กรุงเทพฯ – ในโอกาสครบรอบ 141 ปี ไปรษณีย์ไทย ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้เปิดเผยวิสัยทัศน์และแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสู่ความยั่งยืน โดยยึดหลัก ESG (Environmental,Social, and Governance) เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งให้บริการไปรษณีย์ที่เคียงข้างคนไทยและสังคมไทยต่อไป
- – ไปรษณีย์ไทย หนุน เอ็นที ไอบัซซ์ ดึงเครือข่ายพี่ไปรฯ ช่วยรับส่งยาและเวชภัณฑ์ ลดข้อจำกัดด้านสถานที่และเวลา
- – ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ประกาศจ่ายปันผล 0.12 บาทต่อหุ้น แม้กำไร Q2 ลด
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของไปรษณีย์ไทยในการเป็น “Information Logistics” ที่มุ่งเน้นการให้บริการขนส่งและสื่อสารที่ขับเคลื่อนด้วยหลัก ESG+E หรือก็คือการดำเนินงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล และเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593 และสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กร
นอกจากนี้ ดร.ดนันท์ ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาชุมชนและสังคม ไปรษณีย์ไทยมุ่งมั่นที่จะสร้างงาน สร้างอาชีพ และเชื่อมโยงเครือข่ายไปยังชุมชนต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายและแพลตฟอร์มที่มีอยู่ เช่น ThailandPostMart เพื่อช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าถึงตลาดได้กว้างขึ้น
ในส่วนของนวัตกรรมและเทคโนโลยี ไปรษณีย์ไทยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อตอบสนองความต้องการในยุคปัจจุบัน บริการอย่าง Prompt Post, Postman Cloud และ D/ID เป็นตัวอย่างของการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายในการให้บริการ ไปรษณีย์ไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริการไปรษณีย์และโลจิสติกส์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและสังคม พร้อมทั้งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยยึดหลัก ESG เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ
จาก ‘โซเชียลเซอร์วิส’ สู่ ‘ESG+E ‘
ไปรษณีย์ไทยเติบโตจากการเป็นผู้ให้บริการไปรษณีย์ขั้นพื้นฐานที่มุ่งเน้นการเข้าถึงบริการของประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม แต่ในปัจจุบัน ไปรษณีย์ไทยได้ปรับเปลี่ยนบทบาทสู่การเป็นผู้ให้บริการที่คำนึงถึงความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) รวมถึงการสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (Economic) หรือที่เรียกว่า “ESG+E ” ตามแผนภาพรวมการพัฒนาองค์กรเพื่อความยั่งยืนที่นำเสนอ
ไปรษณีย์ไทยได้นำหลักการ ESG+E มาเป็นกรอบในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับ 4 มิติหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environment), สังคม (Social), ธรรมาภิบาล (Governance) และ เศรษฐกิจ (Economy) ซึ่งแต่ละมิติต่างก็ส่งเสริมซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อองค์กรและสังคมโดยรวม
ด้านสิ่งแวดล้อม (E) ไปรษณีย์ไทยมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านมาตรการต่างๆ เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพการขนส่ง ซึ่งช่วยลดค่าน้ำมันลงได้ถึง 18% และลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งถุงไปรษณีย์ได้ 15% นอกจากนี้ การเปลี่ยนระบบงานจาก Physical สู่ Digital ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 400 ตันคาร์บอนเทียบเท่า สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม
ด้านสังคม (S) ไปรษณีย์ไทยให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าให้กับสังคม โดยสนับสนุนรายได้ของชุมชนผ่านการขายสินค้าและบริการต่างๆ ได้ถึง 600 ล้านบาทต่อปี และส่งเสริมการจ้างงานในชุมชนผ่านโครงการไปรษณีย์อนุญาต สร้างรายได้กว่า 741 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมรายได้ของบุคลากรไปรษณีย์ไทยผ่านธุรกิจใหม่ๆ อีกด้วย
ด้านธรรมาภิบาลและเศรษฐกิจ (G+E) ไปรษณีย์ไทยยึดมั่นในการบริหารงานด้วยความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ โดยใช้ระบบ CRM และการบริหารจัดการข้อมูล ทำให้สามารถดึงดูดลูกค้ากลับมาใช้บริการได้มากกว่า 1 ล้านราย และสร้างรายได้กว่า 300 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร โดยมีบุรุษไปรษณีย์ที่ผ่านการอบรม Soft Skills มากกว่า 95% ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายสิ่งแวดล้อม: มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
