ และพันธมิตรทางการตลาดของหัวเว่ย ทีมรองชนะเลิศอันดับที่ 2 และ 3 ตลอดจนทีมอันดับที่ 4 และ 5 และอันดับที่ 6-10 จะได้รับรางวัลเป็นเครดิตคลาวด์ 80,000 เหรียญสหรัฐ 20,000 เหรียญสหรัฐ และ 5,000 เหรียญสหรัฐ ตามลำดับ เพื่อสนับสนุนธุรกิจให้พวกเขาสามารถเติบโตทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ผู้ร่วมแข่งขันทุกทีมจะได้รับโอกาสในการเข้าร่วมโครงการ Huawei Spark ระดับ ‘Accelerate’ Tier หรือระดับ ‘Incubate’ Tier รวมถึงโครงการ Huawei Spark Fire, และโครงการ Spark Go China