กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประกาศความคืบหน้าครั้งสำคัญในการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการ ด้วยการยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 30 กันยายน 2567 เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการปรับโครงสร้างทุนครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การยกเลิกการฟื้นฟูกิจการและกลับมาซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง
- – SCBX ปิดดีลขาย Robinhood 2,000 ล้าน ให้กลุ่มผู้ลงทุน นำโดยกลุ่มยิบอินซอย
- – การบินไทย ลุยขายทรัพย์สินได้ทะลุเป้า เร่งชำระหนี้กว่า 7 พันล้าน
รายละเอียดการปรับโครงสร้างทุน
การปรับโครงสร้างทุนครั้งนี้จะดำเนินการผ่าน 3 วิธีหลัก ได้แก่
- การแปลงหนี้เป็นทุน: เจ้าหนี้เดิมตามแผนฟื้นฟูฯ จะมีโอกาสแปลงหนี้เป็นทุน โดยเจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 หรือกระทรวงการคลังจะได้รับการชำระหนี้เต็มจำนวน 100% ในขณะที่เจ้าหนี้กลุ่มอื่นๆ จะได้รับการชำระหนี้ 24.50% ของมูลหนี้ทั้งหมดผ่านการแปลงหนี้เป็นทุน
- การใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนเพิ่มเติม (โดยสมัครใจ): เจ้าหนี้บางรายจะมีสิทธิในการแปลงหนี้เป็นทุนเพิ่มได้ตามความสมัครใจ
- การใช้สิทธิแปลงดอกเบี้ยเป็นทุน (โดยสมัครใจ): เจ้าหนี้สามารถเลือกแปลงดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักเป็นทุนได้ตามความสมัครใจ
นอกจากนี้ การบินไทยยังจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลตามแผนฟื้นฟูฯ ซึ่งจะจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม พนักงาน และบุคคลในวงจำกัดตามลำดับ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับบริษัท
เป้าหมายและความคาดหวัง
การปรับโครงสร้างทุนครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญคือการทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของการบินไทยกลับมาเป็นบวก ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน การบินไทยคาดว่าจะสามารถนำหุ้นกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ภายในไตรมาส 2 ของปี 2568
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ กล่าวว่า “การบินไทยได้ดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูฯ อย่างเคร่งครัดและปรับปรุงการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ การปรับโครงสร้างทุนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้การบินไทยกลับมาแข็งแกร่งและสามารถออกจากแผนฟื้นฟูได้ตามเป้าหมาย”
นางเฉิดโฉม เทอดสถีรศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการบัญชี กล่าวเสริมว่า “แผนฟื้นฟูฯ กำหนดให้การปรับโครงสร้างทุนต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 และเพื่อสร้างความมั่นใจว่าการปรับโครงสร้างทุนจะสำเร็จและรักษาเสถียรภาพราคาหุ้น ผู้บริหารแผนได้กำหนดมาตรการ Lock-up ห้ามเจ้าหนี้ขายหุ้นที่ได้จากการแปลงหนี้เป็นเวลา 1 ปี”
การยื่นไฟลิ่งครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของการบินไทยในการฟื้นฟูกิจการและกลับมาเป็นสายการบินแห่งชาติที่แข็งแกร่งอีกครั้ง ด้วยการสนับสนุนจากเจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้น และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง การบินไทยกำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงบนเส้นทางสู่ความสำเร็จ
ความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟู
ขณะที่ความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ครั้งที่ 13 สำหรับงวดระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2567 ถึงวันที่ 14 กันยายน 2567 (ปีที่ 4 ไตรมาสที่ 1) ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีสาระสำคัญดังนี้
โดยการบินไทยได้ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยคงค้าง จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เป็นเงินรวม 7,004,183,778.53 บาท และยังคงสามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ โดยไม่มีการผิดนัดใดๆ
ความคืบหน้าการขายทรัพย์สิน
