ย้อนวันวานกลับไปสมัยที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดีย ใครหลายคนคงจะนึกถึงแนวดนตรีเพลงสุดคลาสสิค เทรนด์แฟชั่นและสไตล์การแต่งตัวสุดยูนีค และหากให้นึกถึงสินค้า – บริการก็คงจะมีที่อยู่ในใจและเป็นความผูกพันมาจนถึงทุกวันนี้ โดยหนึ่งในแบรนด์ที่เชื่อว่าตอบโจทย์ทั้งความเป็นที่หนึ่งในใจและเป็นตำนาน ต้องมีชื่อ “EMS” แบรนด์ส่งด่วนแรกของประเทศไทย ที่ให้บริการโดยพี่ไปรฯ ไปรษณีย์ไทย ซึ่งจนถึงปัจจุบัน EMS ไม่ได้เป็นแค่บริการส่งที่รวดเร็วทันใจ แต่เป็นตัวบ่งชี้ถึงมาตรฐานการส่งด่วนพิเศษที่ครองใจ Gen Baby Boomer จนถึง Gen Alpha แบบไม่เคยเปลี่ยนแปลง
- กำเนิด EMS ต้นแบบบริการส่งด่วนคู่ใจคนไทย
ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ. 2529 ไปรษณีย์ไทย ได้เปิดตัวบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ EMS หรือ “Express Mail Service” เป็นรายแรกของประเทศไทย จากดีมานด์ของประชาชนในยุคนั้นที่มีความคาดหวังต่อบริการ และปรารถนาให้สิ่งของที่ฝากส่งถูกลำเลียงไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็วที่สุด ตั้งแต่นั้นมาจึงทำให้ไปรษณีย์ไทยริเริ่มพัฒนาบริการส่งด่วน EMS ที่ครอบคลุมตั้งแต่การส่งจดหมายไปจนถึงพัสดุ และทำให้การเชื่อมต่อที่ไม่ว่าจะไกลกันแค่ไหนก็ไม่มีเงื่อนไขเรื่องระยะทาง รวมทั้งยังเริ่มมีพัฒนาการในการส่งของกิน ของใช้ ของฝาก เกิดการใช้ประโยชน์ในการทำการค้า เช่น แม่ค้าแค็ตตาล็อก ร้านค้า ต่อเนื่องมาจนถึงแม่ค้าออนไลน์ในทุกวันนี้ ซึ่ง EMS นอกจากจะการันตีความรวดเร็วแล้ว ยังมีวิวัฒนาการการประกันความปลอดภัย การเสริมฟีเจอร์ระบบติดตามสถานะสิ่งของหรือ “Track and Trace” ให้ทุกคนสามารถตรวจสอบสถานะหรือเช็คเลขพัสดุได้ตลอด 24 ชม. แบบเรียลไทม์ ประเภทสิ่งของที่สามารถฝากส่งได้หลากหลายขึ้น เช่น ต้นไม้ ผลไม้ ของใหญ่ และยังคงยืนหนึ่งต้นแบบบริการส่งด่วนที่การันตีความชัวร์มาจนถึงปัจจุบันนี้
- ชื่อแบรนด์ที่กลายเป็น “Generic Name” และคำเรียกติดปากของการส่งของ
ด้วยความที่ไปรษณีย์ไทยอยู่คู่คนไทยทุกเจนเนอเรชันมาอย่างยาวนานเป็นเวลากว่า 140 ปี
ความแข็งแกร่งของชื่อแบรนด์จึงได้กลายมาเป็นชื่อเรียกแทนประเภทสินค้า-บริการ ด้วยความคุ้นชินของผู้ใช้บริการ ซึ่งนอกจากคำพูดฮิตติดปากที่ผู้คนส่วนใหญ่มักเผลอพูดออกไปโดยไม่รู้ตัวอย่างการใช้คำว่า “ไปส่งไปรษณีย์” แทน “ไปส่งพัสดุ” แล้ว… EMS ยังถือเป็นอีกหนึ่ง “Generic Name” ที่บรรดาพ่อค้า-แม่ค้า มักจะเรียกขานกันอยู่บ่อย ๆ ไม่แพ้กัน จนกระทั่งคำว่า “ส่ง EMS” ได้ติดเป็นหนึ่งในคำคีย์เวิร์ดยอดฮิตของการทำการตลาดออนไลน์ ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคไม่น้อยเลยทีเดียว
