เอปสัน เผยผลประกอบการปี 2565 เติบโต 10% ต่อเนื่องเป็นที่ 2 พร้อมลุยตั้งเป้าหมายการเติบโต10% เป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง ชูกลยุทธ์สำคัญ NEW5 แบ่งเป็น New S-Curve, New Target, New Business Model, New Experience และ New Service สอดรับการทำงานรูปแบบใหม่ และการรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธรรมชาติมากขึ้น

• – เอปสัน ประกาศวิสัยทัศน์ ยึดความยั่งยืน สร้างอนาคตทางธุรกิจ
• – เอปสันลุยตลาดฟื้น เปิดตัวเลเซอร์โปรเจคเตอร์สว่างสูงเล็กสุดในโลก

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  ที่ผ่านมามีสถานะการณ์ที่ไม่แน่นอนของทั่วโลก รวมทั้งผลกระทบที่เข้ามาในเมืองไทย แต่เราก็ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องกว่า 10% จาก 2 ปีที่ผ่านมา และปี 2566 ตั้งเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3ด้วยกลยุทธ์ NEW5 โดยแบ่งออกเป็น

New S-Curve โดยจะมีการพัฒนาและนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ทั้ง Heat Free Technology เทคโนโลยีลดการใช้พลังงานกว่า 85% พร้อมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 85% และลดการเปลี่ยนอะไหล่ได้กว่า 59% โดยมีเป้าหมายที่จะเข้ามาทดแทนการใช้งานเครื่องเลเซอร์ และประกาศงดขายเครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์ในภูมิภาคภายในสิ้นปีนี้ แต่ยังคงให้บริการหลังการขาย 7 ปี และมีการสำรองอะไหล่ทดแทน 5 ปี ขณะที่ในประเทศอื่น ๆ จะเริ่มยุติการขายได้ภายในปี 2567

โดยเอปสันมองว่า Inkjet มีการพัฒนาที่ดีกว่า ทดแทนการทำงานของเลเซอร์ ที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งเรื่องของการประหยัดพลังงาน ต้นทุนการพิมพ์ที่ประหยัดกว่า และรวมถึงความร้อนที่เกิดขึ้น

และ เทคโนโลยี 3LCD Laser Light source Technology ที่ให้คุณภาพสีสมจริงมากขึ้น จากการใช้ 3LCD มาผสานการทำงานร่วมกัน และยังช่วยเสริมให้อายุของหลอดส่องสว่างให้มีอายุที่ยืนยาวมากขึ้นกว่า 20,000 ชั่วโมง แต่เกิดความร้อนที่น้อยลง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

New Target โดยเอปสันจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ ๆ ที่มีความทันสมัย และสอดรับกับการรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อเข้าไปทดแทนเครื่องเดิม ๆ มากขึ้น

New Business Model เอปสันจะมีการออกตัวผลิคภัณฑ์ที่มีการรองรับรูปแบบการทำงานใหม่ ๆ โดยจะมีการเปิดตัวโซลูชั่น Epson iPrint Anywhere รองรับการทำงานได้จากทุกที่ผ่านระบบเครือข่าย สามารถสั่งพิมพ์งานได้อย่างสะดวก ซึ่งสามารถสร้างเป็นรูปแบบธุรกิจใหม่ในการสร้างระบบสมาชิกด้านการพิมพ์โดยเฉพาะ

ทั้งนี้การพัฒนาระบบมีการทำงานร่วมกับสำนักงานใหญ่ และพาร์ทเนอร์ เพื่อสร้างระบบการพิมพ์และระบบการชำระเงิน โดยเริ่มต้นที่สิงคโปร์เป็นที่แรก แล้วประเทศไทยกำลังเตรียมการ เริ่มต้นจากสถานบริการภายในมหาวิทยาลัย ตอบโจทย์การใช้งานแบบไม่จำกัดสถานที่ซึ่งมีราคาที่สูงกว่าการพิมพ์จำนวนมากของร้านถ่ายเอกสารภายในมหาวิทยาลัย ปัจจุบันยังอยู่ในช่วงการศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่

