มาเซราติ เผยทิศทางการทำตลาดในไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ลุยเป้าหมายปี 2567 เติบโต 50% เร่งขยับฐานลูกค้าครอบคลุมกลุ่มเศรษฐีอายุน้อย สอดรับแนวคิดการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ผสานความทันสมัยของเทคโนโลยีช่วยขับล่าสุด พร้อมเปิดตัว มาเซราติ เกรคาเล่ โฟลกอเร (Maserati Grecale Folgore) ลักชัวรีเอสยูวีไฟฟ้า 100% รุ่นแรก ชูจุดแข็งความเป็นแบรนด์รถหรูสัญชาติอิตาลีแบรนด์แรกที่ผลิตยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า100%
- – เอ็กซ์เผิง ประเทศไทย จัดแสดงเทคโนโลยีเปิดโลกทัศน์ใหม่ด้วยยานยนต์ไฟฟ้าหลายรูปแบบ ที่งาน มอเตอร์โชว์ 2024
- – วินฟาสต์ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย เผยโฉมรถยนต์ไฟฟ้า 7 รุ่น พร้อมรถกระบะไฟฟ้าต้นแบบ ในงานมอเตอร์โชว์ 2024
แฮมดี แอลฌองตูรี Head of Maserati Overseas Regions กล่าวว่า แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะเป็นช่วงของโควิดก็ตาม แต่ยอดขายของแบรนด์ก็ไม่ได้ลดลง โดยในปี 2022 เข้าสู่ปี 2023 กลับมียอดขายเติบโตมากขึ้นถึง 50% และในปัจจุบันยอดขายก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา
โดยในในปัจจุบัน ค่ายตรีศูลมียนตรกรรมระบบพลังงานไฟฟ้า 100% จำนวนสองรุ่น ได้แก่ มาเซราติ กรันทูริสโม โฟลกอเร (Maserati GranTurismo Folgore) และ มาเซราติ เกรคาเล่ โฟลกอเร (Maserati Grecale Folgore) ที่เปิดตัวในงาน มอเตอร์โชว์ 2024 ครั้งนี้
นอกจากนี้ในปี 2025 ยนตรกรรมของมาเซราติในทุกรุ่นที่ผลิตไปแล้วก่อนหน้า จะมีรุ่น โฟลกอเร ซึ่งเป็นระบบพลังงานไฟฟ้าให้เลือก และในปี 2028 ยนตรกรรมของมาเซราติทุกรุ่นที่ผลิตใหม่จะเป็นระบบพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด โดยจะยกเลิกการผลิตเครื่องยนต์ระบบสันดาปทั้งหมด เพื่อสอดรับแนวทางการรักษ์โลก
ในด้านของการขายนั้น Business Unit ณ ตอนนี้ แบ่งเขตการขายออกเป็นภูมิภาค แบ่งเป็น สหรัฐฯ และแคนาดา, ยุโรป, จีน, เกาหลีและญี่ปุ่น, ตลาดต่างประเทศ ซึ่งการแบ่งเขตภูมิภาคนี้จะช่วยให้มาเซราติสามารถรักษามาตรฐาน และความมุ่งมั่นในการสื่อสารแบรนด์ให้ไปในทิศทางเดียวกันได้ในทุกภูมิภาค
ผู้ซื้อรถหรู มีอายุน้อยลง
ปิยะเทพ ศิวากาศ Director of Operations มาเซราติ ประเทศไทย เปิดเผยว่ามาเซราติ ประเทศไทย นับว่าเป็นตลาดสำคัญของมาเซราติ ด้วยกำลังซื้อยนตรกรรมของแบรนด์ค่อนข้างสูง และมีผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ซึ่งในปัจจุบันกลุ่มผู้ซื้อยนตรกรรมของมาเซราติมีอายุน้อยลง และส่วนมากมักเป็นเจ้าของธุรกิจ
และแม้ว่ารัฐบาลไทยจะมีการลดหย่อนภาษีสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% แต่ค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ยังไม่ได้มีการปรับลดลงทำให้ราคาของ มาเซราติ ยังจะไม่ได้ประโยชน์จากมาตรการทางภาษีมากนัก เนื่องจากมาเซราติยังยืนยันในพันธกิจที่จะผลิตทุกชิ้นส่วนของรถทุกคันในอิตาลี เพื่อรักษามาตรฐานให้ยังคงระดับมาตรฐานของแบรนด์ให้เท่ากันทั่วโลก
