กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ไปรษณีย์ไทย เดินหน้าพัฒนาระบบไอทีครั้งใหญ่ ทุ่มงบประมาณกว่า 800 ล้านบาท ในช่วงที่ผ่านมา ปรับปรุงระบบหลังบ้านครั้งใหญ่ รองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ชูจุดเด่น เพิ่มความเร็ว ความแม่นยำ และประสิทธิภาพในการทำงาน ด้วยเทคโนโลยี AI พร้อมเผยแผนพัฒนาบุคลากร รับการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
- – TTA โชว์ไตรมาส 3/67 ทะลุพันล้าน! ขนส่งทางเรือ-บริการนอกชายฝั่งหนุน
- – เฟดเอ็กซ์ ขยายเวลาการเตรียมพัสดุสำหรับส่งออก ช่วยธุรกิจไทยรับมือช่วงเทศกาลวันหยุดนี้
ดร.ตฤณ ทวิธารานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจบริการดิจิทัล บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ไปรษณีย์ไทยกำลังดำเนินการปรับปรุงระบบ THP CORE ซึ่งเป็นระบบไอทีหลังบ้านทั้งหมดของไปรษณีย์ไทยครั้งใหญ่ โดยใช้งบประมาณกว่า 800 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบให้สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การปรับปรุงระบบในครั้งนี้ ครอบคลุมระบบงานหลักๆ ได้แก่ ระบบรับฝาก ส่งต่อ นำจ่าย ระบบหน้าเคาน์เตอร์ ระบบจ่ายเงิน ระบบเติมเงิน และระบบติดตามพัสดุ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความเร็ว ความแม่นยำ และประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงยกระดับการให้บริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น
หนึ่งในจุดเด่นของการพัฒนาระบบในครั้งนี้ คือการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น การนำ AI มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งพัสดุ และลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ รวมถึงการนำ AI มาช่วยในการบริหารจัดการข้อมูลลูกค้า เพื่อให้สามารถนำเสนอบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
“ระบบเดิมของเราถูกพัฒนาขึ้นมาแบบกระจัดกระจาย ทำให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ และไม่สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น เราจึงต้องลงทุนพัฒนาระบบใหม่ เพื่อให้สามารถรองรับการเติบโตในอนาคตได้” ดร.ตฤณ กล่าว
นอกจากการพัฒนาระบบไอทีแล้ว ไปรษณีย์ไทยยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร เพื่อให้สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลได้ โดยจัดตั้งทีม Change & Transform เพื่อเป็นทีมหลักในการพัฒนาบุคคลากรให้พร้อมสำหรับใช้งานระบบที่เปลี่ยนแปลงจากเดิม ผ่านการจัดอบรม และพัฒนาหลักสูตรต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนทักษะ และความรู้ด้านดิจิทัลให้กับพนักงาน
“การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพนักงานบางส่วน แต่เราเชื่อมั่นว่า การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับการให้บริการ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไปรษณีย์ไทย ในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน” ดร.ตฤณ กล่าวเสริม
ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทยคาดว่า การปรับปรุงระบบไอทีในครั้งนี้ จะแล้วเสร็จภายในปี 2566 โดยขณะที่อยู่ระหว่างการทดสอบระบบขั้นตอนสุดท้าย และคาดว่าในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าจะสามารถเปิดใช้งานได้เต็มระบบ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ไม่ต่ำกว่า 5% รวมถึงช่วยเพิ่มความเร็ว และความแม่นยำในการจัดส่งพัสดุได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
#ไปรษณีย์ไทย #ThailandPost #ระบบไอที #AI #ดิจิทัล #อีคอมเมิร์ซ #DigitalTransformation #เทคโนโลยี