หัวเว่ย, มูลนิธิอาเซียน, และองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่
- – AIS จับมือ สช. ขยายผล หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ กว่า 4,000 โรงเรียน
- – Duolingo จัดงาน Duocon 2023 เผยพรีวิวตัวอย่างรายวิชาใหม่ ๆ ในอนาคต
โครงการ Seeds for the Future ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2551 โดยมีเป้าหมายเพื่อบ่มเพาะผู้มีศักยภาพด้านไอซีทีในประเทศไทย และมอบโอกาสด้านการเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีขั้นสูง สัมผัสความหลากหลายด้านวัฒนธรรม และต่อยอดด้วยการขยายครอบคลุมถึง 137 ประเทศในหลายประเทศและภูมิภาค โดยในโครงการ Seeds for the Future 2023 บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัดได้เฟ้นหานักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในสาขาเทคโนโลยีสื่อสารและวิศวกรรมไฟฟ้า
ตลอดจนคณะด้านภาษาและการบริหารธุรกิจ เพื่อบ่มเพาะผู้มีศักยภาพด้านไอซีทีที่มีทักษะรอบด้านสำหรับรองรับอนาคต นอกจากนี้ หัวเว่ย ประเทศไทย ยังผลักดันและสนับสนุนนักศึกษาที่สนใจฝึกงานหรือร่วมงานกับหัวเว่ยในอนาคต รวมถึงดำเนินโครงการอบรมพัฒนาผู้มีความสามารถด้านไอซีทีอีกมากมายตลอดทั้งปี ซึ่งรวมถึงโครงการ ICT Cloud Developer โดยปัจจุบัน หัวเว่ยได้จัดหลักสูตรฝึกอบรมให้กับบุคลากรด้านดิจิทัลไปแล้วกว่า 70,000 รายในประเทศไทย และวางแผนที่จะฝึกอบรมนักพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านคลาวด์เพิ่มเติมอีก 20,000 ราย มุ่งหนุนศักยภาพบุคลากรเพื่อเป็นแรงผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลของเอเชียแปซิฟิกในอนาคต
นายไซมอน หลิน ประธานกรรมการบริหาร ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หัวเว่ย ได้เน้นย้ำถึงแนวคิดของการประชุมสุดยอดในครั้งนี้ว่า “ปีนี้ นับเป็นปีที่สามที่หัวเว่ยได้ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน Asia Pacific Seeds for the Future Summit และทุกปีเราจะเห็นพัฒนาการและการเติบโตของโครงการ ทั้งยังมีเครือข่ายพาร์ทเนอร์ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น แต่สามสิ่งหลักที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปคือ ความร่วมมือ ความมุ่งมั่น และการร่วมผลักดันศักยภาพเยาวชน”
การประชุมสุดยอดครั้งนี้เปิดฉากด้วยขบวนพาเหรดหลากหลายวัฒนธรรม โดยมีตัวแทนจาก 19 ประเทศสวมชุดประจำชาติเข้าทักทายผู้ร่วมงาน และนำเสนอจุดเด่นของวัฒนธรรมประจำชาติอย่างภาคภูมิใจ ระหว่างพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ นายเกา กิม ฮวน เลขาธิการสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้กล่าวว่า “ผมสนับสนุนโครงการที่ริเริ่มโดยภาคเอกชนที่มีวิสัยทัศน์ในการดึงดูดและมุ่งบ่มเพาะบุคลากรผู้ที่มีความสามารถด้านดิจิทัล เช่นโครงการ Seeds for the Future ผมหวังว่าโครงการนี้จะมอบโอกาสเติบโตแก่เยาวชน และให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้หญิง ผู้ทุพพลภาพ และผู้อาศัยในพื้นที่ห่างไกล เพื่อสร้างสังคมแห่งการมีส่วนร่วมและกลมกลืนกันอย่างสมดุล”
นาง หู ยาน ชี เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำอาเซียน กล่าวชื่นชมว่า “โครงการนี้ไม่เพียงแต่ปลูกฝัง ‘เมล็ดพันธุ์’ แห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของนานาประเทศในภูมิภาคอาเซียน แต่ยังสร้างแรงผลักดันในการยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศจีนและอาเซียนอีกด้วย” นอกจากนี้ นายแอม เฮง สาริธ ผู้แทนแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาประจำภูมิภาคอาเซียน และประธานคณะกรรมการมูลนิธิอาเซียน ยังได้แสดงความขอบคุณต่อหัวเว่ยสำหรับความร่วมมือกับมูลนิธิอาเซียน ในการผลักดันเวทีเสริมศักยภาพเยาวชนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อต่อยอดพัฒนาทักษะดิจิทัลและขยายเครือข่ายของเหล่าเยาวชนมากความสามารถในระดับนานาชาติ
ดร. กฤษฎ์ชัย สมสมาน ผู้อำนวยการศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษา (STEM Education) ขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการบ่มเพาะบุคลากรผู้มีทักษะดิจิทัลว่า “ในภูมิทัศน์ดิจิทัลที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด การพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลจึงมีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคย และจะเป็นกุญแจสำคัญในการเร่งการเติบโต เพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัว รวมถึงเพิ่มอำนาจต่อรองในการพลิกโฉมอุตสาหกรรม เศรษฐกิจและสังคม โดยหัวใจสำคัญของโครงการ Seeds for the Future ออกแบบมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและบ่มเพาะผู้นำรุ่นใหม่ต่อไป”
ในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ หัวเว่ยและสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union – ITU) ประกาศความร่วมมือที่มุ่งเน้นความร่วมมือทางดิจิทัล 6 ประการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงนโยบายและหลักปฏิบัติด้านไอซีที, ความร่วมมือด้านการวิจัย, โครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุม, การเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัล, การเสริมศักยภาพเยาวชนและเด็กผู้หญิง และการแบ่งปันความรู้ด้านดิจิทัล
งานประชุมสุดยอดครั้งนี้ปิ
ก่อนการประชุมครั้งนี้ เหล่านักศึกษาทั้ง 91 คนยังได้เข้าศึกษาดูงานที่บริษัทหัวเว่ย ในเมืองเซินเจิ้นและตงกวนสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งได้สัมผัสประสบการณ์และเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกอันเป็นเอกลักษณ์ในด้านต่าง ๆ เช่น ทฤษฎีข้อมูล, พลังงานดิจิทัล, เทคโนโลยียานยนต์, และความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยหัวเว่ยได้ร่วมกับมูลนิธิอาเซียนและ ITU เพื่อคัดเลือกกลุ่มนักศึกษาระดับหัวกะทิจากหลายประเทศ ได้แก่เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น บังกลาเทศ,เนปาล, ศรีลังกา, มัลดีฟส์, ฟิจิ, และหมู่เกาะโซโลมอน
ในก้าวต่อไป หัวเว่ย ประเทศไทย จะร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES), กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI), และกระทรวงแรงงาน ตลอดจนมหาวิทยาลัยและพันธมิตรชั้นนำหลายแห่ง เพื่อจัดงาน Talent Summit ในประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายนนี้ นับเป็นโอกาสสำคัญสำหรับหัวเว่ยและหน่วยงานภาครัฐในการผสานความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการศึกษาและขยายโอกาสการจ้างงานสำหรับบัณฑิตใหม่ สอดคล้องกับพันธกิจของหัวเว่ยในการสร้างคุณค่าใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุคดิจิทัล ที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างครอบคลุม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในอนาคตต่อไป