นายกฯ โชว์ วิสัยทัศน์ เวทีเอเปค ชู 3 แนวคิด สร้างอนาคตเศรษฐกิจยั่งยืน

นายกฯ โชว์ วิสัยทัศน์ เวทีเอเปค ชู 3 แนวคิด สร้างอนาคตเศรษฐกิจยั่งยืน

กรุงลิมา, เปรูการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ครั้งที่ 31 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ปิดฉากลงอย่างงดงาม โดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สร้างความประทับใจให้แก่ผู้นำโลก ด้วยการนำเสนอ วิสัยทัศน์ และแนวคิดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย และภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความขอบคุณต่อประธานาธิบดีเปรู และประชาชนชาวเปรู สำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และการจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำที่สะท้อนวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของเปรู พร้อมทั้งขอบคุณ กรรมการผู้จัดการ IMF ที่ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ซึ่งกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน

นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่า เอเปค เป็นเวทีสำคัญในการสร้างความร่วมมือ เพื่อปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจของภูมิภาค โดยเน้นย้ำ 3 แนวคิดหลัก ดังนี้

1. สร้างโอกาสสำหรับทุกคน

  • ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง: นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างโอกาสที่เท่าเทียม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทั้งในระบบเศรษฐกิจ และนอกระบบเศรษฐกิจ ซึ่งไทยได้ดำเนินการแก้ไขปัญหา และสนับสนุนการจ้างงานในระบบ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมธุรกิจ และแรงงานนอกระบบ ให้เข้าถึงโอกาส และสวัสดิการต่างๆ
  • เทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรม และ AI: ไทยได้นำเทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรม และปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโอกาสให้กับประชาชน เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านระบบการเงินดิจิทัล โครงการคนละครึ่ง และการพิจารณานำ “Negative Income Tax” มาใช้เพื่อสร้างระบบฐานข้อมูล และจัดสรรผลประโยชน์จากรัฐอย่างเป็นธรรม
  • เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน: นายกรัฐมนตรี เสนอให้เอเปค เพิ่มความเชื่อมโยงทางกายภาพ และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในภูมิภาค เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้า การลงทุน และการเดินทาง โดยเฉพาะกลุ่ม “Digital Nomad” รวมถึงการผลักดันบัตรเดินทาง APEC Business Travel Card (ABTC) เพื่อส่งเสริมการเดินทาง และการทำธุรกิจระหว่างกันในกลุ่มประเทศสมาชิก

2. ส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจ

  • เขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP): นายกรัฐมนตรี แสดงวิสัยทัศน์ในการผลักดัน FTAAP ให้เป็นรูปธรรม เพื่อส่งเสริมการค้าเสรี และการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อม การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึง MSMEs และกลุ่มบุคคลทุกเพศทุกวัย
  • สถาปัตยกรรมทางการเงิน: ไทยสนับสนุนการสร้าง “สถาปัตยกรรมทางการเงิน” ที่สมดุล ยืดหยุ่น และมั่นคง เพื่อรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาค

3. เร่งเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว

  • เป้าหมาย BCG: นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้เอเปค เร่งดำเนินการตามเป้าหมาย “BCG” หรือเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว ที่เคยหารือร่วมกันในกรุงเทพฯ โดยไทยได้ประกาศเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด และพลังงานหมุนเวียน เช่น แผนการเพิ่มพลังงานสะอาด 20 กิกะวัตต์ภายใน 20 ปี เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065
  • ตลาดและการค้าเครดิตคาร์บอน: ไทยเสนอให้เอเปค เป็นผู้นำในการกำหนดเป้าหมาย และสนับสนุนการพัฒนาตลาด และการค้าเครดิตคาร์บอน เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า การประชุมเอเปค ครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือ และความใกล้ชิดระหว่างประเทศสมาชิก พร้อมแสดงความยินดีกับเปรู ในฐานะเจ้าภาพ และความสำเร็จในการจัดการประชุม

การประชุมเอเปค ครั้งที่ 31 ได้รับรองเอกสารผลลัพธ์ 3 ฉบับ ได้แก่ ปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค, ถ้อยแถลงอิชมา ว่าด้วยมุมมองใหม่ในการขับเคลื่อนเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก และแผนงานลิมา เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจในระบบและเศรษฐกิจโลกของเอเปค

#เอเปค #เศรษฐกิจ #แพทองธาร #BCG #FTAAP #เศรษฐกิจสีเขียว #การค้าระหว่างประเทศ #ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ #เอเชียแปซิฟิก #เปรู

Related Posts