ในด้านสิ่งแวดล้อม ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้าหมายสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2573 และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2593 โดยมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน ได้แก่
- ปรับปรุงประสิทธิภาพการขนส่ง: ลดระยะทางการขนส่ง เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเส้นทาง และใช้พลังงานสะอาด เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และพลังงานแสงอาทิตย์
- ส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน: ดำเนินโครงการรีไซเคิลและนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ เช่น โครงการ “ไปรษณีย์ reBOX” และ “วน CYCLE”
ผลจากความพยายามดังกล่าว ไปรษณีย์ไทยสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 2% ในปีนี้ และลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลง 18% นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังมีแผนที่จะนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในระบบงานเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าปรับเปลี่ยนเป็นยานยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 85% ภายในปี 2573 และ 100% ภายในปี 2583 และกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการนำพลังงานไฮโดรเจนมาใช้ในอนาคต
สังคม: เครือข่ายเพื่อชีวิตและเศรษฐกิจ
ไปรษณีย์ไทยยังคงมุ่งมั่นในการให้บริการเพื่อสังคม ผ่านการสร้างเครือข่ายที่เข้าถึงทุกพื้นที่และส่งเสริมการเติบโตของชุมชน โดยมีโครงการที่สำคัญ ได้แก่
- บริการส่งพื้นฐาน: ให้บริการส่งจดหมายและพัสดุในราคาที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน
- พัฒนาชุมชน: สนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเข้าถึงตลาดผ่านแพลตฟอร์ม “ThailandPostMart”
- สร้างอาชีพ: จ้างงานคนในชุมชนและพัฒนาบุคลากรของไปรษณีย์ไทย
ในปีที่ผ่านมา ไปรษณีย์ไทยสามารถช่วยกระจายสินค้าชุมชนได้กว่า 600 ล้านบาทต่อปี และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ได้ช่วยขนส่งผลไม้และพืชผลทางการเกษตรกว่า 100,000 ตัน โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 มียอดฝากส่งผลไม้ไทยผ่านบริการ EMS ส่งด่วนทั่วไทย กว่า 18 ล้านกิโลกรัม
ธรรมาภิบาลและเศรษฐกิจ: โปร่งใส ยั่งยืน
ไปรษณีย์ไทยให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีความโปร่งใส และบริหารจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลให้สามารถดึงดูดลูกค้ากลับมาใช้บริการได้มากกว่า 1 ล้านราย และสร้างรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 200 ล้านบาท ไปรษณีย์ไทยยังมุ่งเน้นการสร้างรายได้จากนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน และพัฒนาธุรกิจเพื่อตอบสนองต่อสังคมยุคดิจิทัล โดยยกระดับเป็นองค์กรที่ใช้ข้อมูล (Data) ในการขับเคลื่อนเพื่อแสวงหารายได้ใหม่ที่ยั่งยืน
นวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ยุคดิจิทัล
ไปรษณีย์ไทยมุ่งสู่การเป็น “Information Logistics” โดยนำเสนอบริการดิจิทัลที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการในยุคปัจจุบัน
- Prompt Post: บริการบริหารจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ครบวงจร ตั้งแต่การรับรองและลงลายมือชื่อบนเอกสารดิจิทัล ไปจนถึงการจัดเก็บเอกสารสำคัญอย่างปลอดภัย
- Postman Cloud: บริการที่ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายบุรุษไปรษณีย์กว่า 25,000 คนทั่วประเทศ เพื่อให้บริการเก็บข้อมูล สำรวจทรัพย์สิน รับ-ส่ง สิ่งของ และเชื่อมโยงผู้ซื้อกับผู้ขาย
- D/ID (Digital Post ID): รหัสไปรษณีย์ดิจิทัลส่วนบุคคล ที่ช่วยปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและระบุตำแหน่งที่ส่งได้อย่างแม่นยำ แม้กระทั่งในอาคารสูง
141 ปี ไปรษณีย์ไทย: ยั่งยืน เคียงข้าง สู่ความสำเร็จ
ตลอด 141 ปีที่ผ่านมา ไปรษณีย์ไทยได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริการไปรษณีย์และโลจิสติกส์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและสังคม พร้อมทั้งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยยึดหลัก ESG เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ
ไปรษณีย์ไทยยังคงยืนหยัดเคียงข้างคนไทยและสังคมไทย พร้อมส่งมอบบริการที่เป็นเลิศและสร้างความสำเร็จร่วมกันต่อไป
#ไปรษณีย์ไทย #141ปี #ESG #ความยั่งยืน #นวัตกรรม #PromptPost #PostmanCloud #D_ID #ThailandPostMart