กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ทริสเรทติ้ง คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2567 จะขยายตัว 2.6% และ 2.8% ในปี 2568 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคบริการ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่การส่งออกสินค้ายังคงเผชิญกับความท้าทายจากอุปสงค์โลกที่ชะลอตัว พร้อมแนะจับตาปัจจัยเสี่ยง ทั้งจากเศรษฐกิจโลก ภูมิรัฐศาสตร์ และภัยธรรมชาติ
- – กสทช. ลุยติดตั้ง อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ในอุทยานฯ 115 แห่งทั่วประเทศ
- – ทรู คอร์ปอเรชั่น เตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่ ดอกเบี้ยสูงสุด 4.10% ต่อปี
โดยนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ ทริสเรทติ้ง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 จะได้รับแรงหนุนสำคัญจากการฟื้นตัวของภาคบริการ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 36.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 29.2 ล้านคนในปี 2566 โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้ว 23.6 ล้านคน สะท้อนถึงแนวโน้มการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง โดยนักท่องเที่ยวหลักยังคงมาจากประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ เช่น มาเลเซีย จีน และอินเดีย
“การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวยังส่งผลบวกต่อการบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เช่น ร้านอาหาร โรงแรม และการขนส่ง”
การลงทุนภาคเอกชนชะลอ รอความเชื่อมั่นฟื้น
แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่การลงทุนภาคเอกชนยังคงเป็นจุดที่ต้องจับตามอง โดยทริสเรทติ้งปรับลดประมาณการการลงทุนภาคเอกชนในปี 2567 เหลือขยายตัวเพียง 0.8% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 3.3% ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของภาคธุรกิจ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งการลงทุน ได้แก่ ความไม่แน่นอนทางการเมือง และความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้ชะลอการตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีสัญญาณบวกจากการลงทุนในบางกลุ่มธุรกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และการลงทุนในกลุ่มพลังงานทดแทน ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ นอกจากนี้ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เช่น โครงการรถไฟฟ้า และโครงการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนในระยะต่อไป
สำหรับปี 2568 คาดว่าการลงทุนภาคเอกชนจะทยอยฟื้นตัว โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นการลงทุนในระยะยาว นอกจากนี้ การมีเสถียรภาพทางการเมือง และนโยบายภาครัฐที่เอื้อต่อการลงทุน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการลงทุนภาคเอกชน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ภาครัฐเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ
แม้ว่าการใช้จ่ายงบประมาณปี 2567 จะล่าช้ากว่าแผน แต่รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยในปี 2568 คาดว่าการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ โครงการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง และโครงการพัฒนาโครงข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เช่น มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และมาตรการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะขยายตัว 2.8%
อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายการคลังของรัฐบาลยังต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น ปัญหาหนี้สาธารณะ และความจำเป็นในการรักษาวินัยทางการคลัง ซึ่งรัฐบาลต้องบริหารจัดการอย่างรอบคอบ เพื่อให้การกระตุ้นเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว
ส่งออกยังเสี่ยง แม้สินค้าบางกลุ่มสดใส
แม่ว่าภาพรวมการส่งออกของไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2567 จะขยายตัว 4.5% โดยมีสินค้าดาวเด่นอย่างอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเกษตร และเครื่องจักรและอุปกรณ์ เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ แต่ทริสเรทติ้ง มองว่า การส่งออกของไทยในระยะถัดไปยังมีความเสี่ยงสูง จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา และจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุปสงค์สินค้าโดยรวม
นอกจากนี้ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังคงเป็นปัจจัยลบต่อการส่งออกของไทย โดยส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และการขนส่งสินค้ามีความล่าช้า ขณะเดียวกัน การแข็งค่าของเงินบาท เมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศคู่ค้า ยังส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าไทยในตลาดโลก
เพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าว ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องปรับตัว โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้า และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เจาะตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และการตลาด ขณะเดียวกัน ภาครัฐต้องเร่งออกมาตรการสนับสนุน เช่น การส่งเสริมการลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย และรักษาเสถียรภาพการส่งออกในระยะยาว
แนะจับตา 3 ปัจจัย “โลก-การเมือง-ภัยพิบัติ”
นอกจากนี้ แม้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน โดยทริสเรทติ้ง ชี้ 3 ปัจจัยเสี่ยงหลักที่ต้องจับตา ได้แก่ ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ และภัยธรรมชาติ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต การส่งออก และการท่องเที่ยว
เศรษฐกิจโลกผันผวน ฉุดส่งออกไทย การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา และจีน เป็นความเสี่ยงสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทย ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังคงเป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจโลก โดยส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และการขนส่งสินค้ามีความล่าช้า
ภูมิรัฐศาสตร์ร้อนระอุ เสี่ยงกระทบการค้า-การลงทุน ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ และความขัดแย้งระหว่างประเทศในตะวันออกกลาง อาจทวีความรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงเศรษฐกิจไทย โดยอาจกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ การลงทุน และความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ภัยธรรมชาติ คุกคามภาคการผลิต-ท่องเที่ยว ภัยธรรมชาติ เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และพายุ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคการผลิต และการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจหลักของประเทศ ตัวอย่างเช่น ภัยแล้ง อาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร และการผลิตไฟฟ้า ขณะที่น้ำท่วม อาจส่งผลกระทบต่อการขนส่ง และการท่องเที่ยว
เตรียมพร้อมรับมือ ลดผลกระทบ เพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ภาคธุรกิจและภาครัฐต้องเตรียมพร้อมรับมือ โดยภาคธุรกิจ ควรกระจายความเสี่ยง มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ส่วนภาครัฐ ต้องมีมาตรการรองรับ เช่น การส่งเสริมการลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการบริหารจัดการน้ำ เพื่อลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว
#เศรษฐกิจไทย #ทริสเรทติ้ง #การท่องเที่ยว #การส่งออก #การลงทุน #ความเสี่ยงเศรษฐกิจ #ภูมิรัฐศาสตร์ #ภัยธรรมชาติ