ซึ่งต้องยอมรับว่า มาเซราติ ไม่ได้แข่งกับ mass market แต่จะมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์การสร้างสรรค์ประสบการณ์การขับขี่ ดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร และถึงแม้ว่ายนตรกรรมจะเป็นระบบพลังงานไฟฟ้า ก็ไม่ได้ลดทอนสมรรถนะและประสิทธิภาพในการขับขี่ ผู้ใช้งานจะไม่รู้สึกแตกต่าง เมื่อเทียบกับการขับขี่ยนตรกรรมของมาเซราติที่เป็นเครื่องยนต์สันดาป ทั้งในมุมของความรู้สึกของการขับขี่และการรับรู้ของเสียงเครื่องยนต์ที่ได้รับเช่นเดิม
แฮมดี แอลฌองตูรี กล่าวเสริมว่า ในด้านความท้าทาย มาเซราติ ไม่ได้มองว่าการมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในตลาดเป็นความท้าทาย แต่กลับกัน มาเซราติเลือกจะเดินตามกลยุทธ์ของตัวเอง สิ่งที่รักษาเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้ดีคือตัวแบรนด์อันแข็งแกร่ง มาเซราติเน้นความเป็นอิตาลี 100% และความเป็นลักชัวรีตามคอนเซ็ปต์ของแบรนด์
มาเซราติ เกรคาเล่ โฟลกอเร (Maserati Grecale Folgore)
มาเซราติ เกรคาเล่ โฟลกอเร (Maserati Grecale Folgore) เป็นรถอเนกประสงค์เอสยูวีระบบไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของมาเซราติ แบรนด์สัญชาติอิตาลีแบรนด์แรกที่ผลิตยนตรกรรมระดับลักชัวรีในระบบพลังงานไฟฟ้า 100% ให้ทั้งประสบการณ์การขับขี่ตามคอนเซ็ปต “everyday exceptional” และความประทับใจสำหรับลูกค้าที่สนุกกับการขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแต่ไม่ต้องการสมรรถนะระดับเทพในตำนานของมาเซราติ
ด้วยจุดเด่นนี้ รถยนต์ในตระกูลเกรคาเล่ จึงมีความหลากหลายครบเครื่องมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือระบบไฮบริด และระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และในเวอร์ชั่นขับเคลื่อนระบบไฟฟ้า 100% นี้ ใช้ชื่อว่า โฟลกอเร ซึ่งจะเป็นชื่อที่บ่งบอกว่าอยู่ในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) อันเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้พลังงานแบบใหม่ของมาเซราติ
นอกจากจะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ผสานระหว่างความสปอร์ตกับความหรูหราได้อย่างลงตัว มาเซราติ เกรคาเล่ ยังมาพร้อมนวัตกรรม อรรถประโยชน์ใช้สอย ความหรูหรา และสมรรถนะเหนือระดับ รถเอสยูวีของมาเซราติถือได้ว่าเป็นหนึ่งในด้านความกว้างขวาง นั่งสบาย เมื่อครั้งเปิดตัวลงตลาด ยนตรกรรมรุ่นนี้ก็ได้เปิดเซ็กเมนต์ใหม่ให้กับค่ายตรีศูล ในปัจจุบัน รุ่นโฟลกอเร ได้สร้างมิติใหม่ด้วยการก้าวเข้าสู่เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า
มาเซราติ เกรคาเล่ โฟลกอเร ลงตลาดในเวลา 1 ปีหลังจากการเปิดตัวรุ่นไฮบริดและรุ่นขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน โดยมีดีไซน์ ใหม่หมดจด แต่ยังมีการพัฒนาและผลิตในประเทศอิตาลีเช่นเดิม และติดตั้งแบตเตอรี่ความจุ 105 kWh ที่ใช้เทคโนโลยี 400V รับประกันได้ถึงสมรรถนะสูงตามมาตรฐานมาเซราติ และด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 100% ให้แรงบิดสูงสุด 820 นิวตันเมตร พลังสูง 410 กิโลวัตต์และยังคงทำความเร็วได้สูงถึง 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ มาเซราติ เกรคาเล่ โฟลกอเร ยังโดดเด่นสะดุดทุกสายตากับตัวถังสีพิเศษ สีทองแดง Rame Folgore อันเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของค่ายตรีศูล ซึ่งมาจากแนวคิดหลักที่เป็นรากฐานในการพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนระบบไฟฟ้าของ มาเซราติ คือ หลักการเมตามอร์โฟซิส
