หนึ่งปีหลังจากงาน ESG Symposium 2023 ประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่น่าจับตามองในการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม นำโดย เอสซีจี ได้ก่อให้เกิดโครงการและความคิดริเริ่มที่เป็นรูปธรรมมากมาย ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน และส่งเสริมความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม
- – หัวเว่ย ลุยนำ ห้องเรียนอัจฉริยะ และ ดิจิทัลบัส สู่สุรินทร์
- – ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ชู 4 แนวทางรักษ์โลก สู่องค์กรยั่งยืน
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวแสดงความขอบคุณต่อทุกภาคส่วนที่ร่วมแรงร่วมใจผลักดันประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา พร้อมเน้นย้ำว่าความสำเร็จต่างๆ เกิดจาก “การทำงานแบบบูรณาการ โดยมีเป้าหมายร่วมกัน สื่อสารเปิดเผย และลงมือทำจริง”
และยังชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่เกิดขึ้น ทั้งในระดับประเทศและระดับจังหวัด อย่างเช่น โครงการในจังหวัดสระบุรีที่เป็นต้นแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมถึงความมุ่งมั่นของภาคอุตสาหกรรมในการลดคาร์บอน และการพัฒนาสินค้ารักษ์โลกของโฮมโปร
โดยมองว่าความสำเร็จที่ผ่านมาเป็นเพียงจุดเริ่มต้น และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเร่งเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อคว้าโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน เขาเชื่อมั่นว่า ESG Symposium 2024 จะเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอแนวทางและข้อเสนอเชิงนโยบายที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมายนี้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
สระบุรีแซนด์บ็อกซ์: ต้นแบบความร่วมมือสู่เมืองคาร์บอนต่ำ
จังหวัดสระบุรีได้กลายเป็นต้นแบบของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ในการลดการปล่อยคาร์บอน ผ่านโครงการ “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน โครงการต่างๆ ภายใต้แซนด์บ็อกซ์นี้ ได้แก่:
- ธนาคารขยะ: โครงการนี้ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานครอบคลุมทั้ง 108 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วจังหวัด เกิดเป็นกองทุนชุมชนมากถึง 123 กองทุน ช่วยลดภาระงบประมาณในการจัดการขยะ พร้อมทั้งสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน
- ถังขยะเปียกลดโลกร้อน: โครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 3,495 ตัน แต่ยังสร้างรายได้ให้ชุมชนเกือบ 1 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของการจัดการขยะในการสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
- ส่งเสริมพืชพลังงาน: การส่งเสริมการปลูกพืชพลังงานในพื้นที่กว่า 100 ไร่ ช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรกว่า 2.5 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 2,500 ตัน เป็นการส่งเสริมการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้กับเกษตรกร
โครงการสระบุรีแซนด์บ็อกซ์นี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนสามารถสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในการลดการปล่อยคาร์บอนและสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน นอกจากนี้ยังเป็นต้นแบบให้กับจังหวัดอื่นๆ ในการนำไปประยุกต์ใช้และพัฒนาต่อยอด เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน
นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวเสริมว่า “ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในจังหวัดสระบุรี ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเครื่องยืนยันว่าการทำงานร่วมกันอย่างจริงจังสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนได้”
ภาคอุตสาหกรรม: ผู้นำในการลดคาร์บอน
ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
- ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ: อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์มุ่งมั่นพัฒนาปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ ซึ่งช่วยลดคาร์บอนได้ถึง 1,169,673 ตัน และมีแผนใช้แทนปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ทั่วประเทศภายในปี 2568
- ความร่วมมือกับ Princeton: การร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Princeton ในการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจก วางแผน Energy Roadmap และพัฒนา Green Infrastructure ในพื้นที่ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
นายชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทยตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และพร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมายนี้
โดยเราได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ ตัวอย่างเช่น การพัฒนาปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของผลิตภัณฑ์อีกด้วย
นอกจากนี้ เรายังร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Princeton ในการวางแผน Energy Roadmap และพัฒนา Green Infrastructure เพื่อลดการใช้พลังงานและเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2050 สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทย เราเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือและความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วน เราจะสามารถสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับประเทศไทยและโลกของเรา”
โฮมโปร: ผู้นำสินค้ารักษ์โลก
โฮมโปร มุ่งมั่นพัฒนาสินค้ารักษ์โลก (Circular Products) และระบบ Closed-Loop เพื่อนำสินค้ากลับมาใช้ใหม่ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และตั้งเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593
- Closed-Loop Circular Products: การนำสินค้าใช้แล้วมาผลิตใหม่เป็นสินค้ารักษ์โลก และความร่วมมือกับ SCG ในการพัฒนา Green Polymer คุณภาพสูง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน
สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย: พร้อมเคียงข้าง SMEs
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญของผู้ประกอบการ SME ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับกฎเกณฑ์ใหม่ๆ เช่น Thailand Taxonomy และ CBAM ที่กำลังจะบังคับใช้ในอนาคตอันใกล้
ผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และทรัพยากรที่จำเป็นในการปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรฐานใหม่เหล่านี้ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยตระหนักถึงปัญหานี้เป็นอย่างดี และเราพร้อมที่จะยืนเคียงข้างผู้ประกอบการ SME ทุกท่านในการก้าวผ่านความท้าทายนี้ไปด้วยกัน
เราขอเรียกร้องให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับการสนับสนุน SME ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ การถ่ายทอดเทคโนโลยี การเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนี้ เรายังขอเสนอ 6 มาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือ SME ได้แก่ มาตรการปลุกเศรษฐกิจฐานราก, มาตรการแก้ไขปัญหาต้นทุน, มาตรการเข้าถึงแหล่งทุน, มาตรการยกระดับขีดความสามารถ, มาตรการแก้ไขกฎหมาย และมาตรการปกป้อง SME จากทุนข้ามชาติ
เราเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เราจะสามารถช่วยให้ SME ไทยปรับตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในยุคของสังคมคาร์บอนต่ำ และร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้สำเร็จ”
ESG Symposium 2024: เร่งเปลี่ยน ยิ่งเพิ่มโอกาส
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำไม่เพียงแต่ช่วยลดวิกฤตโลกร้อน แต่ยังเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย งาน ESG Symposium 2024 จะนำเสนอข้อเสนอจาก 5 ด้านสำคัญต่อรัฐบาล ได้แก่
- Saraburi Sandbox: โมเดลต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย
- Circular Economy: การใช้ทรัพยากรหมุนเวียนให้คุ้มค่าสูงสุด
- Just Transition: การสนับสนุนทรัพยากรแก่ภาคส่วนต่างๆ ที่อยู่ในกระบวนการเปลี่ยนผ่าน
- Technology for Decarbonization: การพัฒนาเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- Sustainable Packaging Value Chain: การจัดการแพคเกจจิ้งทั้งระบบอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ งาน ESG Symposium 2024 จะจัดขึ้นในวันที่ 30 กันยายนนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีวิทยากรระดับโลกมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ผู้สนใจสามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ทาง Facebook และ Youtube ของเอสซีจี หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ www.scg.com