BYD ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก และ เรเว่ ออโตโมทีฟ ผู้นำด้านการจัดจำหน่ายและบริการรถยนต์ไฟฟ้า BYD ในประเทศไทย ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ โดย BYD จะเข้าถือหุ้น 20% ใน RÊVER AUTOMOTIVE การลงทุนเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ถือเป็นการเสริมแกร่งให้กับตลาดยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของไทย และส่งสัญญาณบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในวงกว้าง ขณะที่การลดราคาที่ผ่านมาจะมีการพิจารณามาตรกรเยียวยาภายในเดือนนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมที่สุด
- – รู้จัก BYD ผ่าน “หวัง ชวนฝู” สู่ผู้นำนวัตกรรมยานยนต์พลังงานใหม่
- – BYD เปิดโรงงานผลิตขนาด 1.5 แสนคัน ในไทยอย่างเป็นทางการ
ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการรวมจุดแข็งของทั้งสองบริษัท BYD มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก ขณะที่ RÊVER AUTOMOTIVE มีความเข้าใจตลาดและเครือข่ายการจัดจำหน่ายในประเทศไทย การผนึกกำลังนี้จะช่วยให้ BYD สามารถขยายตลาดในไทยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกัน RÊVER AUTOMOTIVE ก็จะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยของ BYD
นายหลิว เสวียเสี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขาย BYD AUTO เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “การร่วมลงทุนครั้งนี้เป็นการสานความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งระหว่าง BYD และ เรเว่ ออโตโมทีฟ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย และส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ”
BYD มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการเติบโตของรถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทย เพื่อแสดงความขอบคุณต่อผู้บริโภคชาวไทยที่ให้การยอมรับผลิตภัณฑ์ของเรา และเพื่อตอบสนองความคาดหวังของผ๔เบริโภค เราจึงตัดสินใจสร้างฐานการผลิตยานยนต์พลังงานใหม่แห่งแรกในต่างประเทศที่ประเทศไทยในฤดูใบไม้ผลิปี 2022 โดยใช้เวลาเพียง 16 เดือนในการสร้างฐานการผลิตในต่างประเทศแห่งนี้ ซึ่งถือว่ารวดเร็วมาก
โรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตรถยนต์ 150,000 คันต่อปี และที่พิเศษกว่านั้นคือ BYD ไม่เพียงแต่จะประกอบรถยนต์ที่นี่เท่านั้น แต่เรายังจะนำชิ้นส่วนหลักของ BYD มาผลิตในประเทศไทยด้วย ในเดือนกรกฎาคมนี้ รถยนต์รุ่น Dolphin จะเริ่มทยอยออกจากสายการผลิตที่โรงงานระยองแห่งนี้
โดยในอนาคต โรงงานแห่งนี้จะมีพนักงานเกือบ 10,000 คน และเราจะร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่างๆ ในประเทศไทยเพื่อฝึกอบรมบุคลากรด้านเทคนิคขั้นสูงสำหรับอุตสาหกรรมนี้ และ BYD จะใช้โรงงานในประเทศไทยเพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างรวดเร็วของรถยนต์พลังงานใหม่และเศรษฐกิจสีเขียวของไทย
ในส่วนของยอดขาย BYD ในประเทศไทย ขณะนี้เรามีรถยนต์ 3 รุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่ ATTO 3, Dolphin และ Seal ซึ่งมียอดขายรวม 50,000 คันในประเทศไทยจนถึงเดือนที่แล้ว ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากความพยายามของตัวแทนจำหน่ายของเราทั่วประเทศ ปัจจุบัน BYD มีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศไทย และคาดว่าจะขยายไปยัง 77 จังหวัดภายในสิ้นปีนี้
นายหลี่ เฉียน เลขานุการคณะกรรมการ BYD และผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการลงทุน BYD กล่าวเสริมว่า “BYD มั่นใจในศักยภาพของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย และพร้อมที่จะนำเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย”
ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า เสริมสร้างความเชื่อมั่น
ความร่วมมือนี้จะไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อการขยายตลาด EV เท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นด้วย ทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันพัฒนาบริการหลังการขาย และนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า
นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ RÊVER กล่าวว่า “จุดแข็งของทั้งสองบริษัทจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์แบบไร้รอยต่อและเหนือระดับที่ครอบคลุมทุกมิติให้กับลูกค้า ตั้งแต่การจัดจำหน่ายไปจนถึงบริการหลังการขาย เพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจระยะยาวของลูกค้า ควบคู่ไปกับการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในวงการยานยนต์ไฟฟ้า”
ผลักดันเศรษฐกิจไทยสู่ NEV Nation
การร่วมลงทุนครั้งนี้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่ต้องการผลักดันประเทศสู่การเป็น “NEV Nation” หรือประเทศที่ใช้ยานยนต์พลังงานใหม่เป็นหลัก ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ RÊVER กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงตอกย้ำความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น NEV Nation แต่ยังเชื่อมั่นว่าจะส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของชาติ และการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608”
“ข้อกังวลของการลดราคาที่เกิดขึ้น ตอนนี้มีการพิจารณากันอยู่ว่าจะมีมาตรการเยียวยาออกมาอย่างไร เนื่องจากมีช่วงระยะเวลาของผู้ซื้อที่หลากหลาย ซึ่งมาตรการเยียวที่ออกมาจะต้องพิจารณาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย คาดว่าภายในเดือนนี้จะได้ข้อสรุป”
นายประธานวงศ์ ยังได้กล่าวเสริมถึงความมุ่งมั่นของ เรเว่ ออโตโมทีฟ ในการทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่เข้าถึงได้สำหรับผู้บริโภคทุกกลุ่ม “เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอรถยนต์ในราคาที่เข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงราคาเพื่อให้เหมาะสมอยู่บ่อยครั้ง”
ด้วยนโยบาย One Price Policy ก็มีทั้งข้อดีแล้วก็ข้อเสียของมัน ข้อดีคือเป็นการให้เกียรติลูกค้ามากที่สุด เพราะว่า ณ เวลานั้นไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะซื้อได้ถูกกว่าหรือแพงกว่าใคร ในเวลาเดียวกัน ถามว่าคนอื่นเขาก็ลดการทำไมไม่โดน ต้องบอกว่า ด้วยนโยบาย One Price Policy การลดราคาของเราจึงต้องเป็นการลดกลางแจ้ง คำว่าลดกลางแจ้ง ก็คือเราต้องประกาศออกไปเลยว่าลดเท่าไหร่ มีโปรโมชั่นอะไร แล้วก็ดีลทั้งหมดอย่างเช่น เรเว่ แคร์ ซึ่งจะแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ เวลาเขาลดราคา เขาก็ใช้วิธีให้ส่วนลดไปที่ดีลเลอร์ แล้วก็ดีลเลอร์ก็ให้เซลล์ต่อรองราคากับลูกค้า ลูกค้าต้องวิ่งไปหลายที่ แต่ว่าสิ่งที่ไม่เหมือนเราก็คือเขาไม่ได้ออกมาประกาศลดราคากลางแจ้ง
ซึ่งเรื่องนี้เราก็เห็นว่า มันก็ส่งผลให้เกิดเป็นดราม่าออกมาอย่างที่รับรู้กัน ถามว่าเรารู้สึกเป็นยังไงเพราะว่ามันมีทั้งเสียงบวกเราก็เสียงลบ เราคิดว่า จริงๆแล้วเราแคร์ทั้งคู่ ทั้งเสียงบวกและเสียงลบ เรายินดีด้วยซ้ำว่า เรารู้ว่าลูกค้าเรารู้สึกยังไง ทำให้เราตกลงกันว่า เราจะมีการเยียวยา แต่ก็ต้องเป็นการเยียวยาที่เหมาะสม เรายืนยันว่าขอเวลาภายในเดือนนี้ในการพิจารณาตรงนี้ ก่อนที่จะแจ้งออกไป
ในส่วนของการกำหนดราคา ผมคิดว่าราคาเราก็เหมาะสมแล้วครับ เพราะว่าอย่างที่ได้เคยแจ้งไปว่าข้อมูลของเราไม่ได้นิ่งตลอดเวลา รถยนต์พอผลิตมานานต้นทุนทุกอย่างก็จะเคลื่อนไหว แล้วเราก็มีความสามารถมากขึ้นในการที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรา มันไปถึงมือคนมากขึ้น เราเชื่อว่าเราได้ตั้งราคาที่เหมาะสมสำหรับตลาด ณ เวลานั้นแล้ว แต่ผมคิดว่าสิ่งที่เราจะต้องเปลี่ยนไปคือเรื่องของความถี่ในการประกาศ ผมว่าอันนี้อาจจะเป็นคนละเรื่องกับราคานะครับ
เราก็ยังพยายามที่จะทำราคาให้ของเราสามารถแข่งขันได้เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของเราเข้าถึงลูกค้าให้มากที่สุด แต่ว่าเรื่องความถี่ในการประกาศลดราคา เป็นสิ่งที่เราจะต้องดูให้เหมาะสมมากขึ้น
“เชื่อว่าทุก ๆ ผู้ผลิต มีความพยายามทำราคาเช่นเดียวกับที่เราทำ แต่ก็จะมีเส้นอที่บางแบรนด์ไม่สามารภล้ำลงไปได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่ที่ความสามารถของบริษัทที่จะกำหนดเส้นนั้นได้ต่ำได้มากน้อยแค่ไหน ทำให้พูดได้ยากว่าวันนี้การแข่งขันด้านราคาได้มาถึงจุดต่ำสุดแล้วหรือยัง”
#BYD #REVERUTOMOTIVE #EV #ยานยนต์ไฟฟ้า #การลงทุน #เศรษฐกิจไทย #พลังงานสะอาด #ความยั่งยืน #ราคาเข้าถึงได้ #เรเว่ออโตโมทีฟ