สี Rame Folgore เป็นผลมาจากการทำวิจัยอย่างเข้มข้นเพื่อค้นหาว่าสีมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแสง ซึ่งมีพัฒนาการเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตที่มีปฏิกิริยาต่อสิ่งแวดล้อมตลอดเวลา
แรงบันดาลใจในการพัฒนานี้ มาจากสถาปัตยกรรมร่วมสมัย โดยเฉพาะผนังด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ (Guggenheim) ในเมืองบิลเบา ประเทศสเปน ที่เมื่ออยู่ในแสงแดดจะสะท้อนเป็นสีทองแดงอบอุ่น แต่เมื่อแดดร่มผนังจะสะท้อนเป็นสีเทาอมฟ้าโทนเย็น การเปลี่ยนเฉดสีนี้เป็นผลมาจากการใช้เม็ดสีที่เป็นสีเลื่อมรุ้ง
คอนเซ็ปต์ของเมตามอร์โฟซิสด้านความงดงามนี้ยังเห็นได้จากการใช้นวัตกรรมด้านวัสดุ เช่น ECONYL® ซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่มีความสวยงามเป็นพิเศษ โดยทำมาจากเศษไนลอน เช่น เศษแห และเศษอวนที่เก็บจากมหาสมุทร หรือการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เศษผ้าจากโรงทอผ้าหรือพรมที่กำลังจะถูกทิ้ง แบรนด์ได้นำเศษวัสดุเหล่านี้มาผลิตเป็นเส้นใยไนลอนสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่นและการตกแต่งภายใน
วัสดุพิเศษเหล่านี้ มีพื้นผิวทึบแสงสูงเหมือนที่ใช้ทำบอดี้สูท ถูกนำมาผสานกับกระบวนการผลิตด้วยเลเซอร์ประกอบกับการออกแบบแบบพาราเมตริก ดีไซน์ (Parametric Design) หรือรูปทรงอิสระที่สะท้อนความลื่นไหลได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังได้ แรงบันดาลใจจากความเคลื่อนไหวของนักบัลเลต์ที่ถูกถ่ายทอดผ่านภาพถ่ายซึ่งสะท้อนถึง “การเคลื่อนไหวที่ควบคุมได้ดังใจ” ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่เป็นอมตะ
ทางด้านหน้าของยนตรกรรมรุ่นนี้ ยังคงมี “ความโดดเด่นเป็นพิเศษด้วยดีไซน์” จากกระจังหน้ารูปสามเหลี่ยมหงายที่ช่วยระบายความร้อน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นมากสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนระบบไฟฟ้า ซึ่งการดีไซน์ด้านหน้าของโฟลกอเรนี้ ได้รับ แรงบันดาลใจมาจากรุ่นโทรฟิโอ (Trofeo) รูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นอมตะทำให้รถยนต์รุ่นนี้มีความโดดเด่นเป็นที่จดจำและทันสมัย ดีไซน์ถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์ในทุกมิติ รวมทั้งดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังที่ออกแบบใหม่ ช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้านค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านของอากาศ (Drag coefficient – Cx) ที่ดีเยี่ยมอีกด้วย
สำหรับรูปโฉมภายนอก มาเซราติ เกรคาเล่ โฟลกอเร ติดตั้งล้อทรงแอร์โร (Aero wheels) ขนาด 19 นิ้ว 20นิ้ว หรือ 21 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับแต่ละตลาด) ซึ่งถูกออกแบบมาตามหลักอากาศพลศาสตร์สูงสุด และได้รับแรงบันดาลใจมาจากทรงของสัญลักษณ์ ตรีศูลของมาเซราติ
กระจังหน้าดีไซน์พิเศษของโฟลกอเรตกแต่งด้วยสีดำมันบนพื้นอะโนไดซ์ (Anodised silk) และใช้สีดำนี้ในส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ช่องชาร์จไฟ มือจับประตู ไฟ DLO และสเกิร์ตข้างตกแต่งด้วยสีดำมัน ตราสัญลักษณ์และคาลิเปอร์เบรกเป็นสีทองแดง ขณะที่ช่องระบายอากาศด้านข้างมีไฟส่องสว่างเพิ่มความหรูสง่างาม