- แบรนด์ที่สำเร็จได้ ด้วยความเชื่อมั่นจากลูกค้า
หลากหลายแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ มักจะเฟ้นหาวิธีการต่างๆ มามัดใจผู้บริโภคให้เกิด “Brand Love” หรือความผูกพันกับตราสินค้า เช่นเดียวกันกับไปรษณีย์ไทย ที่มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพบริการที่ตอบโจทย์คนไทยมาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัย จึงทำให้บริการ EMS ของไปรษณีย์ไทยยังคงเป็นที่จดจำในโลโก้อักษรภาษาอังกฤษ 3 ตัว กับฟ้อนต์สีน้ำเงินและแถบริ้วสีแสดที่สื่อความหมายแทนสัญลักษณ์ความรวดเร็ว ว่องไว และกระฉับกระเฉง ขณะที่กลยุทธ์การสื่อสารตลาดของ EMS จะเน้นเรื่องภาพและข้อความครีเอทีฟที่สร้างสรรค์มาจากไลฟ์สไตล์จริงด้านการส่งของผู้คน ผสานกับการเล่าเรื่องที่สนุกสนาน และชูดจุดแข็งที่เป็นฟังก์ชั่นจริงของบริการที่มีทั้งราคาและบริการที่จริงใจแบบไม่มีหมายเหตุ การไปถึงทุกที่ด้วยความรวดเร็ว รวมทั้งเครือข่ายที่มีอยู่ทั่วประเทศ
- ครองตลาด ครองใจผู้ใช้ทุกโมเมนต์
อักษร E ที่ขึ้นต้นชื่อแบรนด์ EMS อาจไม่ได้หมายถึง Express เพียงอย่างเดียว ถ้ามองในเชิงลึกยังแฝงด้วย Equity หรือคุณค่าของแบรนด์ที่เกิดขึ้นจากการรับรู้ การบอกต่อ และประสบการณ์ของผู้บริโภคในแบบที่เป็นรูปธรรมและจับต้องได้ จนทำให้วันนี้ผู้ใช้ EMS มีทัศนคติที่ดีต่อแบรนด์ตั้งแต่ในด้านความรวดเร็ว คุณภาพที่เกินราคา การตอบสนองโมเม้นต์ที่สำคัญของผู้ส่งและผู้รับ ไม่ว่าจะเป็นวันเกิด ช่วงเทศกาลวันครอบครัว การเติมเต็มความรู้สึกของคนไกลบ้าน ยิ่งถ้าพูดถึงในเชิงธุรกิจด้วยแล้วปัจจุบัน EMS ไม่ได้เป็นบริการที่ส่งเพียงพัสดุไซส์ ก ข ค ง หรือซองเอกสาร แต่ยังดูแลและพาต้นไม้ ปลาสวยงาม ของใหญ่ไซส์บิ๊ก โรลพาเลตผลไม้ไปถึงทุกปลายทาง
นอกจากนี้ จากความมุ่งมั่นยกระดับให้ EMS เป็นส่งด่วนที่ดีที่สุดในตลาดยังทำให้เสียง Request จากผู้รับบริการร้านค้าออนไลน์ ต่างเลือกให้ส่งของด้วย EMS ซึ่งทั้งหมดสะท้อนได้ถึงความคุ้มค่าในการใช้งานที่เกิดขึ้นจริง
เรียกว่าเกือบ 40 ปี ส่งด่วน EMS เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เติมเต็มและส่งต่อโมเมนต์ที่สำคัญให้กับคนไทยและถือบทพิสูจน์ของคำว่าเบอร์หนึ่งในใจที่อยู่มาอย่างยาวนานตัวจริง
ติดตามข่าวสารไปรษณีย์ไทยเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ : www.thailandpost.co.th