กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ค่าเงินบาทวันนี้ผันผวนหนัก! แข็งค่าขึ้นช่วงข้ามคืนก่อนร่วงลงในช่วงเช้า รับแรงกดดันจากการเมืองสหรัฐฯ ที่ยังไร้ข้อสรุป บวกกับ ISM ภาคบริการสหรัฐฯ พุ่งเกินคาด หนุนดอลลาร์แข็งค่า ขณะที่ Caixin PMI ภาคบริการจีนส่งสัญญาณบวก ฟื้นตัวแรงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ผู้เชี่ยวชาญแนะจับตาผลเลือกตั้งสหรัฐฯ และตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ พร้อมแนะผู้ประกอบการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง นักลงทุนกระจายพอร์ต รับมือความผันผวน
- – ยูโอบี เผยผลสำรวจ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอาเซียน ปี 2567
- – บาทร่วง! 33.90 บาท/ดอลลาร์ จับตา LDP พ่ายเลือกตั้งญี่ปุ่น ฉุดเยนอ่อน
กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets) คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.50-34.20 บาท/ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความผันผวนของค่าเงินบาท ได้แก่
-
การเมืองสหรัฐฯ กดดัน: ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงข้ามคืน แตะระดับ 33.58 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า Harris มีโอกาสชนะการเลือกตั้งสูงขึ้น แต่กลับมาอ่อนค่าลงในช่วงเช้าหลังจากเริ่มนับคะแนนเลือกตั้ง โดยแตะระดับ 34.15 บาท/ดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนไหวของตลาดเงินต่อสถานการณ์ทางการเมืองในสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก Trump ชนะการเลือกตั้ง อาจส่งผลกระทบต่อนโยบายการค้าระหว่างประเทศ และอาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมากขึ้น
-
ISM ภาคบริการสหรัฐฯ พุ่งเกินคาด: ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (ISM) ภาคบริการของสหรัฐฯ เดือนตุลาคม ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 56.0 ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 53.8 โดยได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นด้านการจ้างงานที่ปรับตัวสูงขึ้นจาก 51.1 ในเดือนกันยายน สู่ระดับ 53.9 ในเดือนตุลาคม ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ รวมถึงเงินบาท เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง
-
Caixin PMI ภาคบริการจีน ส่งสัญญาณบวก: ดัชนี Caixin PMI ภาคบริการของจีนเดือนตุลาคม ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 52.0 สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 50.5 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความเชื่อมั่นด้านธุรกิจที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน บ่งชี้ถึงสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งอาจส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยในระยะต่อไป
บทวิเคราะห์:
ความผันผวนของค่าเงินบาทในวันนี้เป็นผลมาจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ทางการเมืองในสหรัฐฯ ที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
นอกจากนี้ ปัจจัยภายในประเทศ เช่น สถานการณ์ทางการเมือง และทิศทางนโยบายของรัฐบาลใหม่ ก็อาจส่งผลต่อค่าเงินบาทได้เช่นกัน
นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์การเมืองในสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด รวมถึงจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่จะประกาศออกมาในระยะต่อไป เช่น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เพื่อประเมินทิศทางของค่าเงินบาท
คำแนะนำ:
-
ผู้ประกอบการที่มีรายได้หรือรายจ่ายเป็นเงินตราต่างประเทศ ควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เช่น การทำ Forward Contract เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงิน
-
นักลงทุนควรกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น หุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ และอสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
#ค่าเงินบาท #เศรษฐกิจ #การเมืองสหรัฐฯ #ISM #CaixinPMI #จีน #ตลาดเงิน #การลงทุน