ภายในห้องโดยสาร มาเซราติ เกรคาเล่ โฟลกอเร โดดเด่นด้วยสัญลักษณ์ปั๊มนูนบนหน้าแดชบอร์ด การตกแต่งด้วย กรอบคาร์บอนคอปเปอร์แบบ 3 มิติ และแสงไฟ ambient light เบาะที่นั่งสไตล์สปอร์ตปรับระบบไฟฟ้าปรับได้ 14 ทิศทางบุด้วยวัสดุ ECONLY® สีดำ/น้ำตาลแดงที่ผลิตขึ้นอย่างประณีตด้วยนวัตกรรมเทคนิคเลเซอร์ ช่วยเพิ่มการระบายอากาศหรือเพิ่มความอุ่น (สำหรับประเทศที่มีภูมิอากาศหนาว) นอกจากนี้ นวัตกรรมเส้นใยรีไซเคิลที่นำมาใช้ในการผลิตแผงบุเพดานรถและพรมยังมีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
เทคโนโลยีอยู่ในชื่อของระบบความบันเทิงในรถ จะช่วยสร้างความสุนทรีย์และสมรรถนะด้านดิจิทัลที่เหนือระดับให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร การใช้งานระบบดิจิทัลถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นจอตรงกลางขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วแบบทัชสกรีน (เชื่อมต่อได้ 100%) และจอขนาด 8.8 นิ้วที่ออกแบบมาให้เหมาะกับสรีระผู้ใช้ ถูกติดตั้งไว้ในตำแหน่งที่ใช้งานและควบคุมได้ง่าย
มาเซราติ เกรคาเล่ โฟลกอเร มีระบบควบคุมอุณหภูมิที่ใช้งานง่ายและรวดเร็ว ระบบควบคุมใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อมาเซราติโดยเฉพาะ ช่วยให้ปรับอุณหภูมิและความแรงของพัดลมได้ทันที โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนน
นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ในไม่กี่วินาทีเพื่อให้ใช้งาน Apple CarPlay, Android Auto และ Baidu CarLife ได้อย่างรวดเร็ว ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ถึง 2 เครื่อง และสำหรับลูกค้าในประเทศจีน มาเซราติ เกรคาเล่ โฟลกอเร ยังสามารถรองรับการใช้งาน WeChat ซึ่งเป็นซูเปอร์แอปของจีนและมีฟังก์ชั่นการใช้งานหลัก 4 แบบ ได้อย่างสะดวกสบาย
ค็อกพิท 12.3 นิ้วในรถรุ่นนี้ ถือว่าเป็นมาตรฐานใหม่ในตลาด ด้วยการแสดงผลเป็นกราฟิกที่ดูสวยงาม ติดตั้งและใช้งานได้ง่าย จอแสดงผลบนกระจกหน้าช่วยลดการรบกวนสายตาของผู้ขับขี่ โดยแสดงข้อมูลเช่นความเร็ว แผนที่ทิศทางไว้บนกระจกกันลมด้านหน้า ส่วนนาฬิกาดิจิทัลใช้ระบบสั่งการด้วยเสียงเพื่อปรับอุณหภูมิ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสาร ระบบนำทาง และจัดการกับสายเรียกเข้าต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (MIA – Maserati Intelligent Assistant) ถูกปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับ มาเซราติ เกรคาเล่ โฟลกอเร เพื่อสร้างประสบการณ์ในการใช้งานที่น่าประทับใจ และสร้างกราฟิกที่โดดเด่นอีกด้วย นอกจากนี้ โฟลกอเรทุกรุ่นยังติดตั้งระบบช่วงล่างแบบถุงลมอีกด้วย
เพื่อสร้างประสบการณ์เหนือระดับในการขับขี่ที่เร้าใจ และเปิดให้ผู้ขับขี่ปรับแต่งรถได้ตามต้องการ ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า 100% มาเซราติ เกรคาเล่ โฟลกอเร มีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 4 แบบ ได้แก่ MAX RANGE, GT, SPORT และ OFFROAD ด้วยการกดเปลี่ยนที่ตัวเลือกโหมดการขับขี่สีดำบนพวงมาลัยหุ้มหนัง ปุ่มสตาร์ทสีฟ้าที่สื่อถึงสปิริตแห่งนักแข่งของ มาเซราติ เกรคาเล่ โฟลกอเร