New Experience โดยครึ่งปีหลังราวเดือนตุลาคม 2566 จะมีการเปิดโชว์รูม Solution Center แห่งใหม่ขนาด 600 ตรม. ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งจะมีการโชว์นวัตกรรมด้านการพิมพ์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ มีการตกแต่งให้สอดคล้องกับความเป็นไทย และเป็นธรรมชาติ รวมถึงการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

New Service นอกจากการบริการแล้ว ยังมีการดูแลก่อนการขายที่ดูแลเฉพาะโซลูชั่นและพัฒนาร่วมกับลูกค้าโดยฉพาะ รวมทั้งการใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มเข้ามาช่วยมากขึ้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาและดูแลลูกค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มคู่ค้ากลุ่ม B2B เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่มี 122 ศูนย์บริการ จะเพิ่มให้ได้เป็น 130 ศูนย์บริการ เพื่อสนับสนุนคู่ค้าให้ได้อย่างเติมที่มากขึ้น

ในปี 2566 จะมุ่งเน้นที่การสร้างความแตกต่างด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุด และพัฒนาการบริการให้ครอบคลุมและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที และสุดท้ายเป็นการมีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืน สะท้อนการรักษ์โลกในทุก ๆ ผลิตภัณฑ์และบริการ

ด้านนายคณิน ธรรมภิบาลอุดม หัวหน้าฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดบริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงปีที่ผ่านมาเครื่องพิมพ์ Inkjet Industrial มีการเติบโตกว่า 170% ด้วยความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของการเปลี่ยนเทคโนโลยีใหม่ ขณะที่ Home Projector มีการเติบโตกว่า 64% จากพฤติกรรมการดูหนังที่บ้าน และมหกรรมกีฬาที่ผ่านมา อีกทั้งส่วนของ High Brightness Projector คุณภาพสูง ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม เพื่อรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว ทำให้เติบโตขึ้นกว่า 43%

นอกจากนี้เครื่องพิมพ์ Textile ซึ่งมีการเปิดตัวและพร้อมเจาะเข้าตลาดใหม่ในช่วงปีที่ผ่านมา ก็มีการเติบโตกว่า 52% จากการกลับมาของกิจกรรมกลางแจ้ง ทำให้เกิดความต้องการใช้งานมากขึ้น อีกทั้งเครื่อง Minilab ที่มีการเปิดตัวใหม่เมื่อปีที่ผ่านมา ก็ทำให้มีการเติบโตกว่า 29% และสุดท้ายกลุ่ม Inkjet Copier ที่เติบโตกว่า 23%  หลังมีการเปิดตัวรุ่นใหม่เมื่อปีที่ผ่านมาเช่นกัน เพื่อมารองรับการกลับมาของการทำงานออฟฟิศที่เริ่มฟื้นตัว

โดยช่วงที่ผ่านมา เอปสันมีการจัดกิจกรรมการเปิดตัว เครื่อง Projector High Brightness รุ่น EB-PU2200ที่มีคุณภาพสูง แต่สามารถประหยัดพลังงานได้กว่า 30% อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรมเปิดตัวเครื่องDigital Textile พร้อมกิจกรรมที่สะท้อนการทำงานอย่างยั่งยืน

ขณะที่แนวโน้มเครื่องพิมพ์ที่พิมพ์งานได้อย่างเดียว เริ่มมีจำนวนที่ลดลงจาก 787,000 เครื่องในปี 2564 ลดลงเหลือเพียง 717,000 เครื่อง ในปี 2565(Y22) โดยมีมูลค่าลดลง 2,985 ล้านบาท เป็น 2,838ล้านบาท คิดเป็นการลดลงราว 5% เชื่อว่าตลาด B2B เริ่มมีอนาคตที่ไม่สดใส ซึ่งทำให้ทิศทางของเอปสันในอนาคตจะมุ่งเน้นที่ตลาด B2C มากขึ้น ขณะที่อนาคตของเครื่อง Inkjet มีแนวโน้มที่จะเข้ามาแทนที่ตลาดเครื่องเลเซอร์อย่างแน่นอน