การบินไทยได้ดำเนินการขายทรัพย์สินรองอื่นๆ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและลดภาระหนี้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ขายเครื่องบินที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว จำนวน 12 ลำ ในราคาขายรวม 40,125,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- ได้รับเงินค่าขายครบถ้วนแล้ว 1 ลำ เป็นเงิน 621,000 ดอลลาร์สหรัฐ และส่งมอบเครื่องบินให้แก่ผู้ซื้อแล้ว
- ได้รับเงินมัดจำจำนวนร้อยละ 20 ของราคาขายเครื่องบินแล้ว 1 ลำ เป็นเงิน 122,600 ดอลลาร์สหรัฐ
- อยู่ระหว่างรอรับชำระเงินมัดจำอีก 10 ลำ
- ขายเครื่องยนต์อะไหล่ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว จำนวน 2 เครื่อง ในราคาขายรวม 930,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- ได้รับเงินมัดจำจำนวนร้อยละ 20 ของราคาขายเครื่องยนต์แล้ว เป็นเงิน 186,000 ดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ การบินไทย ยังมีความคืบหน้าในการขายเครื่องบินและเครื่องยนต์อะไหล่อื่นๆ ที่เคยรายงานไปก่อนหน้านี้ โดยได้รับเงินค่าขายครบถ้วนและส่งมอบเครื่องบิน/เครื่องยนต์ให้แก่ผู้ซื้อแล้วบางส่วน
การประชุมคณะกรรมการเจ้าหนี้
มีการประชุมคณะกรรมการเจ้าหนี้เพิ่มเติมจากการรายงานความคืบหน้าในไตรมาสก่อน รวม 2 ครั้ง โดยที่ประชุมได้รับทราบในประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ เช่น การปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ ผลการดำเนินงานของการบินไทย การดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการ ความคืบหน้าการปรับโครงสร้างธุรกิจการบิน การติดตามหนี้กองทุนบำเหน็จพนักงานการบินไทยฯ จากธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทย ความคืบหน้าคดีแรงงาน และเรื่องอื่นๆ
ซึ่งหากดูจากผลการดำเนินงานข้างต้น การบินไทยแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการชำระหนี้ได้ตามที่แผนฟื้นฟูกิจการกำหนด ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อการฟื้นตัวขององค์กร
การปรับโครงสร้างทุนครั้งใหญ่ คาดเสร็จสิ้นภายในปีนี้
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศความคืบหน้าครั้งสำคัญในการดำเนินการปรับโครงสร้างทุนภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ โดยได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ 69-1) และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้วเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การปรับโครงสร้างทุนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง”
การปรับโครงสร้างทุนประกอบด้วยการแปลงหนี้เป็นทุนและการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งมีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้
- การแปลงหนี้เป็นทุน: เจ้าหนี้สามารถใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนได้ทั้งแบบบังคับและสมัครใจ โดยมีราคาแปลงหนี้เป็นทุนที่ 2.5452 บาทต่อหุ้น
- การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน: จะมีการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม พนักงานของบริษัทฯ และนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง โดยราคาเสนอขายจะไม่ต่ำกว่า 2.5452 บาทต่อหุ้น
กระบวนการแปลงหนี้เป็นทุนและการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2567 และบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถดำเนินการปรับโครงสร้างทุนทั้งหมดให้เสร็จสิ้นได้ภายในสิ้นปี 2567 ตามที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ
นอกจากนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้นหลังจากกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ ได้กำหนดให้เจ้าหนี้ที่ได้รับหุ้นจากการแปลงหนี้เป็นทุนไม่สามารถขายหุ้นดังกล่าวได้เป็นระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่หุ้นของบริษัทฯ กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
การปรับโครงสร้างทุนครั้งนี้ถือเป็นความพยายามครั้งสำคัญของการบินไทยในการแก้ไขปัญหาทางการเงินและสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจในระยะยาว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น เจ้าหนี้ พนักงาน และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
#การบินไทย #ปรับโครงสร้างทุน #แผนฟื้นฟู #ตลาดหลักทรัพย์ #ก้าวสำคัญ #ฟื้นฟูกิจการ