___noise___ 1000

Synology เผยทางรอด 2 เทรนด์ Ransomware – ข้อมูลรั่วไหล ที่มาแรง

Synology

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – Synology ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันการจัดเก็บและปกป้องข้อมูล เผย 2 เทรนด์สำคัญที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจอย่างรวดเร็วในปี 2024 ได้แก่ ภัยคุกคามจากมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) ที่พุ่งสูงขึ้น และแนวโน้มการใช้งานระบบ On-premise Productivity Tools เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล

นายรหัท บุญตันจีน ผู้จัดการฝ่ายขายประจำประเทศไทย บริษัท ซินโนโลจี้ จำกัด (Synology) กล่าวว่า “ปัจจุบัน Ransomware ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก มีอัตราการโจมตีเฉลี่ยต่อองค์กรเพิ่มขึ้นถึง 22% ต่อสัปดาห์ ทำให้องค์กรใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนในการกู้คืนข้อมูล แม้องค์กรที่ยอมจ่ายค่าไถ่ก็ไม่สามารถรับประกันการกู้คืนข้อมูลได้ทั้งหมด จากสถิติพบว่า 71% ขององค์กรที่ถูกโจมตีไม่สามารถกู้คืนข้อมูลได้สมบูรณ์ ทำให้การมีระบบปกป้องข้อมูลที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ กลายเป็นตัวช่วยสำคัญในการลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์”

นอกจากนี้ องค์กรทั่วโลกยังหันมาใช้ระบบ On-premise Productivity Tools ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือหรือซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กร ซึ่งถูกติดตั้งและใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์หรือคอมพิวเตอร์ภายในองค์กรเองร่วมกับ Cloud SaaS แทนการใช้ออนไลน์ผ่านคลาวด์ (cloud-based services) เพียงอย่างเดียว เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล เนื่องจากรายงานจาก Varonis ระบุว่า 81% ขององค์กรในปี 2022 ประสบปัญหาข้อมูลรั่วไหล

“การใช้ On-premise Productivity Tools ช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างละเอียด และยังช่วยลดต้นทุนการจัดการข้อมูลในระยะยาว” นายรหัท กล่าวเสริม

เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายเหล่านี้Synology ได้เปิดตัว 4 โซลูชันใหม่ในปี 2024 ที่ออกแบบมาเพื่อการจัดเก็บและปกป้องข้อมูลอย่างครบวงจร โดยนำ AI เข้ามาช่วยยกระดับการจัดการข้อมูลให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น

Synology

4 โซลูชันทางรอด แห่งปี 2024 ประกอบด้วย

  1. โซลูชันการจัดเก็บและการจัดการข้อมูล (Data Storage and Management): Scale-out solution รองรับการขยายได้ถึง 96 โหนด และรองรับทั้ง File Storage และ Object Storage แพลตฟอร์มนี้ออกแบบมาให้ทำงานได้ต่อเนื่องโดยไม่มีสะดุด พร้อมการรองรับSynology Drive และ Office ที่จะช่วยให้องค์กรสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
  2. โซลูชันป้องกันข้อมูล (Data Protection): Active Protect Appliances ใหม่ ช่วยให้การปกป้องข้อมูลง่ายขึ้น รองรับการปกป้องเซิร์ฟเวอร์ได้มากถึง 2,500 เครื่อง ในหลายไซต์ทั่วโลก ด้วยนโยบายการเก็บรักษาข้อมูลที่ครอบคลุม พร้อมระบบสำรองข้อมูลที่ช่วยลดการทำข้อมูลซ้ำและเพิ่มประสิทธิภาพในการสำรองข้อมูล
  3. โซลูชันระบบบริหารจัดการเฝ้าระวังและเตือนภัยครบวงจร (Surveillance): Surveillance Station ช่วยให้การจัดการระบบเฝ้าระวังในหลายสถานที่เป็นเรื่องง่ายขึ้นจากศูนย์ควบคุมเดียว พร้อม AI Feature ที่จะช่วยให้การเฝ้าระวังทรัพย์สินปลอดภัยยิ่งขึ้น และยังมีการเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ เช่น FC600, BC800Z, CC400W และกล้อง Direct to Cloud
  4. Productivity with AI: Synology Office Suite โซลูชันการทำงานร่วมกันแบบครบวงจรที่รวมเครื่องมือต่างๆ เช่นSynology Drive, Synology Office, MailPlus, และ Chat ซึ่งผสานรวมกับSynology AI Console เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในทีมภายในองค์กรที่สามารถใช้งานได้แบบ on-premise

“ที่ผ่านมา Synology มีมูลค่าตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) เติบโตขึ้น 150% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คาดปีนี้มีมูลค่ากว่า 45 ล้านเหรียญฯ ในตลาด SEA” นายรหัท กล่าว

Synologyยังมั่นใจในศักยภาพของตลาดประเทศไทย โดยเล็งเห็นโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของธุรกิจดิจิทัล รวมถึงการเร่งผลักดันโครงการ Digital Transformation จากหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการข้อมูลในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Threats) ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการด้านการปกป้องข้อมูลเพิ่มสูงขึ้น

#Synology #โซลูชัน #ความปลอดภัยข้อมูล #AI #DigitalTransformation #CyberThreats #Ransomware #OnpremiseProductivityTools

banner Sample

Related Posts